Trash of the Count’s family - ตอนที่ 150.1
บทที่ 150 มุ่งร้าย 5 (1)
รุ่งอรุณคืบมาเยือน
ทั่วทั้งมหาสมุทรสงบลงเพราะพายุได้พัดผ่านไป คาร์ลเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ไม่มีเมฆฝนขนาดใหญ่ซึ่งครอบคลุมไปเกือบครึ่งหนึ่งของหมู่เกาะฮาอิสบดบังอีกต่อไปก่อนจะค่อยๆลดศีรษะลง
เขามีความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัว
‘…น่ากลัว’
คาร์ลรู้สึกสยองกับภาพที่เห็น
ทุกอย่างถูกทำลายจนสิ้นซาก นอกจากเรือที่สามารถขึ้นเทียบท่าตามเกาะต่างๆได้ เรือทุกลำที่ถูกวังน้ำวนและฝูงวาฬโจมตีต่างถูกทำลายลอยเกลื่อนเป็นชิ้นๆ ซากศพก็ลอยอืดทั่วผืนน้ำ
“มนุษย์..เจ้าตกใจหรือเปล่า?”
คาร์ลหันไปมองราอน
“มนุษย์..นี่มันมากเกินกว่าที่เจ้าจะรับได้หรือไม่?..แต่เราไม่มีทางเลือกอื่นนี่นา”
ราอนส่ายศีรษะเบาๆอย่างคิดไม่ตกก่อนจะเอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดกว่าเดิม
“บางครั้งฝ่ายหนึ่งอาจต้องบาดเจ็บล้มตายเพื่อให้อีกฝ่ายอยู่รอด..เจ้าต้องแก้ไขจุดอ่อนที่เจ้ามีเพื่อให้เอาตัวรอดจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้นได้..ท่านปู่อูฮาเบ็นบอกข้าไว้ว่าไม่มีใครโชคร้ายมากกว่าเจ้าอีกแล้ว”
“ราอน”
“อืม..ข้าเข้าใจดีว่าเจ้าเป็นคนที่โชคร้ายขนาดไหน?แต่ไม่เป็นไรแค่เจ้าเชื่อในตัวข้าราอน มิรุผู้ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่..แค่นี้ก็เกินพอแล้ว”
“ลงไปกันเถอะ”
“ตกลง”
คาร์ลปล่อยให้ความเห็นของราอนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเมื่อพากันมุ่งหน้าไปยังเกาะฮาอิส
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและยาวนาน มันเริ่มตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินจนพระอาทิตย์วนกลับมาใหม่ในเช้าวันนี้ การต่อสู้ที่กินเวลาไปทั้งคืนเป็นไปตามที่คาด ฝ่ายของคาร์ลเป็นผู้ชนะ
มันเป็นการต่อสู้ที่พวกเขาไม่สามารถแพ้ได้
เผ่าวาฬ เผ่าเสือ และกลุ่มของคาร์ล ใครจะไปคาดคิดว่าพลังที่แข็งแกร่งทั้งหมดนี้จะรวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับศัตรูกลุ่มนี้ได้?
ตุ๊บ!
เท้าของคาร์ลเหยียบลงบนพื้นทราย
เกาะฮาอิสที่ 6
นี่คือเกาะที่ฮันนาห์ต่อสู้กับศัตรูมาตลอดทั้งคืน
“อ่า…เละไปหมด”
คาร์ลกวาดสายตาไปทิศตรงข้ามก่อนจะปะทะเข้ากับร่างของฮันนาห์ที่นั่งบนพื้นทราย ดาบประจำกายของเธอถูกปักลงบนพื้นทรายซึ่งอยู่ข้างๆร่างของเธอ
ฮันนาห์เงยหน้าขึ้นและเริ่มพูดขึ้น
“ภาพที่ท่านได้ชมเมื่อคืนนี้..สนุกดีหรือไม่?”
ร่างของเธอโชกไปด้วยเลือด คาร์ลรู้สึกรังเกียจเมื่อเลือดท่วมร่างของเธอจนมองไม่เห็นผมสีบลอนด์และรอยแผลเป็นสีดำใยแมงมุมของเธอได้ แน่นอนว่ามันไม่ได้มาจากเลือดของคนอื่นแต่มันมาจากเลือดของเธอเอง
คาร์ลล้วงขวดยาออกมาก่อนจะโยนไปให้ฮันนาห์
“ค่อยมาสนุกกับมันทีหลังหากเจ้าตรวจสภาพร่างกายของเจ้าเสร็จแล้ว..ท่านนักบวชจะเป็นลมได้หากเห็นสภาพของเจ้าในตอนนี้”
ฮันนาห์หยิบขวดยาขึ้นมาก่อนจะเริ่มหัวเราะ คาร์ลมองไปที่ฮันนาห์ซึ่งกำลังหัวเราะลั่นแม้ว่าเลือดจะไหลออกมาจากบาดแผลที่ได้รับจากคมดาบและลูกธนูของศัตรู
‘เธอมันบ้าจริงๆ’
ฝาแฝดคู่นี้ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ
สายตาของคาร์ลยังคงทอดมองไปไกลในขณะที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นไปด้วย สมาชิกที่เหลือในกลุ่มของคาร์ลก็กำลังเดินทางใกล้ถึงเกาะฮาอิสที่ 6 เข้าไปทุกที
“เฮ้!..นายน้อยคาร์ล”
“อะไรรึ?”
คาร์ลเอ่ยกลับไปโดยไม่ได้หันไปมองฮันนาห์ เธอเอ่ยต่อไปด้วยเสียงเรียบๆไม่ได้เต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่งอีกต่อไป
“เลือดแค่นั้นยังไม่พอ”
“…ข้ารู้”
เขารู้ดีว่าฮันนาห์คลั่งไคล้เลือดขนาดไหนจึงเป็นสาเหตุที่เขาต้องการบางสิ่งจากเธอเช่นกัน
“นายน้อยคาร์ล!”
วิเทียร์รีบเดินขึ้นฝั่งทันทีเมื่อตะโกนเรียกคาร์ลออกไป มันเป็นจังหวะเดียวกับเสียงแผ่วๆของฮันนาห์ดังขึ้นอีกครั้ง
“…ขอบคุณที่รักษาสัญญา”
คาร์ลรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอทั้งหมด เขาทำให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปและให้โอกาสเธอแก้แค้นเช่นเดียวกัน ฮันนาห์มองไปที่คาร์ลซึ่งแกล้งไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดเมื่อกำลังเดินไปหาวิเทียร์ ฮันนาห์ก้มมองขวดยาอีกครั้งก่อนจะเปิดฝาออก
คาร์ลและวิเทียร์เดินถึงกันพอดี
“นายน้อยคาร์ล..ในส่วนของมหาสมุทรที่เรารับผิดชอบ..ไม่มีมนุษย์คนใดรอดชีวิตไปได้สักคน”
คาร์ลพยักหน้ารับในสิ่งที่วิเทียร์เอ่ยรายงาน วิเทียร์พูดว่าตนฆ่ามนุษย์เหล่านั้นด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าแต่ปฏิกิริยาที่คาร์ลเป็นในตอนนี้เต็มไปด้วยความจริงจัง เธอคิดว่ารูปลักษณ์เช่นนี้ดูเหมาะกับคาร์ลมากกว่าจะแย้มยิ้มเช่นปกติที่เขาเป็น เธอยังคงพูดต่อไป
“เป้าหมายแรกที่เราต้องการทำคือการกำจัดสมาชิกกองพลทะลวงฟันทั้งหมดให้ได้..ตอนนี้เรากำลังหาตัวลูกน้องของพวกมันที่หลบหนีไปซ่อนตามถ้ำหรือสถานที่อื่นๆ..ข้าคิดว่าเราจะจัดการพวกมันได้ทั้งหมดก่อนเที่ยง”
วิเทียร์เป็นหนึ่งคนที่มีพละกำลังมหาศาลแต่การต่อสู้ในครั้งนี้ถือว่ายากยิ่งนักเนื่องด้วยจำนวนของศัตรู
“เราจะจัดการศพและเรือที่แตกทั้งหมด”
คาร์ลที่เงียบฟังอยู่นานเริ่มพูดขึ้น
“แล้วเรือที่ไม่ได้รับความเสียหายล่ะ?”
นั่นทำให้วิเทียร์หันไปมองเรือที่จอดเทียบท่าบนเกาะฮาอิสที่ 6 ในขณะนี้ยังคงมีเรือที่อยู่ในสภาพดีจอดเทียบท่าบนเกาะอื่นๆเช่นกัน
“เอ่อ..ข้าไม่แน่ใจ..เราจะจัดการกับเรือพวกนี้ยังไงนะเหรอ?..อันที่จริงเราก็ไม่ได้อยากได้พวกมันเท่าไหร่..บางทีเราอาจให้มันแก่อาณาจักรอื่น..เอ่อ”
วิเทียร์เต็มไปด้วยความลังเลจนไม่สามารถพูดจบประโยคได้ก่อนที่เสียงของคาร์ลจะแทรกเข้ามา
“ถ้าเช่นนั้น..ข้าขอได้หรือไม่?”
“อะไรนะ?”
คาร์ลเอ่ยออกไปโดยไม่ลังเลสักนิด
“ข้าต้องการนำเรือที่เหลือกลับไปด้วย…เจ้าจะอนุญาตหรือไม่?”
วิเทียร์นึกถึงสิ่งที่คาร์ลทำ คาร์ลต้องทำงานหนักเพียงใดเพื่อสร้างวังน้ำวนขึ้นมา เธอเห็นแววตาอันเหนื่อยล้าของคาร์ลเมื่อเขามองมาที่เธอ
“ได้สิ..เรือพวกนี้ไม่มีประโยชน์กับเราอยู่แล้ว..เราอยากมอบมันให้กับท่านมากกว่าจะมอบให้อาณาจักรอื่น”
“ดี”
คาร์ลพยายามฝืนยิ้มตัวเองเอาไว้ไม่ให้ใครได้เห็น
เรือพวกนี้คือสิ่งที่เขาต้องการนำไปใช้กับเรือเต่าสีทองของเขา มันจะเป็นภาพที่สวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุดเมื่อเขาเปิดฉากต้อนรับพันธมิตรจากอาณาจักรทางตอนเหนือ
คาร์ลได้ยินเสียงของราอนดังเข้ามาในหัวของตนแม้ว่ามันจะไม่ได้ใช้เวทย์ล่องหนอำพรางกายไว้
~มนุษย์!..เจ้าเก่งมาก!..เราได้เรือมาใช้ฟรีๆแล้ว!~
ราอนฉลาดขึ้นทุกวัน คาร์ลลูบศีรษะของราอนเบาๆเมื่อมันมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย จากนั้นเขาก็หันไปทางโรสลินและรอน
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
“กระผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยดีขอรับ”
“ดี..เจ้าทำงานได้ดีจริงๆ”
รอนแต้มยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าเมื่อก้าวออกไปเงียบๆ คาร์ลมองไปที่เชวฮันที่เพิ่งเดินทางมาถึงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
กา!กา!กา!กา!กา!กา!กา!กา!
เสียงร้องของกาดังก้องไปทั่วบริเวณ
กรรจ์!!!กรรจ์!!!กรรจ์!!!กรรจ์!!!
ในขณะเดียวกันเสียงคำรามของสัตว์ก็ดังก้องไปทั่วมหาสมุทรอันเงียบสงบ มันเป็นเกาะที่เผ่าเสือเลือกปักหลักอยู่ที่นั่น มันคือเสียงคำรามของเสือที่สูญเสียครอบครัวและสมาชิกในเผ่าไป มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข ความโศกเศร้าและความโกรธแค้นปะปนกันไป คาร์ลมองไปยังอีกาที่การ์ชานส่งมาเป็นสัญญาณว่าพวกเขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
คาร์ลเอ่ยขึ้นเมื่อเข้าใจในสัญญาณนั้น
“ไปเกาะฮาอิสที่ 9 กันเถอะ!”
เกาะฮาอิสที่ 9 นี่คือสถานที่ที่ทุกคนตกลงมารวมตัวกัน
.
.
.
คาร์ลลดการอารักขาของตนลง ก่อนจะตระหนักถึงความผิดพลาดเมื่อเดินทางถึงเกาะฮาอิสที่ 9
เสือทั้ง 20 ตัวที่มาพร้อมการ์ชานจ้องมาที่คาร์ลพร้อมกับแสดงความเคารพเขาทันทีที่ไปถึง
ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง เด็กเล็กและคนชรา เสือเหล่านี่มีขนาดลำตัวที่ใหญ่มากไม่ว่าจะเป็นเพียงเด็กเล็กหรือวัยรุ่นอยู่ก็ตาม พวกเขาส่งยิ้มสดใสมาให้คาร์ลอย่างพร้อมเพรียง มันเป็นรอยยิ้มที่มีแต่เสือเท่านั้นที่จะมีได้
การ์ชานสาวเท้าเข้าหาคาร์ลในขณะที่หลับตาเช่นเดิม รอยยิ้มสดใสประดับบนใบหน้าของเขา
มันชวนให้ความรู้สึกแปลกๆกับรอยยิ้มแบบนั้น เมื่อพวกเขาทั้งหมดยกเว้นเพียงเด็กเล็กและผู้เฒ่าบางคนเท่านั้น พวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยเลือด ร่างของพวกเขาโชกไปด้วยเลือดของศัตรู
การ์ชานเริ่มพูดกับคาร์ลอย่างระมัดระวัง
“นายน้อยคาร์ล”
“ไม่!”
ป่าแห่งความมืดไม่ควรเป็นตัวเลือกของพวกเขา คาร์ลต้องการปัดเรื่องนี้ออกไปให้ไกล
“…ข้าเพียงต้องการขอบคุณท่าน”
คาร์ลมองไปที่การ์ชานด้วยความสงสัย หมอผียังคงพูดต่อไป เขาใช้โทนเสียงราวกับคุณปู่อ่านนิทานให้เด็กตัวน้อยฟัง มันเป็นเสียงอันไพเราะและเต็มไปด้วยความอ่อนโยนแต่ปัญหาก็คือเขาพูดมันในขณะที่เลือดเต็มปาก
“ด้วยความสามารถของท่านทำให้เราได้แก้แค้นพวกมันอย่างเหมาะสม..เราสามารถล่าเหยื่อของเราด้วยวิธีที่ถูกต้องเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี”
เสือวัยรุ่นตนหนึ่งเอ่ยขอบคุณคาร์ลด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ขอบคุณท่านมาก…นายน้อยคาร์ล!”
การ์ชานก้มมองเด็กหนุ่มและพูดต่อไปด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“ข้าตัดสินใจที่จะอาศัยอยู่ในทวีปตะวันตกเพราะมันเสี่ยงที่จะถูกโจมตีจากพวกอาร์มหากเรากลับไปยังทวีปตะวันออก..คงจะดีไม่น้อยถ้ามีที่ดินผืนเล็กๆพอให้เราอาศัยต่อไปจนกว่าเด็กพวกนี้จะโตขึ้น…ความแค้นของเราที่มีต่อพวกอาร์มยังไม่จบลงง่ายๆ”
คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วในขณะที่การ์ชานยังคงพูดต่อ
“เราได้นำบางอย่าง..มามอบให้กับเจ้าของบ้านด้วย”
‘นี่คือการเสนอขายงั้นหรือ?’
คาร์ลจ้องเขม็งไปที่การ์ชานเมื่อเห็นเขาหยิบอัญมณีออกมาจากกระเป๋า
“เผ่าเสือ..เป็นเผ่าที่มีไหวพริบที่ดีและตอบสนองต่อสิ่งมีประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว..เมื่อพวกเราก้าวออกจากภูเขาไปจึงมักจะรวบรวมสมุนไพรและข้าวของมีค่าต่างๆได้เสมอ”
มุมปากของคาร์ลกระตุกเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“อะแฮ่ม..อื้มม”
คาร์ลแสร้งกระแอมไออกมา ก่อนที่เสือวัยรุ่นคนเดิมจะตะโกนลั่นออกมา