Trash of the Count’s family - ตอนที่ 150.2
บทที่ 150 มุ่งร้าย 5 (2)
“ข้านำบางอย่างติดตัวมาด้วย!”
เสือวัยรุ่นหยิบขวดเล็กๆออกจากแขนเสื้อของตน
“นี่คือเกล็ดงูอายุราว200ปีที่อยู่ในถ้ำของเรา!..ข้าได้ยินมาว่าพวกมันสามารถทำเป็นหัวลูกธนูที่มีพลังรุนแรงยิ่งนัก!”
‘…อ่า..ดูๆไปเผ่าเสือก็น่ารักไม่น้อย’
คาร์ลเริ่มเข้าใจในธรรมชาติของเผ่าเสือมากขึ้น ในขณะที่ราอนก็พูดเข้ามาในหัวของคาร์ล
~มนุษย์!..พวกเขาดูดีทีเดียว!~
‘ถูกต้อง’
คาร์ลคิดว่าโอกาสที่พวกเขาจะปะทะกับองค์กรลับจะสูงขึ้นหากเขานำเผ่าเสือไปยังป่าแห่งความมืด อย่างไรก็ตามเขากลับมีความคิดอื่นแทรกเข้ามาเช่นกัน
‘เมื่อพยายามหลีกเลี่ยงจากสิ่งต่างๆมันทำให้ฉันห่างไกลจากปัญหาได้จริงๆงั้นหรือ?’
คาร์ลไม่สามารถหลีกเลี่ยงองค์กรลับได้อีกต่อไป ตอนนี้เขามีส่วนร่วมในการประชุมลับของทั้ง4อาณาจักรและเผ่าวาฬ คาร์ลมองไปที่การ์ชานและจ้องเข้าไปในดวงตาที่ปิดสนิทของหมอผีผู้นี้ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ข้ามีเงื่อนไข”
ทันใดนั้นเอง
“อึก…อรึ่กกกกก!”
คาร์ลชะงักค้าง
‘เกิดอะไรขึ้นกับตาเฒ่าผู้นี้?’
“อัก….อรึ่กกกกกก!!!!”
ทันใดนั้นการ์ชานก็ลืมตาขึ้น
ดวงตาสีขาวเบิกกว้างมากกว่าปกติเมื่อเขาเริ่มยกมือขึ้นปัดป่ายไปในอากาศ ร่างสูงใหญ่ของเขาสั่นสะท้านจนสังเกตเห็นได้ชัด
‘….น่ากลัว’
คาร์ลถอยหลังกลับโดยอัตโนมัติซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่การ์ชานพูดขึ้น
“ธ..ธรรมชาติ…กำลังพูดกับข้า!”
การ์ชานตะโกนออกมาด้วยเสียงสั่นเทา
‘หืม?’
คาร์ลไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามประโยคที่การ์ชานเอ่ยขึ้นหลังจากนั้นเปลี่ยนความคิดของคาร์ลแทบจะทันที
“ธรรมชาติกำลังบอกข้าว่า..เผ่าเสือของเราจะได้ทำศึกอีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้า!”
‘ว้าว’
คาร์ลประหลาดใจ
จะมีหมอผีที่มีพลังติดต่อกับสิ่งลี้ลับเช่นนี้จริงๆหรือ?
เขารู้สึกขนลุกกับสิ่งที่เกิดขึ้น
‘เขารู้ได้อย่างไรว่าฉันจะให้เผ่าเสือทำศึกกับกองกำลังอัศวินทางตอนเหนือในฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้า’
คาร์ลยังคงจ้องไปที่การ์ชานซึ่งอาการเริ่มสงบลง การ์ชานสบตากับคาร์ลเมื่อสามารถควบคุมอาการของตนให้สงบลงได้
“มันอาจเกิดขึ้นได้จริงในอนาคตหากพวกท่านไปกับข้า…ท่านคิดเห็นเช่นไร?”
การ์ชานตอบกลับโดยไม่ลังเล เขาไม่จำเป็นต้องปรึกษาคนอื่นด้วยซ้ำ
“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเผ่าเสือของเราต่างใช้ชีวิตเรียบง่ายมาโดยตลอด..แต่หลังจากนี้เราจะทำทุกอย่างโดยไม่ลังเลหากมันเกี่ยวข้องกับการแก้แค้นของเรา”
คาร์ลพยักหน้ารับ
“ถ้าเช่นนั้น..ข้าก็ยินดีต้อนรับ”
คาร์ลยื่นมืออกมาก่อนที่การ์ชานจะเอื้อมมือออกมาเขย่าเบาๆ
ป่าแห่งความมืดกว้างขวางยิ่งนัก มันมีที่ว่างมากมายสำหรับเสือเพียง20ตัว
“เยี่ยมไปเลย!”
วิเทียร์แต้มยิ้มสดใสเมื่อเธอพูดขึ้น ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าทำไมคาร์ลถึงไม่ยอมรับเผ่าเสือตั้งแต่แรก
‘ไม่ใช่ว่าเขาต้องการให้เผ่าเสือมีส่วนร่วมในการทำสงครามกับพันธมิตรทางตอนเหนือหรือ?’
มันไม่ได้ดูเหมือนว่าคาร์ลไม่มีเงินแม้แต่น้อย เขาไม่ได้ถูกล่อลวงด้วยสมุนไพรคุณภาพสูงและข้าวของมีค่าที่เผ่าเสือต้องการมอบให้ วิเทียร์เคยได้ยินมาว่าคาร์ลเป็นบุตรชายของขุนนางตระกูลร่ำรวย เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะสนใจเครื่องบรรณาการเหล่านี้ได้ หากเขาเป็นคนโลภมันก็ไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะนำสิ่งที่มีค่าต่างๆมาช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ
วิเทียร์เริ่มพูด
“เราจะช่วยเคลื่อนย้ายพวกเขาและเรือพวกนั้นเอง”
นี่เป็นสิ่งที่วิเทียร์เลือกตอบแทนน้ำใจของคาร์ลที่ยื่นมือมาช่วยเหลือพวกเธอโดยไม่คาดหวังสิ่งใดเป็นการตอบแทน
แน่นอนว่าคาร์ลต้องยอมรับในสิ่งที่วิเทียร์เสนอโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ
“ข้าขอบคุณท่านล่วงหน้าเลยแล้วกัน”
“ไม่เป็นไร..อีกอย่างเราต้องหารือกันเรื่องเส้นทางเดินทะเลด้วย”
เส้นทางเดินทะเลที่นำทางไปยังทวีปตะวันออก
คาร์ลมีสิทธิ์ในเส้นทางนี้เช่นเดียวกับเส้นทางเดินทะเลที่ขึ้นไปยังตอนเหนือเมื่อเผ่าวาฬเป็นคนควบคุมมันไว้ทั้งหมด คาร์ลกำลังจะเอ่ยปากหารือเรื่องนี้กับวิเทียร์
“มนุษย์!มนุษย์!”
ราอนหยิบอุปกรณ์เวทย์สื่อสารออกจากมิติลับของมันและรีบขยับตัวเข้าใกล้คาร์ลทันที อุปกรณ์เวทย์สื่อสารส่องแสงสีแดงออกมา ราอนเอ่ยกับคาร์ลทันทีในขณะที่คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
“นี่คือองค์ชายรัชทายาท!..สีแดงเป็นสัญญาณจากองค์ชายรัชทายาท!”
เป็นอัลเบิร์กที่ติดต่อมาหาคาร์ล
“ข้าควรเชื่อมต่อสัญญาณเลยหรือไม่?”
คาร์ลถอนหายใจให้กับคำถามของราอนและเริ่มพูด
“เอาไว้ค่อยเชื่อมสัญญาณเมื่อเราเข้าไปในอาคารไม้แล้วกัน..ท่านวิเทียร์..ท่านการ์ชานแล้วเราค่อยมาหารือเรื่องอื่นๆกันทีหลังแล้วกัน”
“ตกลง!..ท่านไปคุยกับองค์ชายอัลเบิร์กก่อนเถิด”
วิเทียร์ตอบกลับในขณะที่การ์ชานพยักหน้ารับ คาร์ลมุ่งหน้าไปยังอาคารไม้ทันทีที่ได้รับความยินยอมจากทั้งสองคนและให้ราอนจัดการเชื่อมต่อสัญญาณทันที
เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้ตรงข้ามกับที่ราอนตั้งอุปกรณ์เวทย์สื่อสารเอาไว้
แม้ว่ามันจะลำบากไปสักหน่อยหากเทียบกับโซฟานุ่มๆที่เขาคุ้นเคยแต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาสนใจเรื่องนี้มากนัก
อัลเบิร์ก คอสแมน ต้องการคุยกับเขาทั้งๆที่เป็นคนบอกให้เขาพักผ่อนแท้ๆ
แน่นอนว่าเขารู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้
คาร์ลเอ่ยทักทายอัลเบิร์กทันทีที่ใบหน้าของเขาปรากฏขึ้นบนอุปกรณ์เวทย์สื่อสาร อัลเบิร์กไม่สนใจท่าทางว้าวุ่นใจของคาร์ลและเริ่มพูดทันที
เขาเปิดประเด็นที่ตัวเองต้องการทันทีโดยไม่มีการเกริ่นนำใดๆทั้งสิ้น
[“เจ้าเคยเห็นหน้าองค์ชายแห่งจักรวรรดิหรือไม่?”]
แน่นอนว่าองค์ชายที่พูดถึงย่อมเป็นว่าที่ราชาองค์ต่อไปของอาณาจักรโมโครุหรือที่รู้จักกันดีในนามขององค์ชายรัชทายาทแห่งจักรวรรดิ
คาร์ลหาเสียงของตนไม่เจอ เขารู้สึกว่ามันเป็นลางไม่ดี
คาร์ลพยายามตอบคำถามให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เอ่อ..หม่อมฉันรู้เพียงเรื่องทั่วๆไปพะย่ะค่ะ..เช่นสีตาและสีผมของเขา..เอ่อ..แต่หม่อมฉันรับปากว่าสามารถจดจำเขาได้ในทันทีที่เห็นเขาเพียงครั้งเดียวพะย่ะค่ะ”
สรุปง่ายๆคือคาร์ลพยายามบอกว่าตนไม่เคยเห็นและรู้จักองค์ชายแห่งจักรวรรดิมาก่อน
อัลเบิร์กยังคงคุยกับคาร์ลที่พยายามหลบสายตาจากเขา น้ำเสียงที่เขาเอ่ยออกไปเป็นการบอกกลายๆว่าตนเองรู้ว่าคาร์ลกำลังคิดอะไรอยู่
[“ข้าได้ยินมาโดยตลอดว่าเจ้าสามารถรับประกันชัยชนะของตนเองได้..หากเจ้าได้รู้จักศัตรูด้วยตัวของเจ้าเอง..ถ้าเช่นนั้นก็ไปที่นั่นกันเถอะ”]
คาร์ลเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“..องค์ชายพะย่ะค่ะ..หม่อมฉันรู้สึกว่าตัวเองจะหูไม่ค่อยดีเท่าไหร่?..เหมือนเมื่อครู่นี่หม่อมฉันได้ยินอะไรแปลกๆ”
‘ไปที่นั่น?..ไปจักรวรรดิงั้นหรือ?..ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ?’
คาร์ลไม่เข้าใจว่าคนที่รู้จักตัวตนเขาดีเช่นอัลเบิร์กจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
[“อ่า..เมื่อกี้ข้าพูดผิดไป..ข้าขอแก้ใหม่แล้วกัน”]
อัลเบิร์กชูมือสองข้างขึ้นราวกับยอมรับว่าตนทำผิดไป
[“ข้าขอใช้ประโยคใหม่แล้วกัน”]
ความกังวลยังคนแล่นไปทั่วร่างของคาร์ล ในขณะที่อัลเบิร์กก็พูดประโยคใหม่ของเขาทันที
[“ไปจักรวรรดิกับข้า”]
‘ให้ฉันไปจักรวรรดิกับเขางั้นรึ?’
[“ไปทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กัน”]
‘..ทำอะไร?..สิ่งที่ยิ่งใหญ่คืออะไรกัน?’
ในที่สุดคาร์ลก็มองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของอัลเบิร์ก ส่งผลให้คิ้วที่ขมวดเป็นปมของคาร์ลค่อยๆจางไปเช่นกัน
คาร์ลเอนหลังพิงเก้าอี้ไม้และเอ่ยขึ้น
“ให้หม่อมฉันได้ฟังสิ่งที่อยู่ในใจของพระองค์ด้วยเถิดพะย่ะค่ะ”