Trash of the Count’s family - ตอนที่ 148.1
บทที่ 148 มุ่งร้าย 3 (1)
ห้าวันต่อมา
คาร์ลมองดูพระอาทิตย์ที่กำลังตกลงบนเส้นขอบฟ้าก่อนจะเริ่มพึมพำออกมาเบาๆ
“ทะเลหน้าหนาวช่างเย็นจริงๆ”
“มนุษย์!..เจ้าจะเป็นหวัดอีกเหรอ?..ข้าควรใช้เวทย์ควบคุมอุณหภูมิหรือเปล่า?”
“ไม่ต้อง..ข้าแค่พูดเฉยๆ”
บอกตามตรงคาร์ลไม่ได้รู้สึกเย็นอะไรเลย ที่เขาพูดไปเมื่อกี้ก็เพราะลมพัดแรงจนหอบเอาไอเย็นจากน้ำทะเลขึ้นมาเฉยๆ คาร์ลยังคงมองพระอาทิตย์ตกดินในขณะที่ในหัวก็คิดถึงแผนการต่างๆมากมาย หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ยิ้มออกมา
“ในที่สุด..พวกมันก็เดินทางมาถึง”
เชวฮัน โรสลิน การ์ชานและพาสตันซึ่งอยู่ในร่างของวาฬหลังค่อมพากันหันไปมองเส้นขอบฟ้าทันทีที่ได้ยินสิ่งที่คาร์ลพูด พวกเขามองเห็นจุดเล็กๆเหนือเส้นของฟ้า จุดเล็กๆเหล่านั้นน่าจะเป็นเรือหลายสิบลำที่มุ่งตรงเข้ามา
พาสตันขยับตัวเข้าไปใกล้โขดหินที่คาร์ลยืนอยู่และเริ่มพูด
“นายน้อยคาร์ล..พี่สาวข้าให้มาแจ้งแก่ท่านว่าพวกเราพร้อมแล้ว”
สมาชิกจากเผ่าวาฬและวาฬอีกหลายสิบตัวกำลังรออยู่ในมหาสมุทรเพื่อเตรียมตัวโจมตี
คาร์ลเอ่ยขึ้น
“ท่านการ์ชาน”
“ตกลง”
ดวงตาสีขาวที่ถูกปิดเอาไว้พลันลืมขึ้นทันที
กา!กา!กา!กา!กา!กา!กา!กา!กา!
อีกากลุ่มใหญ่ปรากฏตัวขึ้นจากผืนป่าที่อยู่ด้านหลังเกาะ การ์ชานตะโกนลั่น
“ไป!”
อีกากระจายออกเป็นกลุ่มๆและมุ่งหน้าไปยังเกาะฮาอิสอื่นๆทันที พวกมันจะทำหน้าที่เป็นตัวส่งสารให้กับเผ่าเสือ เผ่าวาฬและกลุ่มของคาร์ลที่ประจำการอยู่ตามหมู่เกาะฮาอิส
โรสลินสาวเท้าเข้าไปใกล้คาร์ลเพื่อเอ่ยถามบางอย่าง
“นายน้อยคาร์ล..ข้าพอเข้าใจที่ท่านส่งแมรี่กับรอนไปด้วยกันแต่มันจะไม่เป็นรึ?ที่ปล่อยให้ฮันนาห์ไปคนเดียว”
แมรี่และรอน
พวกเขาทั้งสองรับหน้าที่ในการดูแลหนึ่งในเกาะฮาอิสด้วยกัน
“ถึงแม้ว่านางจะบอกว่ารับมือกับมันได้แต่…..”
โรสลินไม่สามารถซ่อนความกังวลเอาไว้ได้เมื่อเห็นนักดาบหญิงฮันนาห์เลือกที่จะดูแลหนึ่งในเกาะฮาอิสเพียงลำพัง เชวฮันเริ่มพูดก่อนที่คาร์ลจะตอบโรสลินออกไป
“นางไม่เป็นไรหรอก”
“…เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ?”
เชวฮันส่งยิ้มให้โรสลิน
“ใช่..ข้าคิดเช่นนั้น..นางจะไม่เป็นไรเพราะข้าเป็นคนสอนนางกับมือ”
โรสลินเม้มปากของตนแน่นขึ้นเมื่อเห็นความมั่นใจของเชวฮัน นักดาบย่อมเข้าใจนักดาบด้วยกันได้ดีที่สุด เชวฮันเป็นคนสอนล็อกและฮันนาห์มาตลอดระยะเวลาหลายเดือนจนเวลาเคลื่อนผ่านเข้าสู่ฤดูหนาว
โรสลินไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะเธอเชื่อมั่นในสิ่งที่เชวฮันตัดสิน ตอนนั้นเองที่คาร์ลเริ่มนึกถึงสิ่งที่ฮันนาห์และรอนได้พูดทิ้งเอาไว้
‘นายน้อย..โปรดเลือกเกาะที่มีป่าหนาทึบให้กระผมนะขอรับ..กระผมจะลอบฆ่าพวกมันให้หมด!’
รอนกล่าวเสียงเหี้ยมก่อนรอยยิ้มเย็นจะปรากฏขึ้นแทนที่รอยยิ้มอ่อนโยนของเขาทันที ฮันนาห์หัวเราะเบาๆก่อนจะพูดในส่วนของเธอ
‘นายน้อยคาร์ล..ข้าสามารถจัดการเพียงคนเดียวได้..ไม่ต้องส่งใครไปกับข้าทั้งนั้น’
‘เจ้าจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?’
‘ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลหากข้าจะเป็นหรือไม่เป็นอะไร..ข้าไม่คิดว่าตัวเองจะมีสติพอที่จะแยกแยะความแตกต่างได้ถ้าได้เห็นเลือด..ข้าจะไม่สามารถหยุดตัวเองจากการลงมือฆ่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้’
คาร์ลรีบปัดเรื่องคนโรคจิตทั้งสองออกไปจากหัวอย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้พวกอาร์มมาเป็นศัตรูกับคนน่ากลัวแบบนี้ได้ เมื่อมองไปยังเส้นขอบฟ้าคาร์ลก็ได้แต่รู้สึกแย่แทนพวกเขายิ่งนัก
เขาได้ยินเสียงของราอนดังขึ้น
“มนุษย์!..พระอาทิตย์ตกดินแล้ว!..ถึงเวลาที่เราจะลงมือทำลายทุกอย่างแล้วล่ะ!”
‘ช่างเป็นมังกรที่โหดร้ายยิ่งนัก’
คาร์ลถอนหายใจก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ถอย!”
ฟิ้วววววววววว~~~~~~
ลมเริ่มไหลออกจากร่างของคาร์ล การเตรียมการทั้งหมดพร้อมแล้ว!
คาร์ลไม่เคยใช้พลังจนถึงขีดสูงสุดเลยสักครั้ง แม้แต่สายฟ้าที่เกิดจากอัคนีทำลายล้างก็ไม่ใช่ขีดจำกัดที่มันมี อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขากำลังใช้เสียงเรียกของวายุในขีดจำกัดสูงสุดของมันแล้ว
ฟิ้วววววววววว~~~~~~ วิ้ววววววววววววว~~~~~~
ราอนมีอย่างอื่นที่ต้องทำและไม่สามารถปลีกตัวมาทำสิ่งนี้ได้ เขาจึงเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะรับหน้าที่นี้
พรึ่บบ!
โรสลินคว้าเสื้อคลุมของตนที่กระพือไปตามลมก่อนจะถอยห่างจากคาร์ล
“โรสลิน!..มาเริ่มกันเถอะ!”
โรสลินพยักหน้ารับคำของราอน วงเวทย์ที่ราอนสร้างขึ้นมีขนาดใหญ่มาก
พรึ่บบ!!!!พรึ่บบ!!!!พรึ่บบ!!!!พรึ่บบ!!!!
เสียงเสื้อผ้าที่ต้องลมกระพือดังขึ้นเรื่อยๆ
ฟู่!!!! พรึ่บบ!!!พรึ่บบ!!!
ต้นไม้ในป่าก็เริ่มสั่นไหว โรสลินส่งพลังเวทย์ของเธอขึ้นไปกลางอากาศ เธอไม่เคยแสดงพลังเวทย์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อนแต่ในตอนนี้เธอกำลังจะทำมัน
‘พายุ?’
เธอกระทุ้งไม้เท้าอาคมไปยังจุดศูนย์กลางของวงเวทย์ที่มีหินมนตราระดับสูงอยู่ด้านในถึงห้าก้อน
ปั่ก!!
ตอนนั้นเองที่พลังเวทย์สีแดงพุ่งออกจากร่างของโรสลิน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่การ์ชานเริ่มพึมพำออกมา
“สายลมที่แผ่วเบา..ได้โปรดรวมตัวเข้ามาในร่างกายอันไร้ประโยชน์ของข้าและก่อกำเนิดเป็นพายุไต้ฝุ่นด้วยเถิด”
โรสลินเงยหน้าขึ้น
มังกรดำตัวน้อยใช้อุ้งมือของมันชี้ไปบนท้องฟ้า
ความมืดมิดเริ่มคืบคลานเข้าสู่ท้องฟ้าพร้อมกับพระอาทิตย์ที่หายลับไป ทั่วทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆฝน
เมฆฝนขนาดใหญ่ครอบครองไปถึงครึ่งหนึ่งของเกาะฮาอิสทั้ง15เกาะ นอกจากนี้ยังมีเสียงฟ้าร้องและลมกระโชกรุนแรง
โรสลินเกาะไม้เท้าที่เธอแทงเข้าไปในวงเวทย์ไว้แน่น สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอรู้สึกทึ่งยิ่งนัก
ฟึ่บ!
เธอหันไปมองต้นกำเนิดลม
ทั้งเชวฮันและโรสลินพร้อมใจกันมองไปยังจุดเดียว
ฟิ้วววววววววว~~~~~~
พายุหมุนขนาดเล็กประมาณหลายสิบลูกลอยขึ้นสู่อากาศพร้อมๆกันโดยมีคาร์ลยืนอยู่ตรงกลาง เสื้อผ้าของเขากระพือต้องลมจนสั่นรุนแรง เขาใช้เสียงเรียกของวายุจนถึงขีดสูงสุดเพื่อสร้างภัยพิบัตินี้ขึ้นมา
‘มันค่อนข้างยาก’
เมื่อใดก็ตามที่เขาพยายามใช้เสียงเรียกของวายุจนหมดแรง พละกำลังแห่งดวงใจก็จะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติเพื่อกระตุ้นแรงให้เขาอีกครั้ง
‘…มันแปลกๆ’
เขาสามารถเรียกลมออกมาได้อย่างง่ายดาย มันง่ายเสียยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปากเสียอีก แม้ว่าเขาจะหมดแรงแต่พละกำลังแห่งดวงใจจะกระฉับกระเฉงทุกครั้งที่เขาสร้างพายุหมุนขึ้นมา
แต่มีบางอย่างแปลกๆ
‘อึ่ก’
‘นี่มันแปลกมาก’
เขาเริ่มเรียกพายุหมุนลูกใหม่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
‘สุดท้ายแล้ว..ข้าจะควบคุมพวกมันได้หรือเปล่า?..พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณมีอานุภาพรุนแรงและแข็งแกร่งแบบนี้มาตลอดเลยหรือไม่?’
หน้าผากของคาร์ลเริ่มมีเหงื่อไหล
ฟิ้วววววววววว~~~~~~
ซ่า!!!!!!!!
คลื่นขนาดใหญ่เริ่มก่อตัวในน้ำ พาสตันรีบหนีขึ้นฝั่งอย่างรวดเร็ว ทั้งการ์ชานและพาสตันต่างหันไปมองคาร์ลด้วยสีหน้าตกใจ มันยากที่จะมองเห็นคาร์ลได้ในตอนนี้เมื่อเขาถูกล้อมรอบด้วยพายุหมุน
‘อึ่ก’
คาร์ลส่งเสียงครวญครางออกมาเบาๆ
“มนุษย์!..หยุด!…ข้าจะทำลายทุกอย่างถ้าเจ้าบาดเจ็บ!”
ราอนหันไปตะโกนใส่คาร์ล แข้งขาของคาร์ลสั่นจนควบคุมไม่อยู่ เขาต้องพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่มีกำลังพอที่จะทำ หากให้สร้างพายุหมุนเขาสามารถทำได้อย่างสบายๆแต่พอจะทำอย่างอื่นกลับไม่สามารถรวบรวมเรี่ยวแรงของตนได้เลย
‘ข้าพยายามที่จะหยุดอยู่!’
นั่นคือสิ่งที่คาร์ลต้องการพูดออกไป อย่างไรก็ตามคาร์ลกลับทำได้แค่เพียงบังคับให้พายุหมุนล้อมรอบตัวเองเอาไว้เท่านั้น คารล์มองผ่านพายุเหล่านี้ออกไปเพื่อสบตากับเชวฮัน
แม้ว่าเสื้อผ้าของเขาจะกระพือต้องลมอย่างรุนแรงแต่เชวฮันก็ยังสามารถยืนหยัดได้โดยไม่มีอาการเซให้เห็นแม้แต่น้อย
‘แม้ว่ามันยังไม่ถึงระดับที่กระผมพอใจ..แต่กระผมก็พร้อมจะก้าวไปเป็นแนวหน้าขอรับ!’
นั่นคือสิ่งที่เชวฮันพูดกับคาร์ลหลังจากฝึกเสร็จ
คาร์ลพยักหน้าให้เชวฮันและทำให้เชวฮันตะโกนออกมาทันที
“เริ่มได้!”
สิ้นเสียงตะโกนของเชวฮัน คาร์ลก็ปล่อยพายุหมุนที่เขาเก็บไว้ข้างๆกายออกไปทันที
ฟิ้วววววววววว~~~~~~ ซ่า!!!!!
พายุหมุนแล่นผ่านมหาสมุทรเพื่อไปยังจุดที่คาร์ลต้องการ คาร์ลเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ
ซู่!!!! พรึ่บบ!!!พรึ่บบ!!!
เสียงต้นไม้ไหวดังลั่นไปทั่วป่า เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ามันก็เต็มไปด้วยเมฆดำ เมฆฝนกำลังขยายตัวไปทางทิศตะวันออก คาร์ลหันศีรษะของตนไปยังฝั่งตรงข้าม พระอาทิตย์ก็กำลังลับหายไปและเวลากลางคืนก็เริ่มเข้ามาเยือน
พายุและกระแสน้ำวน
อันตรายจากมหาสมุทรถูกสร้างขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง มันจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่หมู่เกาะฮาอิสเท่านั้น
คาร์ลจัดเสื้อผ้าของตนให้เป็นระเบียบและมองไปยังเส้นขอบฟ้า ตอนนี้เรือหลายสิบลำเริ่มปรากฏให้เห็นชัดขึ้น
“ถึงเวลาที่เราต้องไปซ่อนตัวแล้วล่ะ”
เปรี๊ยะ!!!! ~~~~~
สายฟ้าเริ่มแผดเสียงไปทั่วบริเวณ
.
.
.
ซ่า!!!! ซ่า!!!! ซ่า!!!! ติ๋ง!ติ๋ง!ติ๋ง!
‘โอปิท’ หัวหน้าหน่วยกองพลทะลวงฟันซึ่งเป็นทัพหน้าในการบุกโจมตีศัตรูของอาร์ม เขากำลังมองสายฝนที่ตกลงมาบนเรือและเริ่มขมวดคิ้ว
“ฝนตกตอนกลางคืนแบบนี้จะมีพายุหรือไม่?”
“ตอนนี้ฝนก็ซาลงบ้างแล้ว..ข้าว่าเรารีบมุ่งหน้าไปที่เกาะฮาอิสก่อนดีกว่าขอรับ..แล้วค่อยมาดูกันอีกทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“ถ้าเช่นนั้นมันก็เป็นไปได้สินะถ้าเราจะเดินเรือไปถึงเกาะก่อนที่มันจะมืดไปกว่านี้?”
“ใช่ขอรับ”
โอปิทพยักหน้ารับในคำตอบของลูกน้องคนสนิทก่อนจะหันไปมองรอบๆ มีผู้คนจากองค์กรเป็นจำนวนมากที่อยู่บนเรือในแต่ละลำ พวกเขาพากันวิ่งวุ่นเพื่อเตรียมรับมือกับฝนที่ตกลงมา
“เตราะ!..เราควรพาพวกเขาทั้งหมดไปกับเราหรือไม่?”
“ท่านหัวหน้า..เราไม่มีทางเลือก”
‘เกรย์เทล’ผู้มีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าของกองพลทะลวงฟันเดินเข้าไปใกล้โอปิทและจับไปที่ไหล่ของเขา
“เราต้องไปอย่างเงียบๆเมื่อเราต้องซ่อนตัวตนของเราเอาไว้..เราไม่สามารถนำคนกลุ่มใหญ่ไปกับเราได้เพราะมันจะกลายเป็นจุดเด่นและเป็นอันตรายต่อท่านหัวหน้าเกินไปเมื่อเราถึงจุดหมายของเรา”
“เกรย์เทล..เจ้าพูดถูกแต่….”
เปรี๊ยะ!!
โอปิทเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้องก่อนความรู้สึกถึงลางไม่ดีจะแล่นเข้ามา
ตอนนั้นเอง
ตู้มมมม! ซ่า!!!
มีเสียงบางอย่างดังเข้ามาในหูของเขา มันเป็นเสียงที่แตกต่างจากเสียงเรือแล่น
ตู้มมมม! ซ่า!!!
ตู้มมมม! ซ่า!!!
มันไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
‘มาจากด้านหลัง’
โอปิทหันหลังกลับไปมองทันที เรือที่เขาโดยสารอยู่แล่นอยู่ตรงกลางของเรือทั้งหมด เขามองไปที่เรือซึ่งแล่นตามหลังไม่ไกลนัก
กรีซซซ!!!!!!!!!
เสียงคำรามดังขึ้นตามมาด้วยร่างของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กระโดดขึ้นกลางอากาศ
“….วาฬ”
มันเป็นวาฬ มีวาฬประมาณสิบตัวปรากฏตัวขึ้นเหนือน้ำก่อนจะจมหายไปใต้มหาสมุทรทันที