Trash of the Count’s family - ตอนที่ 146.1
บทที่ 146 มุ่งร้าย 1 (1)
ชายฝั่งทะเลอัลบา
วังน้ำวนยังคงทำหน้าที่หมุนวนรอบเกาะเล็กๆจำนวนหลายแห่งและบนเกาะที่ไกลที่สุดในทะเลอัลบาในขณะนี้
“เจ้าวาฬอาร์ชี!..ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”
อุ้งมือของราอนแตะไปที่แผ่นหลังลื่นๆของวาฬเพชฌฆาตอาร์ชี เขาถอนหายใจยาวให้กับท่าทางของราอนก่อนจะจ้องเขม็งไปที่คาร์ล ท่าทางของอาร์ชีในตอนนี้ดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“นายน้อยคาร์ล”
“ว่าอย่างไร?”
“ข้าจะไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นนั่งหลังข้าเป็นอันขาด!”
ผู้หญิงคนนั้น?
อาร์ชีกำลังหมายถึงฮันนาห์ซึ่งสวมชุดคลุมสีขาวยืนอยู่ไม่ไกลนัก
“ท่านอาร์ชี”
“ข้าขอร้องท่านพาสตัน!..เรื่องบางเรื่องก็ไม่สมควรได้รับข้อยกเว้น!”
พาสตันไม่สามารถพูดอะไรได้อีกเมื่อได้ยินประโยคอันเด็ดขาดของอาร์ชี นี่คือนักดาบหญิงผู้โจมตีเผ่าวาฬและสังหารทั้งวาฬและสิ่งมีชีวิตในทะเลเป็นจำนวนมาก แม้ตอนนี้เธอจะถูกหักหลังจากอาร์มและต้องมาทำงานร่วมกับพวกเขาแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะได้รับอนุญาตในบางเรื่องได้
อาร์ชีไม่มีแผนที่จะให้ศัตรูเก่านั่งบนหลังของตนเป็นอันขาด
คาร์ลเริ่มพูดขึ้น
“ถ้าเช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าต้องการ..เราจะผูกเรือไว้กับตัวของเจ้าเหมือนกับคราวที่แล้ว..ดังนั้นนางจะสามารถเดินทางไปที่นั่นกับเราได้”
พวกเขากำลังเตรียมการผูกเชือกอาคมไว้กับตัวอาร์ชีและวาฬเพชฌฆาตอีกกลุ่มหนึ่ง สมาชิกของคาร์ลส่วนใหญ่ก็จะโดยสารไปกับเรือลำนี้เช่นกัน
อาร์ชีไม่ได้รู้สึกดีกับข้อเสนอนี้แต่ก็ยังพยักหน้าตอบรับ จากนั้นเขาก็หันไปมองผู้หญิงที่อยู่ในชุดคลุมสีขาว
‘ฮึ!’
เขาสามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของเธอได้อย่างชัดเจน ความโกรธแค้นที่อัดแน่นอยู่ในใจของเขาและใบหน้าอันน่าเกลียดของเธอทำให้เขาอดที่จะสบถออกมาไม่ได้ เขารู้สึกสะใจที่เห็นว่าเธอได้รับสิ่งที่สมควรได้รับแต่ก็ยังโกรธที่เห็นเธอยังมีชีวิตออยู่ อย่างไรก็ตามเขาก็รู้สึกเสียใจกับเธอเล็กน้อยที่สภาพของเธอเป็นเช่นนี้
คาร์ลมองสมาชิกในกลุ่มที่เริ่มทยอยลงเรือก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหาฮันนาห์
“เจ้าเองก็รีบไปขึ้นเรือเถอะ”
“ตกลง”
คาร์ลเอ่ยถามเธออีกครั้งด้วยน้ำเสียงล้อๆ
“สายตาเกลียดชังจากเผ่าวาฬจะส่งมาให้เจ้าไม่มีหยุด..เจ้าไม่เป็นไรใช่มั้ย?..”
แทนที่จะตอบคำถามฮันนาห์กลับเอ่ยถามคาร์ลแทน
“แล้วทำไมท่านจึงเอ่ยถามข้าด้วยรอยยิ้ม?”
คาร์ลยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของตนก่อนจะเอ่ยถามฮันนาห์
“แล้วทำไมเจ้าถึงยิ้มเช่นข้าล่ะ?”
ฮันนาห์พยายามกลั้นยิ้มของตนเช่นกัน คาร์ลบอกได้เลยว่ารอยยิ้มของเธอเป็นผลมาจากการพยายามกลั้นยิ้มของเธอมาหลายต่อหลายครั้ง ประโยคต่อมาของฮันนาห์ทำให้คาร์ลสามารถการันตีได้ว่าเธอรอเวลาเช่นนี้มานานแค่ไหนแล้ว
“เพราะข้ามีความสุข..ข้าจะทำให้พวกเขาเจ็บปวดเหมือนที่ข้ารู้สึก!”
ฮันนาห์ยกยิ้มสดใสพลางแตะไปที่ดาบของเธอ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำคล้ายใยแมงมุมแต้มไปด้วยรอยยิ้มสดใสแต่แฝงไปด้วยความเหี้ยมเกรียม
“ข้าจะชโลมมหาสมุทรด้วยเลือด!”
คาร์ลมองไปที่เธอพลางคิดในใจ
‘เธอไม่ปกติแน่นอน’
แน่นอนว่าคาร์ลชอบคนแบบนี้ ฮันนาห์เป็นฝ่ายพูดบ้างเมื่อเห็นสายตาที่คาร์ลจ้องมายังตน
“ทำไมท่านมองข้าแบบนั้น?..หรือข้าควรปิดหน้าเอาไว้”
เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งฮันนาห์ก็เริ่มที่จะไม่ปิดบังใบหน้าของตนเว้นแต่ถึงเวลาที่เธอต้องการไม่ให้เป็นจุดสายตาของผู้คน คาร์ลยักไหล่และตอบกลับ
“ทำตามที่เจ้าอยากทำเถอะ..มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของข้าถ้าเจ้าจะปิดหรือไม่ปิดก็ตาม”
ฮันนาห์พยักหน้าให้กับคำตอบที่ไม่แยแสต่อสิ่งใดของคาร์ลก่อนจะเริ่มพูด
“ท่านรู้หรือไม่?..ว่าเพราะเหตุใดข้าจึงเลือกที่จะเปิดใบหน้า”
‘ไม่อยากรู้สักนิด’
คาร์ลไม่ได้อยากรู้ เขาไม่สนใจว่าใครจะปิดหรือเปิดใบหน้าของตนเพราะมันไม่ใช่ธุระของเขา ฮันนาห์ยิ้มเมื่อเห็นว่าคาร์ลไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆกับสิ่งที่เธอกล่าว
“เมื่อใดก็ตามที่ผู้คนพบเจอข้า..พวกเขามักจะส่งสายตาแปลกๆมาให้กับข้าทุกครั้ง..บางคนก็ส่งสายตาสงสารมาให้ในขณะที่บางคนก็คิดว่าข้าสมควรได้รับในสิ่งนี้แล้ว…แต่ก่อนที่พวกเขาจะไปถึงจุดนั้นพวกเขาต่างก็รู้สึกรังเกียจข้ากันทั้งนั้น”
แววตาของฮันนาห์วาววับไปด้วยความโกรธ
“ทุกครั้งที่มีคนแสดงกิริยาแบบนั้นใส่..ข้าจะนึกถึงสิ่งที่ข้าทำเลวเอาไว้..ข้าจะทำเช่นนี้เพื่อย้ำเตือนในสิ่งที่เคยทำเอาไว้นั่นคือเหตุผลที่ข้าจะไม่ปิดบังใบหน้าตนเอง”
เมื่อพูดจบเธอก็หันไปมองคาร์ลทันที คาร์ลพยักหน้าให้กับเธอและพูดขึ้น
“อืม..จงทำในสิ่งที่เจ้าต้องการเถอะ”
แววตาของฮันนาห์เป็นประกายจ้าครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาเป็นปกติ รอยยิ้มหลากหลายรูปแบบปรากฏบนใบหน้าของเธอครู่หนึ่งก่อนจะเลือนหายไปเช่นกัน
หมอผีแมรี่เฝ้ามองพวกเขาทั้งคู่ก่อนจะขยับฮู้ดของตนให้แน่นขึ้นพลางพึมพำออกมาเบาๆ
“มันเป็นเรื่องยากแต่ข้าก็อยากรู้เช่นกัน..ข้าไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเหล่าผู้คนจะเข้าใจมันหรือไม่?”
ไม่มีใครได้ยินสิ่งที่แมรี่พึมพำออกมา
คาร์ลหันไปมองวาฬที่มีท่าทางแปลกๆ เขาสามารถรู้ในทันทีว่าพวกเขากำลังอึ้งในสิ่งที่ฮันนาห์พูดเมื่อครู่นี้
“ไปเกาะฮาอิสที่ 9 ได้แล้ว!”
คาร์ล ราอน เชวฮัน โรสลิน รอน แมรี่และฮันนาห์คือสมาชิกในกลุ่มที่คาร์ลเลือกมาในครั้งนี้ พวกเขาคือกลุ่มคนที่สามารถทำลายล้างทุกอย่างได้ไม่ใช่แค่เรือแต่เป็นเกาะทั้งเกาะที่พวกเขาปรารถนาจะทำลายมัน พวกเขาเริ่มมุ่งหน้าไปยังเกาะฮาอิสที่ 9 อย่างรวดเร็ว
มหาสมุทรขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางระหว่างทวีปตะวันตกและตะวันออก เกาะเล็กเกาะน้อยที่อยู่รอบๆบริเวณนั้นคือสถานที่ที่เผ่าวาฬและเผ่าเสือกำลังรอพวกเขาอยู่
.
.
.
“สวัสดีนายน้อยคาร์ล..ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“สวัสดี..เราไม่ได้เจอกันนานมากแล้วจริงๆ”
วิเทียร์ออกมาต้อนรับเมื่อกลุ่มของคาร์ลเดินทางมาถึงเกาะฮาอิสที่ 9 เป็นที่เรียบร้อย
“ข้าได้ข่าวมาว่าช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา..ท่านไปช่วยอาณาจักรวิปเปอร์งั้นหรือ?”
วิเทียร์เอ่ยถามคาร์ลอย่างหยั่งเชิงเพราะเธออยากรู้ว่าคาร์ลไปช่วยอาณาจักรวิปเปอร์จริงหรือไม่? ทูนก้าไม่สามารถนำทัพชนะศึกได้อีกหลังจากยึดปราสาทเมเปิ้ลไว้ได้ อาณาจักรวิปเปอร์ได้จัดระบบกองทัพของพวกเขาใหม่หลังจากยึดปราสาทเมเปิ้ลไว้ได้ จากนั้นพวกเขาก็นำทัพเพื่อเข้ายึดปราสาทแห่งใหม่ทันที อย่างไรก็ตามจักรวรรดิตอบโต้พวกเขาด้วยกองกำลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
นักเวทย์ อัศวิน กองกำลังทหารและแม้กระทั่งอาวุธขั้นสูง พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของจักรวรรดิหลังจากโดยยึดปราสาทเมเปิ้ลจนสร้างความอับอายให้กับจักรวรรดิไม่น้อย และนี่คือจักรวรรดิที่ไม่มีการเล่นแร่แปรธาตุเข้ามาเกี่ยวข้อง พวกเขาแข็งแกร่งกว่าที่อาณาจักรวิปเปอร์ประเมินไว้
อาณาจักรวิปเปอร์พยายามจนสุดความสามารถแต่ก็ต้องถอยทัพกลับไปในที่สุด
คาร์ลไม่คิดที่จะปิดเรื่องการมีส่วนร่วมกับอาณาจักรวิปเปอร์ไว้เช่นกัน
“ใช่..ข้าไปทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้กับพวกเขา”
วิเทียร์ยิ้มเมื่อเห็นว่าคาร์ลไม่ปิดบังการมีส่วนร่วมกับอาณาจักรวิปเปอร์ไว้ เธอเอ่ยถามคาร์ลต่อทันที
“อาณาจักรวิปเปอร์จะหยุดเพียงแค่ปราสาทเมเปิ้ลงั้นรึ?”
“แล้วมันจะไม่เป็นแบบนั้นหรือไง”
คาร์ลเดินตามวิเทียร์เข้าไปยังศูนย์กลางของเกาะฮาอิสที่ 9 ในขณะที่ปากก็ยังกล่าวต่อไป
“นี่ก็เข้าฤดูหนาวแล้ว..แม้ว่าพวกเขาจะได้รับเงินช่วยเหลือจากอาณาจักรพันธมิตรเพิ่มเติมแต่อาณาจักรเหล่านั้นก็จะเริ่มรู้สึกว่ามันเป็นภาระสำหรับพวกเขา..เพราะฉะนั้นอาณาจักรวิปเปอร์จะต้องหยุดเคลื่อนไหวได้แล้ว”
สิ่งที่คาร์ลพูดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ความจริงที่ว่าอาณาจักรวิปเปอร์เข้ายึดปราสาทเมเปิ้ลได้ก็ถือเป็นชัยชนะของพวกเขาแล้ว ทั้งสามอาณาจักรที่เหลือก็พอใจเช่นกันที่อาณาจักรวิปเปอร์ดึงดูดความสนใจของจักรวรรดิไว้ได้ แน่นอนว่าจักรวรรดิที่คิดจะกำจัดอาณาจักรวิปเปอร์ด้วยเสาเพลิงและระเบิดพลังเวทย์จากเวทย์ความตายคงไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
วิเทียร์ยิ้มสดใสและเริ่มพูด
“ถ้าเช่นนั้นอาณาจักรวิปเปอร์ต้องหยุดการเคลื่อนไหวลง..แต่มันเป็นทีของพวกเราที่จะเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวบ้างสินะ?”
“ใช่”
‘แม้ว่าฝั่งพวกเธอจะออกแรงเคลื่อนไหวมากกว่าพวกฉันก็ตาม’
คาร์ลไม่ได้พูดสิ่งนี้ออกมาเพียงแค่พุ่งความสนใจไปยังสิ่งที่วิเทียร์รายงานให้ฟังเท่านั้น
“ตอนนี้เราได้ส่งฝ่ายสอดแนมเข้าไปสังเกตการพวกอาร์มแล้ว”
“พวกมันมาเยอะขนาดไหน?”
“ทั้งเราและเผ่าเสือไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่ชัดได้เพราะพวกมันเริ่มเริ่มระวังตัวมากขึ้น…เรือ20ลำคือสิ่งที่เรายืนยันได้อย่างแน่ชัด..แต่เราคาดการณ์ไว้ว่าพวกมันอาจมาเยอะกว่านี้”
คาร์ลพยักหน้าและพยายามรวบรวมข้อมูลทั้งหมดในใจ
เท่าที่เขาทราบมา‘อาร์ม’เป็นเพียงส่วนหนึ่งขององค์กรลับเท่านั้น ในตอนแรกคาร์ลคิดไว้ว่าพวกมันจะไม่ส่งคนมากับกองพลทะลวงฟันมากนัก อย่างไรก็ตามจำนวนที่วิเทียร์แจ้งให้เขาทราบมันก็มีโอกาสสูงเช่นกันที่พวกมันจะส่งคนมาจำนวนมากกว่าที่เขาคาดไว้รวมไปถึงคนที่มีฝีมือระดับต้นๆขององค์กรก็อาจเข้าร่วมทำศึกในครั้งนี้ด้วย