Trash of the Count’s family - ตอนที่ 145.1
บทที่ 145 ไม่ใช่เรื่องน่าเสียดาย 4 (1)
ทหารเริ่มรู้สึกตัวก่อนจะได้ยินเสียงตะโกนออกคำสั่ง
“ทุกคนหนี!”
มันเป็นเสียงของทูนก้า
ทหารยามรีบเคลื่อนตัวออกจากปราสาทเมเปิ้ลอย่างรวดเร็ว
ทูนก้าหันมาสั่งนักรบแทน
“นักรบผู้ต้านทานพลังเวทย์เคลื่อนตัวมาอยู่ทัพหน้า!”
นับรบที่มีคุณสมบัติต้านทานพลังเวทย์เคลื่อนตัวมาหยุดยืนด้านหน้าและรีบตั้งขบวนรบทันที การเคลื่อนไหวของพวกเขารวดเร็วแต่ก็ดูแปลกๆ แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างเป็นเช่นนี้
เปรี๊ยะ!!!! เปรี๊ยะ!!!!เปรี๊ยะ!!!! เปรี๊ยะ!!!!
ซู่!!!!!! ซ่า!!!!!!ซู่!!!!!! ซ่า!!!!!!ซู่!!!!!! ซ่า!!!!!!
ทั้งสายฟ้าที่ฟาดผ่าน สายฝนที่เทกระหน่ำและลมกรรโชกรุนแรงทั้งสามอย่างนี้ต่างโอบล้อมปราสาทเมเปิ้ลมากขึ้นเรื่อยๆ
คืนนี้เป็นคืนเดือนดับและปราสาทเมเปิ้ลในตอนนี้กำลังเป็นศูนย์กลางของพายุ อย่างไรก็ตามมีบางอย่างที่สะดุดสายตาทุกคน
ฟู่!!!!!!
“ไ…ไฟ”
ทหารยามต่างพากันจับหอกประจำกายของตนแน่นขึ้นโดยอัตโนมัติและเริ่มพึมพำออกมาเบาๆ
“ไฟ..ไฟกำลังจะดับ”
เสาเพลิงซึ่งอยู่สูงกว่าตัวปราสาทเริ่มดับลงเรื่อยๆ
สายฝนและหมอกที่หนาทึบขึ้นเรื่อยๆทำให้ทหารมองเห็นตัวปราสาทได้ยากขึ้น
“นี่มันอะไรกัน?..น่าประหลาดใจยิ่งนัก!”
นักรบของอาณาจักรวิปเปอร์อ้าปากค้างกับสิ่งที่เกิดขึ้น‘มันคือพลังเวทย์หรือเปล่านะ?’ หนึ่งในนักรบมองพายุที่ล้อมรอบปราสามเมเปิ้ลด้วยความสั่นกลัว เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะเห็นคนสองคนผ่านสายฝน พวกเขาทั้งคู่ปกคุลมไปด้วยชุดคุลมสีดำและกำลังลอยตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าสายตาของนักรบมองตามร่างของพวกเขาไปไม่คลาดสายตา
“อ่า…”
นักรบมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเสาเพลิงลดต่ำลงเพราะไฟถูกดับลงอย่างช้าๆ
ฟู่!!!!ฟู่!!!!
เมื่อเสาเพลิงลดระดับลงเขาจึงมองเห็นหลังคาบนยอดปราสาทพร้อมกับธงของจักรวรรดิโบกสะบัดไปมา เขาเพ่งสายตาไปยังหลังคาสีแดงบนหอคอยซึ่งเป็นจุดที่อยู่สูงที่สุดของปราสาท
มีใครบางคนยืนอยู่ที่นั่นพร้อมจับเสาธงเอาไว้
คนผู้นี้ปกคลุมไปด้วยชุดคุลมสีดำสนิท
นักรบมองไปที่มืออีกข้างที่คนผู้นี้ไม่ได้จับเสาธงเอาไว้
ฟิ้วววววววววววว!!!!!
กระแสลมเริ่มหมุนวนบนฝ่ามือของชายผู้นั้นก่อนจะพุ่งไปบนท้องฟ้าทันที ดูเหมือนคนผู้นี้จะควบคุมเมฆฝนได้
เขารู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้แม้แต่ตอนนี้ที่ต่อสู้กับนักเวทย์หรือเหล่าอัศวินของจักรวรรดิ ตอนนั้นเองที่เขานึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ การดำรงอยู่ที่แตกต่างจากตัวเขา
ธรรมชาติ
ในฐานะคนที่เชื่อถือในธรรมชาติ นักรบผู้นี้ย่อมเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของธรรมชาติเป็นอย่างดี
ธรรมชาติเป็นพลังที่ไม่สนใจพลังเวทย์หรือความแข็งแกร่งทางกายภาพของมนุษย์
ฟึ่บ!
นักรบถอยหลังกลับไปก้าวหนึ่ง
ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกถึงแรงตบเบาๆบนไหล่ของเขาก่อนที่เจ้าของแรงตบจะก้าวไปข้างหน้าเขาทันที
คนผู้นี้คือผบ.ทูนก้านั่นเอง
นักรบเรียกกำลังใจของตนคืนมาได้เมื่อเห็นทูนก้าก้าวขึ้นมาเป็นทัพหน้า
ผบ.ทูนก้าคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด เขาคือคนที่ต่อสู้กับธรรมชาติมาตั้งแต่เขาเด็กๆ นั่นเป็นสาเหตุที่พลเมืองอาณาจักรวิปเปอร์เลือกที่จะติดตามเขา พวกเขาต่างเคารพและศรัทธาต่อคนที่ไม่ยอมแพ้ธรรมชาติในทุกสภาวะ
“เจ้าเป็นใคร?!”
เสียงตะโกนก้องของผบ.ทูนก้าดังขึ้นมา
แน่นอนว่าบุคคลที่ยืนอยู่บนหลังคาต้องเป็นคาร์ลอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเริ่มคิดเมื่อทูนก้าส่งเสียงตะโกนออกมา
‘หมอนั่นแน่ใจนะว่าตัวเองพูดดัง’
คาร์ลเริ่มหนาวจนร่างสั่นน้อยๆเพราะสายฝน แม้แต่พละกำลังแห่งดวงใจก็ไม่สามารถทำให้ความหนาวเย็นหายไปได้ คาร์ลตัดสินใจที่จะจบเรื่องนี้ลงในตอนนี้
“เจ้าเป็นใคร?!”
ทูนก้าตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนั้นเองที่เสียงหวานๆและเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนจะดังขึ้นมา มันเป็นเสียงที่ถูกทำให้เปลี่ยนไปด้วยพลังเวทย์
“ข้าเองก็สงสัย..ว่าเราเป็นใครกัน?”
มันเป็นเสียงของโรสลิน
เธอเลือกใช้โทนเสียงนุ่มๆกับเหล่าทหารของอาณาจักรวิปเปอร์ คาร์ลนึกในใจว่าโรสลินเป็นนักแสดงที่ดีจริงๆ คาร์ลใช้มืออีกข้างล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเวทย์ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เชวฮันตะโกนขึ้นมา
“เราคือองค์กรลับ!”
เชวฮันใช้ออร่าเพื่อให้เสียงของตนดังขึ้น เชวฮันหันมาทางคาร์ลเพื่อถามว่าเขาทำได้ดีหรือไม่? ในเมื่อท่านคาร์ลเป็นคนบอกให้เขาพูดอย่างน้อยก็ต้องเอ่ยชมเขาบ้างล่ะ คาร์ลถอนหายใจยาวแล้วหันไปมองทูนก้าแทน
“อะไรนะ?..องค์กรลับงั้นหรือ?”
ทูนก้าขมวดคิ้วในขณะที่ทหารเริ่มกระสับกระส่าย พวกเขาทั้งหมดไม่รู้ว่าทูนก้ากำลังแสดงละครอยู่ นักรบหันไปปลอบให้เหล่าทหารยามสงบลง อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถละสายตาไปจากกลุ่มคนพวกนี้ได้
ตอนนั้นเอง
“ห๊ะ?”
ดวงตาของทหารนายหนึ่งเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นชายที่จับเสาธงเริ่มเคลื่อนไหว
อึ่ก!
นับรบไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็น
ฟึ่บ~~~
ธงของอาณาจักรโมโครุหรือที่รู้จักกันในนามของจักรวรรดิซึ่งโบกสะบัดกลางอากาศอยู่บนยอดปราสาทเมเปิ้ลถูกกระชากลงจากยอดเสา
ชายซึ่งยืนอยู่บนหลังคาใช้กริชตัดเชือกธงจนขาด พอธงร่วงจากยอดเสาเขาก็ใช้กริชที่ถืออยู่ปักไปยังผืนธงที่มีตราของจักรวรรดิประดับอยู่ จากนั้นเขาก็ขว้างกริชและธงไปยังร่างของทูนก้าทันที
ฟิ้ววว !!!! สวบ!!!!
กริชซึ่งปักบนผืนธงพุ่งหลาวไปหาทูนก้าด้วยความเร็วสูง
“ผบ.ทูนก้า!”
เสียงเรียกทูนก้าด้วยความตกใจดังก้องไปทั่วบริเวณ อย่างไรก็ตามทูนก้ากลับพุ่งความสนใจไปยังชายบนหลังคาแทน
ปั่ก!
กริชปักลงพื้นดินซึ่งอยู่ตรงหน้าของทูนก้าพอดี
ในขณะที่ทุกคนมองกริชที่ปักลงดินด้วยความตกใจ ชายผู้กรีดธงก็พูดขึ้นด้วยเสียงเรียบเย็น มันเป็นเสียงที่ถูกปรับเปลี่ยนด้วยพลังเวทย์
“ไฟดับแล้ว”
ซู่!!!
ไฟที่ลุกท่วมเสาไฟหายไปจนหมด
ติ๋ง!ติ๋ง!ติ๋ง!ติ๋ง!
ฝนยังคงตกลงมาปรอยๆ
เม็ดฝนหยดลงบนแก้มของเหล่าทหาร
ตอนนั้นเองที่เหล่าทหารได้ยินเสียงของทูนก้าดังขึ้น
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
เสียงหัวเราะของทูนก้าดังกลบเสียงพายุที่กำลังจะหยุดลง
ฟึ่บ!
ทูนก้าดึงกริชออกจากธงก่อนจะใช้มือของตนฉีกทึ้งธงของจักรวรรดิอย่างบ้าคลั่ง เขาทิ้งเศษธงลงบนพื้นก่อนจะใช้เท้าเหยียบมันด้วยความสะใจ
เสียงอันสงบของทูนก้าดังก้องไปทั่วบริเวณ
“เข้าไปในปราสาทได้!”
ไฟดับลงแล้วเวลาต่อจากนี้ก็เป็นทีของพวกเขา
“ยึดปราสาทของจักรวรรดิเอาไว้!..อะไรที่หลงเหลือยึดมันไว้ให้หมด!”
ทูนก้าออกคำสั่งจากนั้นก็เริ่มวิ่งนำทันที นี่คือเอกลักษณ์เฉพาะตัวของทูนก้าอย่างไม่ต้องสงสัย
เขารีบพาทหารไปยังตัวปราสาทเมเปิ้ลที่เริ่มปรากฏให้เห็นได้อย่างเต็มตาเพราะไม่มีเสาเพลิงบดบังปราสาทเอาไว้ พวกเขามาถึงทางเข้าชั้นแรกของปราสาท ทูนก้าเหวี่ยงกระบองโลหะของตนไปยังประตูไม้ที่ใหญ่ที่สุดทันที
ปั้ง!!
ประตูพังลงทันที
เขาไม่จำเป็นต้องใช้พวกออร่าหรือพลังเวทย์พวกนั้น แค่ใช้กำลังกายตามธรรมชาติของเขาก็เพียงพอแล้ว เขามองเห็นด้านในปราสาทผ่านประตูที่แตกออก
“ทุกคน!..เข้าไปได้!..ลุย!”
ทูนก้าตะโกนดังลั่น ปิเลียร์มือขวาของเขายกหอกขึ้นเหนืออากาศราวกับเรียกพลังจากนั้นเธอและนักรบคนอื่นๆก็พากันวิ่งกรูเข้าไปในปราสาททันที
เฮ!!!!เฮ!!!!เฮ!!!!เฮ!!!!
ปิเลียร์และเหล่านักรบกำลังจะผ่านประตูปราสาทเข้าไปได้
ฟิ้วววววววววววววว~~~~~~
ลมกระโชกรุนแรงพัดผ่านเข้ามาอีกครั้ง
“อึ่ก!”
ลมกระโชกแรงผลักให้ปิเลียร์และเหล่านักรบถอยหลังกลับมาล้อมรอบปราสาทเมเปิ้ลอีกครั้ง มีเพียงทูนก้าเท่านั้นที่ยังปกติดีแม้ว่ามีลมพัดกระหน่ำออกมาก็ตาม
“ผบ.ทูนก้า!!”
ทูนก้าเงยหน้าขึ้นมองหลังจากได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากหนึ่งในนักรบของเขา
คาร์ลอยู่ที่นั่น เขารวมตัวอยู่กับเชวฮันและโรสลิน พวกเขากำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ
“ล่องหนกันก่อนดีกว่า!”
คาร์ลได้ยินเสียงของราอนดังขึ้นจากด้านข้างของเขา
“ตกลง”