Trash of the Count’s family - ตอนที่ 144.2
บทที่ 144 ไม่ใช่เรื่องน่าเสียดาย 3 (2)
ราอนใช้อุ้งมือของมันวาดเป็นวงกลมขนาดใหญ่เพื่อให้พวกเขาเห็นภาพได้ชัดขึ้น
“พวกเขาก็จะถูกระเบิดเละเป็นจุณและจะตายในที่สุด!”
“ใช่..แม้พวกเขาจะไม่ตายทั้งหมดแต่จักรวรรดิก็ถือว่าประสบความสำเร็จหากแกนนำของอาณาจักรวิปเปอร์ถูกพิษจากพลังเวทย์แห่งความตาย..ส่วนฝ่ายของทูนก้าที่ไม่มีนักเวทย์อยู่ในกลุ่มก็จะพากันหนีตายจากเสาเพลิงและระเบิดพวกนั้นในที่สุด”
“มันต้องเป็นเรื่องลำบากสำหรับคนโง่เง่าแบบทูนก้าอย่างแน่นอน!”
ราอนไม่ได้พูดอะไรต่อและหันไปมองคาร์ลแทน
แปะ!แปะ!แปะ!
ราอนใช้อุ้งมือของมันแตะไปที่ขาของคาร์ลเบาๆ ส่วนคาร์ลก็ลูบไปที่หัวกลมๆของราอน
“ทำได้ดีมาก”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
ราอนหัวเราะด้วยความชอบใจ
“ข้ายอดเยี่ยมและฉลาดยิ่งนัก!..ข้ายังคงยอดเยี่ยมแม้จะอยู่ในระยะแรกของการเจริญเติบโต!”
“ใช่แล้ว”
คาร์ลเล่นไปตามคำกล่าวของราอน ในขณะที่เสียงนาฬิกายังคงดังต่อไป
ติ๊กต๊อก!ติ๊กต๊อก!ติ๊กต๊อก!
สายตาของคาร์ลจ้องไปที่ระเบิดพลังเวทย์
นี่ไม่ใช่การวางระเบิดแบบธรรมดาๆที่มักจะพบได้ทั่วไปในโลกใบนี้ อุปกรณ์เวทย์ชิ้นใหม่ที่ถูกออกแบบให้มีหน้าตาคล้ายกับนาฬิกาดิจิตอลถูกติดไว้ด้านบนของระเบิดพลังเวทย์ อุปกรณ์ชิ้นนี้มีลูกแก้วทรงกลมที่มีของเหลวสีม่วงไหลวนอย่างบ้าคลั่งติดไว้อยู่ข้างๆกัน เวลาที่ระบุไว้บนหน้าจอถูกลดลงเรื่อยๆ
27:13:44
โรสลินเริ่มพูด
“ข้าคิดว่านักเล่นแร่แปรธาตุและนักเวทย์ทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาระเบิดพลังเวทย์รูปแบบนี้ขึ้นมามันดูเหมือนจะกักเก็บพลังเวทย์ของนักเวทย์เอาไว้ล่วงหน้าเพื่อตั้งเวลาในการทำงานของระเบิดเหล่านี้ให้ทำงานตามเวลาที่กำหนด”
ระเบิดพลังเวทย์ส่วนใหญ่มักถูกออกแบบให้ทำงานโดยยึดคำสั่งของนักเวทย์ผู้ประดิษฐ์มันขึ้นมาแต่ระเบิดพลังเวทย์ชิ้นนี้กลับต่างออกไป
“พวกเขาร่ายเวทย์ใส่อุปกรณ์ชิ้นนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น..คงมีเพียงนักเวทย์ระดับสูงเท่านั้นที่จะสัมผัสถึงพลังเวทย์เหล่านี้ได้”
แม้พลังเวทย์จะไหลวนอย่างบ้าคลั่งในลูกแก้วทรงกลมนี้แต่ปริมาณเวทย์ของมันกลับมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“แม้ว่าปริมาณของพลังเวทย์ในลูกแก้วทรงกลมเหล่านี้จะดูเหมือนอ่อนกำลัง..แต่มันก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากพอที่จะทำลายโขดหินขนาดใหญ่ได้หลายลูกทีเดียว”
อย่างไรก็ตามระเบิดพลังเวทย์ที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้พลังเวทย์ที่แข็งแกร่งไปมากกว่านี้เพื่อควบคุมพวกมัน
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น..พลังเวทย์ที่ไหลวนอยู่นี้ก็แข็งแกร่งมากพอที่จะสั่งการให้ระเบิดพลังเวทย์ซึ่งเต็มไปด้วยเวทย์แห่งความตายทำงานได้ตามปกติอยู่ดี”
ติ๊กต๊อก!ติ๊กต๊อก!ติ๊กต๊อก!
27:12:07
โรสลิน ราอน เชวฮันต่างพร้อมใจหันไปมองคาร์ล
คาร์ลยิ้มพร้อมกับแสดงสีหน้าอย่างมีความสุข
“เก็บพวกมันไปไว้ก่อนแล้วกัน”
ราอนเริ่มนำระเบิดพลังเวทย์ที่ทำมาจากของเหลวสีดำและอุปกรณ์เวทย์ทั้งหมดเข้ามิติลับของมันอย่างรวดเร็วราวกับคาดไว้อยู่แล้วว่าคาร์ลจะสั่งเช่นนี้ โรสลินยกระเบิดพลังเวทย์ที่ถูกยึดไว้กับลูกแก้วทรงกลมซึ่งบรรจุของเหลวสีม่วงขึ้นมาอย่างระมัดระวังแต่ก่อนที่จะส่งมันให้กับราอนเธอกับสะดุ้งขึ้นเมื่อคิดบางอย่างขึ้นมาได้
“เราจะทำอย่างไรกับตัวจับเวลานี้ดี?..มันอาจเกิดระเบิดขึ้นได้หากเราถอดมันออกจากระเบิดพลังเวทย์ชิ้นนี้?”
คาร์ลพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าเช่นนั้น..ก็โยนมันทิ้งซะ!”
“อะไรนะ?”
แปะ!
คาร์ลปรบมือขึ้นหนึ่งครั้งเพื่อดึงความสนใจจากทุกคน
“ข้าจะสร้างพายุไต้ฝุ่นขึ้นมา..ดังนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะวางระเบิดไปพร้อมๆกัน”
“เจ้ามนุษย์พูดถูก!..มาเริ่มกันเถอะ!..แค่นี้เราก็สามารถกำจัดตัวจับเวลาได้แล้ว!”
ราอนยิ้มอย่างร่าเริงในขณะที่คาร์ลก็ลูบไปที่หัวของราอนเบาๆเมื่อมันมีความเห็นแบบเดียวกับเขาก่อนจะออกคำสั่ง
“เชวฮัน..ท่านโรสลิน..มาเริ่มลงมือกันเถอะ!”
ถึงเวลาดับไฟแล้ว
.
.
.
“ห๊าววว!!..การเฝ้ายามในตอนกลางคืนเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยากลำบากซะเหลือเกิน”
“แต่มันก็ดีกว่าการต่อสู้ในสนามรบนะ”
“มันก็จริง”
กลุ่มทหารยามที่รับหน้าที่เฝ้าเสาเพลิงรอบปราสาทเมเปิ้ลในค่ำคืนนี้ต่างหันหน้าไปมองฐานทัพชั่วคราวของพวกเขาที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก พวกเขาต่างหาหัวข้อมาพูดคุยกันเพื่อทำลายความง่วงและทำให้ตัวเองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
ทหารนายหนึ่งหันไปมองกระโจมรักษาที่ยังคงสว่างไสวในค่ำคืนนี้ก่อนจะเริ่มพูด
“พวกเขาช่างเป็นคนดีจริงๆ”
“ใช่แล้ว..พวกเขาเคยรู้จักกับท่านผบ.ทูนก้ามาก่อนงั้นหรือ?”
“อืม..ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น..ตอนนี้เป็นช่วงเวลาหยุดพักของพวกเขาหลังจากตระเวนไปทั่วทั้งทวีปเพื่อรักษาผู้บาดเจ็บหรือตกทุกข์ได้ยาก..การที่พวกเขาเดินทางมาที่นี่ก็เพราะได้รับการติดต่อจากท่านผบ.ทูนก้าไป”
กลุ่มคนที่เหล่าทหารยามพูดถึงก็คือนักบวชทั้งห้า
“พวกเขาผลัดกันรักษาผู้บาดเจ็บตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไม่ใช่รึ?”
“ใช่แล้ว..คงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของคนป่วยตลอดทั้งคืนแบบนั้นได้”
“จริงด้วย..แต่ข้าก็ขอบคุณพวกเขาจริงๆ..ทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้สิ่งใดเป็นการตอบแทนแท้ๆ”
เหล่าทหารยามต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่เพื่อนเอ่ยก่อนจะหันกลับมามองเสาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงอีกครั้ง ไฟที่ลุกโชนทำให้หายใจลำบากหากขยับเข้าไปใกล้มัน
“เฮ้อ..มันคงดีกว่านี้ถ้าพวกเราสามารถจัดการกับไฟพวกนี้ได้”
ทหารต่างพากันจ้องไปยังเสาไฟที่มีเสียงดังปะทุออกมา แต่มันกลับมีเสียงบางอย่างที่ดังออกมาจากเสียงปกติที่พวกเขาคุ้นเคย
ซู่!!!! ปึง!!
มันเป็นเสียงปะทุจากการเผาไหม้ นอกจากนี้ยังมีเสียงรบกวนบางอย่างที่เริ่มดังแทรกออกมา
เปรี๊ยะ!!!!
มันเป็นเสียงฟ้าร้องคล้ายๆกับเสียงที่ดังก่อนฟ้าจะผ่าลงมา
เหล่าทหารต่างพร้อมใจกันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า มันเป็นคืนเดือนดับแต่ก็พอมีดวงดาวส่องสว่างพอให้ได้เห็นลางๆ อย่างไรก็ตามท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนไปช้าๆเมื่อมีเมฆดำเข้ามาบดบังจนมองไม่เห็นดวงดาวอีกต่อไป
เปรี๊ยะ!!!!!!เปรี๊ยะ!!!!!!เปรี๊ยะ!!!!!!
เสียงคำรามของท้องฟ้าดังก้องเข้ามาในหูของทหารอีกครั้ง
“เอ๊ะ!?”
หลังจากนั้นก็มีบางอย่างโผล่ขึ้นมาบนท้องฟ้าที่มืดมิด
บู้มมมมมม!!!!!
มีแสงสว่างกระพริบจ้าขึ้นมาคล้ายกับเปลวไฟจากแรงระเบิด
“นั่นอะไร!?”
มันไม่ใช่สายฟ้า
ทหารลดสายตาลงมาเพื่อมองร่างของคนสองคนซึ่งสวมหน้ากากสีดำและชุดสีดำซึ่งล้อมรอบไปด้วยแสงสีแดงเป็นฉากหลัง หนึ่งในสองคนที่ลอยตัวอยู่เหนือเสาเพลิงเริ่มยิงลูกไฟขึ้นสู่ท้องฟ้า
บู้ม!!บู้ม!!บู้ม!!
ลูกไฟดวงใหญ่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและส่งเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!”
จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมา
ทหารนายหนึ่งรีบหันไปพูดกับเพื่อนทหารของตนทันที
“เฮ้!..รีบ..รีบไปรายงานเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด!”
“ต..ตกลง!”
ทหารที่เหลือเตรียมตัววิ่งกลับไปยังฐานทัพ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น
ฟึ่บ!ฟึ่บ!
กระโจมต่างๆเริ่มส่องสว่างขึ้น จากนั้นหัวหน้าหน่วยและทหารคนอื่นๆต่างก็กรูกันออกมาจากกระโจม ทหารทุกนายต่างพากันถือหอกประจำกายเมื่อพากันวิ่งออกมาสังเกตสถานการณ์
เปรี๊ยะ!!!
ท้องฟ้าอันมืดมิดส่งเสียงคำรามขึ้นมาพร้อมกับหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ประกายไฟขนาดเล็กเริ่มปรากฏออกมาจากกลุ่มเมฆสีดำ
พายุไม่สิ!ต้องเรียกว่าไต้ฝุ่นถึงจะใกล้เคียงกับสิ่งที่มันเป็น
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!”
บุคคลผู้สวมใส่หน้ากากยังคงหัวเราะลั่นเมื่อพวกเขายิงพลังเวทย์ขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังเวทย์คือสาเหตุสำคัญที่สร้างความหวาดกลัวและความโกรธแค้นให้กับชาวอาณาจักรวิปเปอร์ ทั้งความโกรธและความกลัวต่างปรากฏขึ้นในสายตาของทหารที่ได้เห็นพลังเวทย์อีกครั้ง
มีอีกคนที่กำลังมองดูพวกเขาทั้งสองยิงพลังเวทย์ขึ้นสู่ท้องฟ้า
คาร์ลยืนอยู่บนยอดปราสาทเมเปิ้ลในขณะที่สายตาก็สังเกตเชวฮันและโรสลินที่ลอยตัวอยู่เหนือเสาเพลิงไปด้วย
“ว้าว!..โรสลินทำได้ดีอย่างที่คิดไว้จริงๆ..เชวฮันก็ทำได้ดีเช่นกัน”
โรสลินกำลังยิงพลังเวทย์ไปบนท้องฟ้าในขณะที่เชวฮันกำลังส่งเสียงหัวเราะให้ดังที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ พวกเขาดูราวกับตัวร้ายมืออาชีพไม่มีผิด
คาร์ลเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
กลุ่มเมฆต่างรวมตัวกันเหนือปราสาทเมเปิ้ลเท่านั้น ดูเหมือนพายุจะสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ฟิ้ว วิ้วววววว ~~~~~~
ลมเริ่มกระโชกแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
“ราอนก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน”
คาร์ลประเมินสิ่งที่เกิดขึ้นสั้นๆก่อนจะหงายฝ่ามือขึ้น
ครืดดดดดดดด!!!!!
แสงสีเงินเริ่มก่อตัวล้อมรอบสร้อยดูดซับที่อยู่บนคอของเขา
มันคือวารีสยบเพลิงนั่นเอง
น้ำที่มีอานุภาพแรงกล้าจะออกมาปรากฏตัวอีกครั้ง
ติ๋ง!ติ๋ง!ติ๋ง!ติ๋ง!ติ๋ง!ติ๋ง!
หยดน้ำฝนหลายหยดเริ่มไหลออกมาจากกลุ่มเมฆสีดำ คาร์ลเพิ่มจำนวนหยดน้ำฝนเข้าไปทันทีในขณะที่ปากก็ตะโกนออกคำสั่ง
“เริ่มได้!”
~ข้าเข้าใจแล้ว!~
ราอนกระชากตัวจับเวลาออกจากระเบิดพลังเวทย์ทันที
ติ๊กต๊อก!ติ๊กต๊อก!ติ๊กต๊อก! ติ๊ดดดดดดดดดด!
ตัวจับเวลาหยุดลงก่อนที่ราอนจะขว้างระเบิดพลังเวทย์ออกไปทันทีโดยขว้างให้สูงกว่าจุดที่โรสลินและเชวฮันลอยตัวอยู่
ครู่ต่อมา
ตู้มมมมมมมมมมม!!!!!!
เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วท้องฟ้า
ระเบิดพลังเวทย์ถูกขว้างออกไปยังจุดที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่
ในเวลาเดียวกันคาร์ลก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
ติ๋ง!ติ๋ง!ติ๋ง!ติ๋ง!ติ๋ง!ติ๋ง!ติ๋ง!ติ๋ง!ติ๋ง!
ฝนเริ่มลงเม็ดอีกครั้ง
สายฝนก็กำลังบดบังวิสัยทัศน์ของทุกคน
ซ่า!!!!!!!!!!
วารีสยบเพลิงเริ่มกระหน่ำเทลงบนปราสาทเมเปิ้ล
พายุฝนที่เริ่มหมุนวนอย่างบ้าคลั่งกำลังล้อมรอบปราสาทเมเปิ้ล