Trash of the Count’s family - ตอนที่ 143.1
บทที่ 143 ไม่ใช่เรื่องน่าเสียดาย 2 (1)
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นการดับไฟก็ถือเป็นภารกิจสำหรับวันอื่น
คาร์ลจงใจเปิดกระโจมทิ้งเอาไว้ มันมีโอกาสสูงที่ทหารจากด้านนอกจะมองเห็นสิ่งที่เกิดภายในกระโจมหากพวกเขาเดินผ่านมาบริเวณนี้
~มนุษย์!..มนุษย์!~
เสียงของราอนตะโกนเรียกเข้ามาในหัวของคาร์ล ซึ่งเขาก็ไม่ได้สนใจมันแต่อย่างใดเมื่อกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดที่ผู้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยรวมตัวกันอยู่
“ตัวเจ้ามีแต่รอยฟกช้ำเต็มไปหมด”
“อ่า…ท่านนักบวช”
ทหารซึ่งนั่งอยู่มุมกระโจมเพราะได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงเรียกของคาร์ล
คาร์ลหยิบขวดยาออกมาจากกระเป่าเวทย์แล้วชุบมันกับผ้าให้พอหมาดๆ จากนั้นเขาก็เริ่มซับมันลงตรงจุดรอยฟกช้ำตามร่างกายทหารรายนี้ รอยฟกช้ำที่ปรากฏเป็นจ้ำค่อยๆเลือนหายไปอย่างช้าๆ
“ข…ขอบ…ขอบคุณท่านมากๆ”
ทหารมองรอยยิ้มของนักบวชที่แต้มให้เขาเล็กน้อย นักบวชไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกก่อนจะเดินไปหาคนอื่นๆเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ
~มนุษย์!.เจ้าเป็นคนดีจริงๆ~
คาร์ลไม่ได้สนใจกับคำชมของราอนเช่นเดิมเมื่อเขาเริ่มใช้ยารักษาทหารผู้ได้รับบาดเจ็บแม้ว่าทหารผู้นั้นจะมีเพียงรอยขีดข่วนเล็กๆก็ตาม
ทหารโค้งคำนับต่อนักบวชผมสีขาวอย่างซาบซึ้ง นักบวชผู้นี้ไม่สนใจแม้แต่จะคิดเสียดายยาราคาแพงๆพวกนี้แม้ว่าทหารบางคนจะได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย
คาร์ลได้รับคำขอบคุณจากพวกเขาอย่างต่อเนื่องก่อนจะเริ่มคิดในใจ
‘ยาฟรีพวกนี้มันดีจริงๆ..มันทำให้เราสามารถใช้มันได้โดยไม่คิดเสียดายแต่อย่างใด’
คาร์ลใช้ยาที่อัลเบิร์กเป็นผู้มอบให้โดยไม่คิดจำกัดปริมาณ อาจเป็นเพราะเขาใช้ยาของผู้อื่นจึงไม่คิดเสียดายและมันก็ค่อนข้างสนุกทีเดียว
“ขอบคุณท่านยิ่งนัก..ท่านนักบวช”
คาร์ลแต้มยิ้มสดใสเมื่อคิดว่าเขาใช้เงินของอัลเบิร์กได้คุ้มค่าเพียงใด อย่างไรก็ตามเขาเริ่มตอบสนองต่อท่าทีของเหล่าทหารด้วยภาพลักษณ์ของนักบวชทั่วไปมักทำกัน
“ไม่เป็นไร..การดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นหน้าที่ของนักบวชอยู่แล้ว”
คาร์ลรับผิดชอบดูแลทหารที่ได้รับบาดเจ็บเล็กๆน้อยรอบตัวของเขาเสร็จก่อนจะย้ายไปยังกลุ่มอื่นทันที แจ็คกับเคจรับผิดชอบรักษาอาการของทหารที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงหรือใกล้ตาย
‘พวกเขาทำงานกันหนักจริงๆ’
แจ็คมีเหงื่อไหลท่วมตัวเมื่อทำการรักษาผู้บาดเจ็บ เขากำลังรักษาผู้บาดเจ็บซึ่งหายใจรวยรินด้วยบาดแผลฉกรรจ์ที่อยู่บริเวณสีข้าง
ซู่!!!!!!
เสียงจากออร่าสีทองซึ่งไหลออกจากมือแจ็คดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อกำลังตั้งใจรักษาอาการบาดเจ็บของผู้ป่วยอย่างขะมักเขม้น คาร์ลลอบสังเกตแจ็คเงียบๆและเริ่มคิด
‘ทักษะการรักษาของเขายอดเยี่ยมยิ่งนัก’
เคจนักบวชผู้ถูกคว่ำบาตรมีความสามารถในการรักษาเช่นกันแต่ออร่าที่เธอปล่อยออกมานั้นไม่สามารถเทียบได้กับออร่าที่แจ็คปล่อยออกมาในตอนนี้ได้เลย
มันเป็นเรื่องปกติที่ทุกๆคนจะหันไปมองแจ็คอย่างพร้อมเพรียง คาร์ลมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความพอใจ
‘เขาดูดีทีเดียว..มันดีพอที่จะให้จักรวรรดิเจอกับสิ่งนี้ในภายหลัง’
คาร์ลรู้สึกตื่นเต้นเมื่อคิดว่าพวกเขาจะสร้างความโกลาหลให้กับจักรวรรดิได้มากเพียงใดด้วยการทำสิ่งเดียวกับตอนนี้ในจักรวรรดิ ไม่แน่เขาอาจได้สวมชุดนักบวชสีขาวและหน้ากากสีขาวนี้อีกครั้ง
“อึ่กกกก!!”
ทหารที่เคยร้องคร่ำครวญเพราะใกล้ประตูความตายเข้าไปทุกที่เริ่มฟื้นสติเกือบสมบูรณ์ บาดแผลที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็เริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ แจ็คค่อยๆผละออกจากร่างของทหารผู้นี้
“ฟู่!!!”
แจ็คหย่อนร่างลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆและเริ่มหายใจเข้าออกช้าๆอย่างผ่อนคลายความเหนื่อย
คาร์ลกำหมัดขึ้นอย่างตื่นเต้นเมื่อมองเห็นสีข้างของผู้ป่วย บาดแผลขนาดใหญ่ที่เริ่มเน่าเปื่อยและเนื้อบางส่วนของร่างกายแหว่งหายไปกลับมาเป็นปกติดังเดิมโดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้
“โห!”
“ว้าว!”
กลุ่มคนจากอาณาจักรวิปเปอร์ไม่สามารถซ่อนความตกใจเอาไว้ได้และเริ่มพึมพำออกมาด้วยความชื่นชม คาร์ลขยับเท้าไปหาแจ็คเมื่อเห็นเขาหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆก่อนจะประคองร่างของแจ็คไปยังมุมสุดของกระโจมเพื่อให้เขาได้นั่งพักอย่างผ่อนคลาย
“ท่านนักบวช..เป็นอย่างไรบ้าง?”
แจ็คยิ้มตอบคำถามของคาร์ลก่อนจะยกมือขึ้นเพื่อเช็ดเหงื่อของตนออกจากใบหน้าแต่มือของเขาก็สั่นเทาจนควบคุมแทบไม่อยู่ เขาเริ่มพูดออกมา
“นายน้อยคาร์ล”
“มีอะไรหรือ?”
“ข้าคิดว่าตัวเองคิดถูกที่เลือกตามท่านมาที่นี่”
‘จู่ๆก็พูดเรื่องไร้สาระอะไรออกมา?’
คาร์ลไม่เข้าใจในสิ่งที่แจ็คพูดก่อนจะมองหน้าแจ็คทันที จากนั้นร่างของคาร์ลก็ชะงัก
แจ็คยิ้มอย่างสดใส ดูเหมือนเขาในตอนนี้จะมีความสุขมากกว่าที่เคยเป็น แจ็คเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยเสียงเบาราวกับกระซิบและแน่นอนว่ามีเพียงคาร์ลเท่านั้นที่ได้ยินมัน
“เมื่อครั้งที่ข้าอยู่ในวิหาร..ชีวิตของข้าเพียงวิ่งวนอยู่กับการรักษาบุคคลสำคัญๆของอาณาจักรเท่านั้นข้าไม่เคยได้เห็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้าอย่างแท้จริงมาก่อนแต่ตอนนี้….”
ดวงตาของแจ็คเปี่ยมไปด้วยพลังอีกครั้ง
“ในที่สุดข้าก็รู้ว่าตัวเองต้องการทำอะไรกันแน่?…นายน้อยคาร์ล..ข้าขอเล่าเรื่องตลกๆให้ท่านฟังสักเรื่องได้หรือไม่?”
“…เรื่องอะไรหรือ?”
แจ็คกำหมัดของตนแน่นขึ้นจนมือของเขาหยุดสั่นในทันที
“ความสามารถในการรักษาของข้า”
ในที่สุดแจ็คก็เข้าใจว่าพระประสงค์ของพระเจ้าที่แท้จริงเป็นเช่นไร
“นายน้อยคาร์ล..ความสามารถในการรักษาของข้าดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้น”
‘ว้าว’
คาร์ลประหลาดใจทันทีที่ได้ยินสิ่งที่แจ็คเอ่ยออกมา ความสามารถในการรักษาของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นแล้วมันแกร่งมากพอที่จะรักษาคนตายให้ฟื้นขึ้นได้หรือเปล่านะ?
‘อ่า..เขาเป็นนักบวชโดยสมบูรณ์แล้ว’
เขาเป็นนักบวชย่างแท้จริงแล้ว คาร์ลตบไปที่ไหล่ของแจ็คเบาๆ ดูเหมือนเขาจะมีความสุขมากที่สามารถใช้พลังของตนช่วยรักษาผู้อื่น คาร์ลให้กำลังใจแจ็คอีกครั้ง
“ข้าศรัทธาในตัวท่านยิ่งนัก…ท่านนักบวช”
แจ็คกำหมัดแน่นเมื่อได้รับคำชมจากคาร์ล การที่น้องสาวของเขายังคงมีชีวิตก็ต้องขอบคุณนายน้อยคาร์ลผู้นี้ เขามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อตอบแทนบุญคุณของคาร์ลเมื่อเขาเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามการที่คาร์ลเดินทางมาที่นี่กลับเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นอีกครั้ง
แจ็คเงยหน้าขึ้นมองคาร์ลซึ่งกำลังดูแลผู้ป่วยซึ่งอยู่ใกล้ๆกับเขา สายตาที่แจ็คใช้มองคาร์ลดูรุนแรงยิ่งกว่าเดิม
‘ข้าน่าจะมีชีวิตแบบนี้ตั้งแต่แรก’
แจ็ครู้สึกเสียใจแต่ก็เก็บมันไว้ในส่วนลึกเมื่อเขาลุกขึ้นยืนและเดินกลับไปรักษาผู้ป่วยอีกครั้ง
คาร์ลหันไปมองรอบๆกระโจมเมื่อเห็นว่าแจ็คกลับไปรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง สายตาของเขายังเป็นแบบเดียวกับที่ทำให้แจ็ครู้สึกเสียใจกับชีวิตในอดีตของตนแต่ในหัวของคาร์ลนั้นกลับมีเพียงสิ่งเดียวที่คิดในตอนนี้
‘ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้นอนกันทั้งคืนสินะ?’
มีกระโจมผู้ได้รับบาดเจ็บอีกสองหลังที่ตั้งอยู่ใกล้ๆเช่นกัน อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้มากมายแม้ว่าเขาจะเป็นคนพาสมาชิกของเขามาก็ตาม
เขาส่งยาให้เคจและแจ็คทันที มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาพอจะช่วยเหลือสองคนนี้ได้เพราะสองคนนี้คือผู้ที่จะเผชิญกับความทุกข์ทรมานมากที่สุดในค่ำคืนนี้
.
.
.
เช้าวันรุ่งขึ้น
สายตาของทหารจากอาณาจักรวิปเปอร์ต่างจ้องไปยังนักบวชที่คอยรักษาอาการบาดเจ็บของผู้ป่วยตลอดทั้งคืนด้วยความซาบซึ้ง ทหารที่ได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้นพากันมารวมตัวอยู่ข้างนอกเพื่อส่งกำลังใจให้กับพวกเขาและกำลังจะเคลื่อนย้ายไปพักฟื้นในกระโจมหลังอื่น ในขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสกลุ่มใหม่กำลังถูกย้ายเข้าไปในกระโจมหลังนี้แทน
และตอนนี้ผู้ป่วยรายอื่นๆกำลังร้องห่มร้องไห้เมื่อแสดงความขอบคุณต่อพวกเขา
“ขอบคุณ..ขอบคุณมาก..ขอบคุณท่านจริงๆ..ขอบคุณยิ่งนัก”
“ไม่เป็นไร…เราเพียงทำในสิ่งที่เราต้องทำเท่านั้น”
ทหารที่เคยต้องถูกตัดขาไปกำลังร้องไห้พลางจับมือของแจ็คไว้ด้วยความซาบซึ้งที่ทำให้เขาไม่ต้องสูญเสียขาข้างนี้ไป แจ็คดูเหมือนจะอารมณ์ดีเช่นกันเมื่อเขากุมมือทหารผู้นี้ไว้แน่น
ฉากเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาจนนับแทบไม่หวาดไม่ไหว
ทูนก้ามีโอกาสได้เห็นสิ่งนี้เป็นครั้งแรกในขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังกระโจมรักษาในเช้าวันนี้ เขาชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นสิ่งนี้ได้เต็มตา ส่วนฮาโรนก็ค่อยๆขยับไปยืนข้างๆเขาทันที
“ท่านผบ.ทูนก้า”
“อ่า..อืม”
ทูนก้ามองไปยังทหารซึ่งหายดีแล้วด้วยสีหน้าแปลกๆ เขาตระหนักได้ว่าบรรยากาศในหมู่ทหารสดใสขึ้นมากในเช้าวันนี้ มันเป็นสิ่งที่มีชีวิตชีวาซึ่งแตกต่างจากตอนที่พวกเขาได้รับชัยชนะจากการทำศึกเสียอีก
“อ้าว!..ท่านผบ.ทูนก้า..ยินดีต้อนรับ”
เสียงอันคุ้นเคยที่เอ่ยทักทายเขาเป็นน้ำเสียงที่แฝงไว้เหมือนคนไม่รู้จักกัน แน่นอนว่าเสียงนี้คือคาร์ล
ทูนก้าหันไปจ้องคาร์ลซึ่งวางท่าเป็นนักบวชผู้น่าเลื่อมใสเช่นเคย คาร์ลค่อยๆก้าวเข้าหาเขาก่อนจะหันไปมองรอบๆทันที สมาชิกในกลุ่มของคาร์ลที่เหลือยังคอยรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บจนเหงื่อท่วมอยู่ในกระโจมเช่นเดิมแต่นักรบและทหารอารักขาฝั่งอาณาจักรวิปเปอร์ถูกให้ออกไปจากกระโจมจนหมด
ทูนก้าสบตาเข้ากับคาร์ลซึ่งเดินมาถึงตัวเขาและเริ่มกระซิบให้เขาได้ยินเบาๆ
“คืนนี้..ข้าจะลงมือดับไฟแล้ว..เจ้าจงนำเอกสารทั้งหมดมาให้ข้าดูรายละเอียดก่อนแล้วกัน”
น้ำเสียงของคาร์ลเต็มไปด้วยความเย็นชาแต่ทูนก้ากลับเริ่มยิ้ม
“ตกลง!..ข้าเข้าใจแล้ว”
เมื่อคืนนี้เขายังไม่ได้นอนทั้งคืนเมื่อมาเห็นรอยยิ้มของทูนก้าเช่นนี้ก็ทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมา เขาหันหน้าหนีจากทูนก้าและเดินจากไปทันที
ถึงแม้คาร์ลจะไม่ได้นอนมาทั้งคืนก็ตามแต่ก็ต้องขอบคุณพละกำลังแห่งดวงใจที่ทำให้สภาพของเขายังคงเป็นปกติเช่นเดิม
“ขอบคุณเจ้ายิ่งนัก”
คาร์ลไม่สนใจเสียงของทูนก้าที่แว่วมาจากด้านหลังของเขาเช่นกัน
.
.
.
เวลากลางคืนย่างกรายมาถึงอย่างรวดเร็วและคืนนี้มันเป็นคืนเดือนดับ
คาร์ลยืนอยู่บนยอดปราสาทเมเปิ้ลก่อนจะชะโงกหน้าลงไปมองด้านล่าง
‘มันมืดมากจริงๆ..นอกจากแสงเปลวไฟที่ลุกท่วมเสาพวกนี้และแสงคบเพลิงที่ลอดมาจากฐานทัพแล้วล่ะก็..มันก็แทบมองไม่เห็นอะไรได้อีกเลย’
เปลวเพลิงดูจะสว่างชัดมากขึ้นเมื่อปราศจากแสงจากดวงจันทร์ คาร์ลนึกถึงสิ่งที่ฮาโรนแจ้งให้เขาทราบเมื่อนำเอกสารรายงานมาให้เขา
‘ไม่มีใครอยู่ในปราสาทเลยงั้นรึ?’
‘ใช่แล้ว!..ท่านคงทราบดีอยู่แล้วว่าข้ามีนักเวทย์สามคนอยู่ที่นี่ด้วย..ข้ากับลูกน้องที่ข้าไว้ใจบางส่วนเข้าไปในปราสาทหลังนี้เพื่อไปตรวจสอบให้แน่ใจก็ด้วยพลังเวทย์จากพวกเขาทั้งสาม’
นักเวทย์ทั้งสามมาจากอาณาจักรโรมัน อาณาจักรเบร็คและอาณาจักรแห่งป่า พวกเขาปลอมตัวเข้ามาเป็นข้ารับใช้ของทูนก้าและฮาโรนสำหรับการติดต่อผ่านอุปกรณ์เวทย์สื่อสารและใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
คาร์ลมองไปที่ฮาโรนเมื่อเห็นว่าเขาไม่ปัญหาในการทำงานร่วมกับนักเวทย์กลุ่มนี้ด้วยความประหลาดใจ ฮาโรนซึ่งรู้ในความคิดของคาร์ลจึงตอบกลับทันที
‘บางครั้งเราก็จำเป็นที่จะเสียสละในสิ่งเล็กๆน้อยๆเพื่อผลประโยชน์ที่ดีกว่า..เพื่อที่ข้าจะสามารถกำจัดพลังเวทย์ให้หมดไปในอนาคต..ข้าก็จำเป็นที่ต้องใช้ศัตรูเพื่อผลประโยชน์ของข้าเช่นกัน’
คาร์ลไม่ได้สนใจสายตาของจอมฉวยโอกาสแต่ก็ดูบ้าคลั่งในเวลาเดียวกัน เขาพุ่งความสนใจไปยังข้อมูลที่ฮาโรนมอบให้เขาเท่านั้น
‘นอกจากจะไม่มีใครอยู่ในนั้นแล้ว..ข้าวของที่มีประโยชน์ต่างๆหรือแม้แต่อุปกรณ์เวทย์ก็ไม่มีเช่นกันมันเป็นเพียงปราสาทร้างเท่านั้น’
‘นักเวทย์เป็นผู้ยืนยันว่าไม่มีอุปกรณ์เวทย์ใดๆอยู่ในนั้นงั้นหรือ?’
‘ใช่แล้ว..ไม่มีร่องรอยของพลังเวทย์ใดๆอยู่ในนั้นเลย’
นั่นหมายความว่าปราสาทเมเปิ้ลไม่มีอุปกรณ์เวทย์ที่ใช้กันทั่วไปในทวีปตะวันตก อาจเป็นได้ว่าพวกเขาได้มีการเคลื่อนย้ายสิ่งเหล่านี้ไปซ่อนที่อื่นหรือไม่ก็นำพวกมันไปซ่อนในจุดที่ลับที่สุดในปราสาทแห่งนี้
คาร์ลเริ่มพูดขึ้น
“ลงไปกันเถอะ!”
“ขอรับ..ท่านคาร์ล!”
“ตกลง!”
usaki26
ขอบคุณที่แปลให้อ่านนะคะ สนุกมาก ๆ ชอบที่สุดเลยค่ะ