Trash of the Count’s family - ตอนที่ 139.2
บทที่ 139 กลางดึก 1 (2)
“ไปกับข้า”
“มีใครไปกับเราอีกหรือเปล่า?”
“มีแค่เจ้ากับข้า..มีแค่เราสองคนเท่านั้น”
ปีกของราอนกระพือเร็วขึ้น มุมปากของมันก็กระตุกขึ้นเมื่อเอ่ยถามคาร์ล
“แค่เราสองคนงั้นหรือ?”
“ใช่”
“ตกลง!”
ราอนคว้าถ้วยไอศกรีมกลับมากินอีกครั้ง ไอศกรีมรสวานิลาเลอะเต็มปากของมันแต่มุมปากของมันก็ยังยกค้างไว้ในขณะที่ปีกก็กระพือบินไม่หยุด
คาร์ลจ้องไปที่ราอนด้วยสายตาว่างเปล่าเมื่อเริ่มคิดบางอย่างในใจ
‘เขาบอกให้ฉันจัดคณะเดินทางให้กลุ่มเล็กที่สุด..ดังนั้นฉันจะเอามังกรล่องหนตามฉันไปแล้วกัน’
คาร์ลคิดว่ามังกรหนึ่งตัวก็เพียงพอที่จะคุ้มกันเขาได้ มันคงไม่เข้าท่าเท่าไหร่หากจะนำคนจำนวนมากไปคุ้มกันเขาเมื่อต้องออกเดินทางไปพบกับตัวแทนทั้งสี่อาณาจักรเช่นนั้น
.
.
.
ตรงข้ามกับแผนที่คาร์ลคิดเอาไว้เมื่อมีอีกคนเสนอตัวติดตามไปด้วย
“ข้าจะไปด้วย”
“จะดีหรือท่านอูฮาเบ็น?”
มุมปากของคาร์ลที่กระตุกขึ้นเมื่อสักครู่ค่อยๆคลายลงเมื่อได้ยินว่ามังกรอีกตนขอตามเขาไปด้วย
“ใช่..มันดูน่าสนใจดีและข้าเองก็ไม่มีอะไรเหลือที่จะสอนเด็กน้อยอีกแล้ว”
สายตาของอูฮาเบ็นมองไปที่ราอนซึ่งกำลังเล่นน้ำพุกับลูกแมวทั้งสองตัว เขาพอใจในตัวราอนที่สามารถเรียนรู้บทเรียนทั้งหมดภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ทั้งๆที่ต้องใช้เวลาเรียนถึงสามเดือน
‘นี่เราคงได้ราชามังกรกลับคืนมาแล้วกระมัง’
ราชามังกรได้สูญหายไปตั้งแต่ครั้งอดีต แน่นอนว่าราอนอาจกลายเป็นราชามังกรกลับชาติมาเกิดก็เป็นได้ เขาอาจกลายเป็นราชามังกรผู้มีพลังล้นเหลือกว่ามังกรตนอื่นๆนั่นคือสาเหตุที่อูฮาเบ็นต้องการติดตามราอนไปทุกๆที่
มังกรวัยชราหันกลับมามองคาร์ล ใบหน้าของคาร์ลไม่ปรากฏทั้งรอยยิ้มหรือรอยบึ้งตึง ริมฝีปากของเขาบิดขึ้นจนดูผิดปกติ เมื่อเห็นท่าทางของคาร์ลเช่นนั้นทำให้อูฮาเบ็นเริ่มคิด
‘หรือว่าการที่ข้าตามไปด้วยจะเป็นเรื่องลำบาก?’
การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมของผู้นำของสี่อาณาจักรพันธมิตร เมื่อคาร์ล เฮนิตัสคือขุนนางของอาณาจักรเขาจึงค่อนข้างระวังตัวเป็นพิเศษเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าผู้นำเหล่านั้น แม้ว่าเขาจะเป็นมังกรที่หยิ่งเพียงใดก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ไม่เป็น เขาสามารถควบคุมสัญชาตญาณของเขาด้วยปัญญาและประสบการณ์เกือบหนึ่งพันปีของเขาได้
“คาร์ล เฮนิตัส”
“มีอะไรรึ?”
“ไม่ต้องกังวลไป”
“…ท่านว่าอะไรนะ?”
คาร์ลเงยหน้ามองอูฮาเบ็นที่แต้มรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้า อูฮาเบ็นชี้ไปที่ตัวเองและเริ่มพูด
“ข้าเป็นมังกรมีไหวพริบ..ข้าจะไม่วางตัวเป็นเหมือนตัวตนปกติของข้า..ข้าจะแสดงละครไปพร้อมกับเจ้า”
‘แสดงละครไปพร้อมกับใครนะ?’
นั่นคือสิ่งที่คาร์ลต้องการถาม อย่างไรก็ตามอูฮาเบ็นยังคงพูดต่อไปก่อนที่เขาจะมีโอกาสทำเช่นนั้น
“ข้าจะเป็นคนคุ้มกันเจ้าเอง..ดังนั้นช่วยทำตัวให้เหมือนว่าข้าเป็นองครักษ์ของเจ้าเถิด”
“ห๋า?”
‘มังกรตนนี้พูดอะไรของเขากันนะ?’
คำว่า‘องครักษ์’สะท้อนดังอยู่ในหัวของคาร์ล
แว๊บบบ!!!!
มีแสงสว่างปรากฏบนฝ่ามือของอูฮาเบ็น แสงนั้นค่อยๆเลือนหายไปจนกลายเป็นรูปร่างของดาบในที่สุด มันเป็นดาบที่มีลวดลายสวยงามและหรูหรา อูฮาเบ็นจับด้ามดาบก่อนจะจ้องมาที่คาร์ลด้วยสายตาที่ถามเป็นนัยๆว่า ‘เป็นไงล่ะ?…ข้าดูเหมือนองครักษ์ของเจ้าหรือเปล่า?’
ราอนเข้ามาหาพวกเขาในตอนนั้นทันที
“ทองคำ..เจ้ารู้วิธีใช้ดาบด้วยหรือ?”
“ข้ามีชีวิตอยู่บนโลกนี้มาเกือบพันปีแล้ว..ไม่มีอาวุธชนิดใดที่ข้าไม่สามารถใช้ได้..เด็กน้อยข้าเป็นนักดาบจริงๆ”
คาร์ลพยายามฝืนตัวเองอย่างหนักเพื่อไม่ให้เผลอยิ้มออกมาหลังจากได้ยินการสนทนาของมังกรทั้งสองตน อูฮาเฮ็นละสายตามามองคาร์ลก่อนจะเดาะลิ้นของตนเบาๆพลางเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องกังวลไป..ข้าจะติดตามเจ้าไปเหมือนองครักษ์ผู้หนึ่งเท่านั้น”
“..เอ่อ..ท่านอูฮาเบ็น..ข้าจะกล้าทำเหมือนท่านเป็นองครักษ์ของข้าได้อย่างไร?”
อูฮาเบ็นส่ายศีรษะน้อยๆเมื่อได้ยินประโยคที่เต็มไปด้วยความเกรงใจของคาร์ล
“ทำตามที่ข้าบอกนั่นล่ะ..เจ้าไม่คิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้มีโอกาสสวมบทบาทเป็นองครักษ์หรืออย่างไร?..ปฏิบัติต่อข้าเหมือนกับข้าเป็นองครักษ์ของเจ้าก็พอ”
“ถ้าท่านต้องการเช่นนั้น..ข้าก็จะตามใจท่าน”
คาร์ลเริ่มยิ้มออกมาช้าๆและเอ่ยขึ้นทันที
“เอาเป็นว่าข้าจะทำตามที่ท่านบอกและจะปฏิบัติต่อท่านเหมือนองครักษ์คนหนึ่งเท่านั้น”
อูฮาเบ็นไม่เคยเห็นรอยยิ้มสดใสของคาร์ลแบบนี้มาก่อน ก่อนที่ความรู้สึกแปลกๆจะเอ่อท่วมในใจของเขาซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ราอนตะโกนขึ้นมา
“เจ้ายิ้มแบบนั้นอีกแล้วนะ!”
‘หืม?..ยิ้มแบบนั้น?..หมายความว่าอย่างไร?’
อูฮาเบ็นอยากจะถามสิ่งนี้ออกไปแต่ราอนกลับหันหลังให้เขาและมุ่งตรงไปยังน้ำพุเสียก่อนดูเหมือนตัวราอนเองจะคาดหวังให้อูฮาเบ็นเดินทางไปกับพวกเขาเช่นกัน
อูฮาเบ็นรู้สึกแปลกๆแต่ก็จดจ่อกับสิ่งที่คาร์ลพูด
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะแจ้งต่อพวกเขาว่าท่านอูฮาเบ็นเป็นองครักษ์ประจำกายของข้า..ส่วนราอนจะติดตามเราไปโดยใช้เวทย์ล่องหน”
“ได้สิ”
คาร์ลเติมรอยยิ้มซุกซนหลังจากเห็นอูฮาเบ็นพยักหน้าตอบรับ เขาจะไปกลัวอะไรได้อีกเมื่อมังกรรับปากว่าจะคอยปกป้องเขาเช่นนี้
.
.
.
ณ ฐานทัพเรือบนชายฝั่งทะเลตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาเขตอัลบา มันถูกดำเนินการใกล้จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์เต็มทีแล้ว
“ถวายบังคมพะย่ะค่ะองค์ชายผู้เป็นดังดวงดาราแห่งอาณาจักรเรา..นี่ก็นานมาแล้วที่หม่อมฉันไม่ได้เข้าเฝ้าพระองค์เช่นนี้”
อัลเบิร์กผู้สวมชุดคลุมสีดำยื่นมือออกมาตรงหน้าคาร์ลก่อนจะแต้มรอยยิ้มเต็มใบหน้า
“โอ้!..นายน้อยคาร์ลผู้เป็นความหวังแห่งอาณาจักรเราหรือนี่?..ใช่แล้วล่ะมันนานมากจริงๆที่เราไม่ได้เจอกัน”
คาร์ลและอัลเบิร์กจับมือทักทายกันอย่างเป็นมิตรราวกับพวกเขามีฐานะในระดับเดียวกัน
เวลาต่อมาในช่วงกลางดึกกลุ่มของคาร์ลและอัลเบิร์กพร้อมกับหัวหน้าอาณาเขตอัลบาและลูกน้องคนสนิทของเธอจำนวนสองคนก็มารวมกันตรงหน้าเรือลำใหญ่ริมชายฝั่ง
หัวหน้าอาณาเขตอัลบาก้าวเข้าหาอัลเบิร์กเพื่อรายงานบางอย่าง
“หม่อมฉันได้ติดตั้งอุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารไว้ในเรือแล้วเพค่ะ”
พวกเขาวางแผนที่จะทำเหมือนออกเดินทางไปโดยเรือก่อนจะใช้อุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารไปยังจุดนัดพบ ราอนตะโกนเข้ามาในหัวของคาร์ลทันที
~ ข้ารู้ที่ตั้งในป่านั้นแล้ว!..เดี๋ยวข้าจะไปด้วยตัวเอง!~
คาร์ลไม่ได้สนใจสิ่งที่ราอนพูดและสบตาเข้ากับอัลเบิร์ก สายตาของอัลเบิร์กมองไปทางด้านหลังของคาร์ลและเอ่ยขึ้น
“ดูเหมือนเจ้าจะเอาองครักษ์ตามมาคนเดียวนี่..ข้าไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนเลย”
คาร์ลขยับไปวางมือหนักๆลงบนไหล่ขององครักษ์ประจำกาย อัลเบิร์กยังคงจ้ององครักษ์ผมสี บลอนด์ผู้มีหน้าตาหล่อเหลาและมีออร่าแปลกปรากฏออกมา
คาร์ลเอ่ยแนะนำองครักษ์ของตนทันที
“ใช่แล้วพะยะค่ะ..ฮาเบ็นเป็นองครักษ์คนใหม่ของหม่อมฉันเอง..เขาเป็นองครักษ์มากฝีมือและซื่อสัตย์ยิ่งนัก”
อูฮาเบ็นซึ่งตอนนี้ถูกเรียกว่าฮาเบ็นรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อได้ยินคาร์ลแนะนำตัวเขาออกไปแต่เขาก็ยังเล่นตามบทบาทที่เขาแจ้งต่อคาร์ลเอาไว้
“ถวายบังคมพะย่ะค่ะองค์ชาย..เป็นเกียรติของกระหม่อมยิ่งนักที่ได้เข้าเฝ้าพระองค์ในวันนี้”
อัลเบิร์กพิจารณาองครักษ์ประจำกายของคาร์ลเงียบๆ ดูเหมือนบุรุษผู้นี้จะเปล่งประกายความสง่างามและออร่าบางอย่างออกมาจนเข้ารู้สึกถึงมันได้ เขาเลิกสนใจกับสิ่งนี้และหันไปชมคาร์ลแทน
“ดูเหมือนเจ้าจะเก่งเรื่องการรับลูกน้องนะคาร์ล”
คาร์ลยกยิ้มอย่างสดใสและชี้ไปที่เรือ
“เชิญเสด็จเถอะพะย่ะค่ะ”