Trash of the Count’s family - ตอนที่ 139.1
บทที่ 139 กลางดึก 1 (1)
“ที่สีหน้าของหม่อมฉันเป็นเช่นนี้เพราะดีใจที่ได้พบพระองค์พะย่ะค่ะ”
คาร์ลทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาหน้าอุปกรณ์เวทย์สื่อสารเมื่อเอ่ยตอบอัลเบิร์ก
[“การที่เจ้าพูดไร้สาระแบบนี้ได้..เจ้าคงไม่เป็นไรจริงๆนั่นล่ะ”]
คาร์ลไม่ได้สนใจในสิ่งที่อัลเบิร์กพูดเขาเพียงมุ่งความสนใจไปยังสีหน้าและแววตาของอัลเบิร์กแทน
อัลเบิร์กดูอ่อนเพลีย แม้ว่าผมสีบลอนด์และตาสีฟ้าของเขายังคงดูสดใสเช่นเดิมแต่คาร์ลสามารถบอกได้ว่าตอนนี้อัลเบิร์กดูเหนื่อยยิ่งนัก
“องค์ชายดูเหนื่อยยิ่งนัก”
[“เจ้าอยากช่วยข้างั้นหรือ?”]
“หม่อมฉันจะช่วยส่งพระโอสถไปให้พะย่ะค่ะ”
อัลเบิร์กยกมือขึ้นมาตบที่หน้าผากเบาๆเมื่อได้ยินคำตอบจากคาร์ล
ตั้งแต่ปีที่แล้วความสมดุลทางอำนาจของอาณาจักรโรมันเปลี่ยนไปอย่างมาก อาณาเขตสแตนในปัจจุบันขึ้นตรงต่อองค์ชายรัชทายาทแทนที่องค์ชายสาม ในขณะที่อาณาเขตส่วนใหญ่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็ขึ้นตรงต่อองค์ชายอัลเบิร์กเช่นกัน
นอกจากนี้ฐานทัพเรือที่สร้างขึ้นในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้างก็เป็นโครงการส่วนพระองค์ของอัลเบิร์กเอง แน่นอนว่าตอนนี้ฐานอำนาจในมือของอัลเบิร์กมีมากจนน่าเกรงขาม
และในที่สุดพระราชาและขุนนางชั้นนำของอาณาจักรโรมันก็ทราบเรื่องที่อัลเบิร์กดำเนินการรวบรวมนักเวทย์จากอาณาจักรวิปเปอร์มาเข้าพวกกับเขา
‘ฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย’
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กเป็นแกนนำสำคัญในการรวบรวมสี่อาณาจักรสำคัญไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรโรมัน อาณาจักรเบร็ค อาณาจักรวิปเปอร์และอาณาจักรแห่งผืนป่า อัลเบิร์กรู้สึกว่าอาณาจักรโรมันค่อยๆตกอยู่ในกำมือของเขาแล้ว มันต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว
‘เราจำเป็นต้องรวมตัวกันให้แข็งแกร่งเข้าไว้เพื่อชัยชนะ’
อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องเป็นหนึ่งในการอยู่รอดจากสงครามและความวุ่นวายต่างๆ อัลเบิร์กกำลังดำเนินการทุกอย่างเพื่อไปยังจุดหมายที่คิดเอาไว้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขารู้สึกประหลาดใจ
สายตาของเขาจ้องไปที่ร่างของคาร์ล
‘ต้องของคุณเจ้าขยะผู้นี้’
เขาเคยได้ยินวิธีที่คาร์ลช่วยเหลือเทย์เลอร์เอาไว้ อามูร์ยังแจ้งให้เขารู้ว่าฐานทัพเรือสร้างขึ้นมาเพราะข้อเสนอแนะของคาร์ล แม้แต่อาณาจักรวิปเปอร์หรือแม้แต่การรวมตัวกันทั้งสี่อาณาจักรก็เกิดจากฝีมือของเจ้าขยะผู้นี้ อัลเบิร์กพูดสิ่งที่อยู่ในใจของตนออกมาทันที
[“เจ้าทำเรื่องบ้าๆพวกนี้ได้อย่างไรกัน?”]
“…มันอาจดูเหมือนหม่อมฉันไม่กระตือรือร้นเท่าที่ควรนัก…แต่หม่อมฉันกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆพะย่ะค่ะ”
คาร์ลรู้สึกผิดในใจที่ปล่อยให้อัลเบิร์กจัดการเรื่องต่างๆมากมาย แน่นอนว่าอัลเบิร์กไม่ได้เชื่อคาร์ล เขาเลือกพูดในสิ่งที่เขาต้องการจะพูดแทน
[“ท่านโรสลินยังไม่ได้กลับจากอาณาจักรเบ็รคงั้นหรือ?”]
“พะย่ะค่ะ…นางเดินทางไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อนและยังไม่กลับมา”
อัลเบิร์กพยักหน้าตอบรับและพูดต่อไป
[“การประชุมที่กำลังจะมาถึง..เจ้าต้องไปกับข้าด้วย”]
แม้ว่าอัลเบิร์กจะพูดเหมือนออกคำสั่งแต่เขาก็ยังให้ความสำคัญกับความเห็นคาร์ลเช่นกัน ก่อนที่คาร์ลจะเริ่มยิ้มออกมา
“นี่คงเป็นการเดินทางครั้งแรกสำหรับพระองค์และหม่อมฉัน”
[“เพราะแบบนี้ล่ะที่ทำให้ข้าไม่อยากไป”]
คาร์ลพยักหน้ารับเพราะเขาก็รู้สึกแบบเดียวกัน
แม้อัลเบิร์กจะไม่ค่อยชอบใจนักแต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคาร์ลนี่ล่ะที่จะเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้เขาขึ้นครองบัลลังก์ได้ง่ายขึ้น
[“ข้ามั่นใจว่าเจ้าคงเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”]
การประชุมในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นในดินแดนที่ลิทาน่ามอบให้คาร์ล ลิทาน่ารับปากเป็นเจ้าภาพในการจัดเตรียมสิ่งต่างๆในการประชุมครั้งนี้ ดังนั้นการเตรียมการที่อัลเบิรก์กำลังพูดถึงคงเกี่ยวกับเรื่องอื่น
“พระองค์สบายพระทัยได้เลยพะย่ะค่ะ…หม่อมฉันจัดเตรียมได้ทันการแน่นอน”
คาร์ลและอัลเบิร์กเริ่มฉีกยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่ดูคล้ายคลึงกัน อัลเบิร์กไม่ได้ซ่อนความคาดหวังเอาไว้เมื่อได้รับคำยืนยันจากคาร์ล
[“ข้าจะรอเพื่อได้เห็นมัน..ทุกคนจะต้องประหลาดใจ!..อย่างไรก็ตามการเดินทางในครั้งนี้ของเราเป็นความลับดังนั้นกลุ่มของเจ้าต้องมีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้”]
“พะย่ะค่ะ…แค่คิดว่าได้ร่วมเดินทางกับดวงดาราแห่งอาณาจักรและจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆจากพระองค์หม่อมฉันก็——”
คลิ๊ก!
อัลเบิร์กกดตัดสัญญาณทันทีเมื่อคาร์ลเริ่มพูดจาประจบอีกครั้ง คาร์ลคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและดีที่สุดหากอยากเลิกคุยกับอัลเบิร์ก
คาร์ลละสายตาออกจากอุปกรณ์เวทย์สื่อสารเพื่อหันไปมองก้อนกลมๆบนเตียงนอน เขาเดินไปที่เตียงนอนพลางตบไปที่ก้อนกลมๆนั้นเบาๆ
เสียงเศร้าๆดังมาจากใต้ผ้าห่ม
“อย่ามาชวนข้าคุยนะ”
‘แล้วฉันไปชวนนายคุยตั้งแต่เมื่อไหร่?’
คาร์ลบอกได้เลยว่าตอนนี้อารมณ์ของราอนไม่ดีมากๆ
มังกรต้องผ่านการเจริญเติบโตในระยะที่แตกต่างกันทั้งหมดสามระยะเพื่อจะได้เป็นมังกรวัยผู้ใหญ่เต็มตัว ระยะแรกของการเจริญเติบโตจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพแต่เป็นการเตรียมพื้นฐานในด้านต่างๆเพื่อรับมือกับการเจริญเติบโตในระยะที่สองและสามต่อไป
นั่นเป็นเหตุผลที่แม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพแต่ปริมาณของพลังเวทย์ที่มังกรสามารถสะสมและใช้ได้จะต้องเพิ่มขึ้น หลังจากระยะการเจริญเติบโตในช่วงที่สองไปพวกมันจะสามารถใช้ทักษะการพ่นไฟได้
เนื่องจากมังกรสามารถมีอายุได้มากถึง1,000ปี ทำให้ระยะการเจริญเติบโตของราอนยังต้องใช้เวลาอีกยาวนาน อย่างไรก็ตามระยะการเจริญโตอาจมีการก้าวข้ามได้หากมังกรมีอาการตกใจหรือมีความปรารถนาอันแรงกล้า
‘ราอนและอูฮาเบ็นตั้งเป้าไว้ว่าจะทำแบบนั้น’
อูฮาเบ็นสอนราอนทุกอย่างในสิ่งที่มันจำเป็นต้องรู้เพื่อนำมาใช้ในช่วงแรกของการเจริญเติบโต ราอนเองก็ต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
คาร์ลถอนหายใจพลางตบไปที่ผ้าห่มอีกครั้ง
“จะโตเร็วหรือโตช้าก็เป็นเรื่องธรรมดาเท่านั้น..เจ้ายอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่กว่าใครๆเพระฉะนั้นไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลยสักนิดที่จะรีบร้อนให้โตเร็วไปกว่านี้”
คาร์ลเห็นผ้าห่มกระตุกไปครั้งหนึ่งก่อนที่เสียงมังกรน้อยที่บอกเขาเมื่อกี้ว่าอย่าชวนคุยจะดังขึ้น
“….เป็นอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว..เจ้าอย่าลืมสิว่าเจ้ายอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่กว่าใครๆ”
คาร์ลเอ่ยอย่างประจบ เขาเสียเวลาคุยกับองค์ชายรัชทายาทตั้งนานแล้วยังต้องมาเสียเวลาในการปลอบใจเด็กห้าขวบอีก เขาคงไม่มีเรื่องให้ตกใจกับสิ่งที่จะทำในอนาคตข้างหน้าอีกแล้วกระมัง
ราอนไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีกและคาร์ลก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเช่นกัน เขาเพียงตบไปที่หลังของราอนเบาๆ
ในที่สุดราอนก็เริ่มพูดหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ มันเป็นน้ำเสียงแผ่วเบาจนคาร์ลต้องเอียงหูไปใกล้ๆมันเพื่อให้ได้ยิน
“..แล้ว..มันจะเป็นอย่างไรหากข้าต้องไปเจอกับมังกรนิสัยไม่ดีล่ะ?”
‘ทำไมจินตนาการของนายถึงน่ากลัวแบบนั้นนะ?’
คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วแม้ว่าจะรู้ว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะพบกับมังกรตนอื่น คาร์ลค่อยๆคลายคิ้วที่ผูกเป็นโบว์ออกก่อนถอนหายใจออกมา เขารู้แล้วว่าทำไมราอนถึงดูอารมณ์ไม่ดีเป็นเพราะราอนกังวลว่าจะได้สู้กับมังกรตัวอื่นนั่นเอง
คาร์ลเริ่มพูดอีกครั้ง
“ข้าคิดว่าเจ้าฉลาด”
ปีกของราอนขยับอยู่ใต้ผ้าห่ม
“ข้าฉลาด!….แต่ข้าไม่สามารถโตได้—”
เสียงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในช่วงแรกค่อยๆแผ่วลงจนคาร์ลต้องตัดบทมันทันที
“เจ้าก็แค่ต้องหนี”
“…อะไรนะ?”
“ถ้าเจ้าเจอมังกรนิสัยไม่ดี..เจ้าก็แค่ต้องหนีไปให้ไกล”
“แต่ว่ามัน—-!”
“การมีชีวิตรอดคือสิ่งที่ทำให้เจ้ายอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ที่สุด”
ราอนหยุดพูดในขณะที่คาร์ลพูดต่อไป
“เจ้ารอดออกจากถ้ำนั้นได้”
มังกรดำค่อยๆขยับอุ้งมือที่ปิดหน้าของตนออก ราอนกำลังคิดว่ามันเอาชีวิตรอดจากถ้ำที่มืดยิ่งกว่าผ้าห่มผืนนี้ได้อย่างไร
“รอดตาย…นั่นคือจุดแข็งที่แท้จริง”
ราอนได้ยินเสียงคาร์ลลอดผ่านผ้าห่มเข้ามา มันมองดูอุ้งมือและอุ้งเท้าของตนเองก่อนที่แววตาจะเปล่งประกายขึ้น อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่รู้สิ่งที่ราอนทำเมื่อยังคงตั้งหน้าตั้งตาพูดในสิ่งที่ตนคิดออกไป
“แล้วเจ้าก็สามารถกลับไปจัดการพวกเขาได้ในภายหลัง”
ร่างของราอนเริ่มสั่นน้อยๆภายใต้ผ่าห่มผืนใหญ่ อย่างไรก็ตามคาร์ลเบื่อที่จะปลอบใจมังกรตัวนี้ต่อจึงพยายามพูดให้จบโดยเร็วที่สุด
“หากเจ้ารอดชีวิตออกมาได้แล้ว..เจ้าก็สามารถกลับไปจัดการกับมังกรหรือศัตรูอื่นๆที่เคยทำกับเจ้าไว้..และนั่นจะทำให้เจ้าเป็นผู้ชนะ”
คาร์ลไม่มีอะไรจะพูดต่อจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงทันที เขาเอ่ยสำทับกับราอนที่เริ่มสงบใต้ผ้าห่มอีกครั้ง
“..ข้าจะบอกให้บารอคทำไอศกรีมให้กับเจ้า..ดังนั้นก็ออกมาซะ”
“…อย่ามาชวนข้าคุยนะ!”
คาร์ลรู้สึกว่าเสียงของราอนมีพลังมากขึ้นจึงเดินออกจากชั้นห้าโดยไม่อยู่รอผลแต่อย่างใด เขาตรงไปที่ห้องครัวซึ่งตั้งอยู่ชั้นหนึ่งและเอ่ยสั่งบารอคทันที
“เตรียมไอศกรีมกับผลไม้ให้ข้าที”
หลังจากนั้นคาร์ลจึงได้ทานผลไม้ที่บารอคเตรียมให้ ดูเหมือนช่วงนี้บารอคจะสนใจทำความสะอาดคฤหาสน์มากกว่าจะออกไปฝึกซ้อมเหมือนคนอื่นๆ แน่นอนว่าไอศกรีมก็วางอยู่ข้างๆคาร์ลเช่นกัน
แอ๊ดดดด!!!!
ประตูห้องครัวถูกเปิดออกช้าๆก่อนที่มังกรน้อยจะเดินเข้ามา ราอนมองไปที่คาร์ลก่อนจะบินขึ้นไปนั่งข้างๆคาร์ล
คาร์ลไม่ได้สนใจที่จะหันไปมองราอนแต่อย่างใดเขาเพียงแต่ทานผลไม้ที่อยู่ตรงหน้าของตนเท่านั้นเมื่อเห็นว่าคาร์ลไม่ได้มองตนราอนจึงเริ่มกินไอศกรีมช้าๆ
กรุบ! กรุบ! ซ่า!
เสียงเคี้ยวผลไม้ของคาร์ลดังผสานกับเสียงทานไอศกรีมของราอนและเสียงล้างจานของบารอค มันดังก้องไปทั่วห้องครัว อย่างไรก็ตามเสียงของวัตถุแหลมเล็กก็ดังแทรกขึ้นมาหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่
เคร้ง! กริ๊ก!
คาร์ลวางส้อมลงบนจานผลไม้ราวกับขว้างมันทิ้ง ราอนขยับดวงตาไปมาเพื่อหันมามองคาร์ลช้าๆเมื่อมันสบตาเข้ากับคาร์ลมันจึงสะดุ้งสุดตัว
คาร์ลมองราอนที่สะดุ้งขึ้นและกระพือปีกเบาๆจึงเริ่มพูด