Trash of the Count’s family - ตอนที่ 138.2
บทที่ 138 ด้วยกัน 6 (2)
กึก!กึก!กึก!กึก!
เสียงล้อของรถม้าบดไปกับถนนที่แสนขรุขระ มีเพียงรถม้าเพียงคันเดียวเท่านั้นที่กำลังมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแฮร์ริส
คลิ๊ก!ฟรืดดดด!
หน้าต่างฝั่งคนขับถูกเปิดออก รอนผู้ทำหน้าที่เป็นสารถีชะโงกหน้าเข้ามามองภายในรถม้า
“นายน้อยขอรับ..ดูเหมือน2-3มาวันนี้จะมีฝนตกหนักเลยทำให้ถนนขรุขระไปบ้าง..โปรดเข้าใจด้วยนะขอรับ”
“อืม..ข้าไม่เป็นไร..เบาะมันนิ่มดีทำให้ข้าไม่รู้สึกเท่าไหร่”
คาร์ลตอบกลับก่อนจะมองไปรอบๆ
อูฮาเบ็นนั่งไขว้ห้างพลางมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งเป็นที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับคาร์ล ส่วนทาช่าขอนั่งอยู่ด้านนอกกับรอน เธอให้เหตุผลว่าที่นั่งมันเล็กเกินไปและการที่มีมังกรถึงสองตนทำให้เธอหายใจไม่ค่อยสะดวก
สำหรับคนที่นั่งอยู่ถัดจากอูฮาเบ็นและคาร์ลนั้นดูวุ่นวายไปสักหน่อย
คนแรกคือนักดาบหญิงฮันนาห์ซึ่งสวมชุดคลุมสีขาวปิดปังรอยแผลเป็นเอาไว้ เธอเอนหลังพิงกับพนักเบาะในขณะที่มือก็กุมมือของแมรี่ไปด้วย ราอนและนักบวชแจ็คนั่งอยู่ตรงข้ามกับผู้หญิงทั้งสองคน
ราอนเอ่ยขึ้น
“เฮ้!..เจ้านักบวชน้อย..เจ้าเคยไปป่าแห่งความมืดหรือเปล่า?”
น้ำเสียงของราอนราวกับกษัตริย์ใช้ตรัสกับข้าราชบริพาร แจ็คตอบกลับด้วยความนอบน้อม
“ข้าไม่เคยไปเลยท่านมังกร..ข้าไม่เคยได้ก้าวออกจากเมืองหลวงของจักรวรรดิไปที่ไหนเลย..มีเพียงไม่นานมานี้ที่เราได้มีโอกาสหลบหนีออกมา”
“งั้นเหรอ!..ดี!.ถ้างั้นข้าจะพาเจ้าไปดูป่าแห่งความมืดให้เห็นกับตาเอง!…ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวชมรอบๆหมู่บ้านเช่นกัน!”
แมรี่ที่เงียบฟังมาสักพักเริ่มพูดขึ้น
“ข้าเองก็ไม่เคยได้เห็นโลกกว้างมาก่อน..จนกระทั่งท่านมังกรเป็นคนพาข้าไปดูสถานที่ต่างๆมากมาย..มันช่างน่าทึ่งยิ่งนัก”
แมรี่และแจ็คเป็นเพียงมนุษย์ไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลก พวกเขาทั้งคู่ไม่รู้เกี่ยวกับโลกใบนี้มากนักและดูเหมือนจะเข้ากับราอนได้ดี
คาร์ลลอบมองพวกเขาพูดคุยกันก่อนจะเดาะลิ้นตัวเองเบาๆ คาร์ลสบตาเข้ากับแจ็คก่อนที่เขาจะก้มศีรษะแสดงความเคารพต่อคาร์ล มือทั้งสองของแจ็คถูกพันด้วยผ้าพันแผลผืนใหญ่
คาร์ลได้แนะนำสมาชิกในกลุ่มของเขาให้พี่น้องฝาแฝดได้รู้จักเมื่อครั้งพากลับไปไปยังถ้ำมังกรทอง รวมทั้งมังกรทั้งสองตนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ในตอนนั้นแจ็ครู้สึกทึ่งและเต็มไปด้วยความชื่นชมในตัวคาร์ล
‘อย่างที่ข้าคาดเอาไว้..แสงสว่างมักจะปรากฏอยู่ในคนที่มีจิตใจอันสูงส่งเช่นท่าน’
บอกตามตรงว่าคาร์ลไม่ชอบคำชมของเขาแม้แต่น้อยแต่ฮันนาห์กลับเอ่ยสิ่งที่ทำให้คาร์ลรู้สึกดีขึ้น
‘เยี่ยมไปเลย!..เราต้องทำมันได้ดีแน่ๆ’
คาร์ลไม่จำเป็นต้องถามให้มากความเขาก็รู้ว่าสิ่งที่เธอพูดหมายถึงอะไร ฮันนาห์มีความสุขมากที่มีมังกรถึงสองตัวอยู่ข้างเดียวกับเธอ ฮันนาห์ตื่นเต้นที่จะได้แก้แค้นตามที่เธอต้องการ การตอบสนองแบบนี้คือสิ่งที่คาร์ลต้องการ
“เฮ้อ…”
คาร์ลได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาในตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองเผลอถอนหายใจออกไปแต่มันกลับไปไม่ใช่เสียงของเขา ผู้ที่ถอนหายใจคืออูฮาเบ็น สายตาของอูฮาเบ็นจ้องไปที่ราอนก่อนจะหันกลับไปมองทิวทัศน์นอกหน้าต่างแทน เขาเริ่มพึมพำออกมาเบาๆ
“ให้ตายเถอะ!..ข้าไม่เคยเห็นมังกรตนไหนอาสาเป็นผู้นำเที่ยวมาก่อน..ข้าคงแก่ไปแล้วจริงๆ”
ดูเหมือนช่วงนี้อูฮาเบ็นจะพูดบ่อยกว่าแต่ก่อนและคาร์ลก็เริ่มชินกับมันบ้างแล้ว เขาค่อยๆเอนหลังพิงกับพนักเบาะ เขาวางแผนที่จะพักผ่อนอย่างสบายอารมณ์จนกว่าจะเดินทางถึงคฤหาสน์ใต้ดินในป่าแห่งความมืด
ไนไม่ช้าพวกเขาก็เดินทางมาถึงคฤหาสน์ใต้ดินพร้อมกับสมาชิกใหม่ กลุ่มคนที่พักอยู่ในบ้านต่างออกมาต้อนรับพวกเขากันอย่างเนืองแน่นแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นสายตาที่พวกเขาจ้องไปที่แจ็คกับฮันนาห์ดูไม่เป็นมิตรเท่าที่ควร
คาร์ลเริ่มสังเกตท่าทางของสมาชิกในกลุ่มทันที
“โอ้!..ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ของเรา”
ฮันส์ผู้ไม่รู้เรื่องราวใดๆเอ่ยทักทายอย่างยินดี ในขณะที่เด็กๆหันไปมองบารอคและรอนเพื่อขอคำแนะนำผ่านสายตาก่อนที่บารอคจะเอ่ยขึ้น
“ดูเหมือนเราจะต้องเตรียมอาหารเพิ่มอีกสองสำรับแล้วล่ะ”
เมื่อเห็นว่าบารอคไม่ได้ว่าอะไร เด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินจึงเริ่มผ่อนคลายขึ้น จากนั้นคาร์ลก็หันไปมองเชวฮันและโรสลิน
เชวฮันหันหน้าไปมองทางอื่นส่วนโรสลินเริ่มยิ้มทันทีที่สบตาเข้ากับคาร์ล
โรสลินและฮันนาห์เคยพบกันมาก่อนเมื่อครั้งที่ต่อสู้กันในมหาสมุทร คาร์ลยังจำบทสนทนาของคนทั้งคู่ได้ดี
‘ว้าว….อุ้ย!…พี่สาว…ท่านเก่งมากเลย!….แข็งแกร่งยิ่งนัก’
‘ใช่มั้ยล่ะ?….ข้าเป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งมาก’
‘…พี่สาว….พวกเจ้ามีนักเวทย์อีกคนงั้นรึ?’
‘เมื่อกี้..พวกข้าไม่ได้บอกเจ้าหรือ…ว่าพวกเราคือองค์กรลับน่ะ?’
คาร์ลนึกถึงภาพของออร่าสีทองและพลังเวทย์สีทองที่ถูกเติมเต็มไปทั่วบริเวณก่อนจะส่งยิ้มฝืนๆไปให้โรสลิน
ทันใดนั้นฮันนาห์ก็ดึงฮู้ดสีขาวของตนลง
“ห๊ะ?!”
“โอ๊ะ!?”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นคล้ายใยแมงมุมสีดำถูกเปิดเผยต่อหน้าทุกคน สมาชิกในกลุ่มบางคนไม่สามารถเก็บอาการไว้ได้จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ ฮันนาห์มองไปที่พวกเขาก่อนจะก้มศีรษะลง
“ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ”
มีมือยื่นมาตรงหน้าของเธอ ฮันนาห์เงยหน้าขึ้นเพื่อมองมือของโรสลินที่เอื้อมออกมาหา ฮันนาห์ยื่นมือออกไปก่อนชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงตรงหน้าของเธออาจรังเกียจได้
อย่าไงก็ตามมือข้างนั้นกลับดึงมือเธอเข้าไปจับพลางเขย่าเบาๆ
“ยินดีต้อนรับ”
โรสลินและคาร์ลสบตาเข้าหากัน คาร์ลพยักหน้าให้โรสลินเบาๆเมื่อเห็นว่าเธอคือคนที่เข้าใจเขาได้ดีที่สุด
คาร์ลก้าวออกไปข้างหน้าและเริ่มพูดกับทุกคน
“ไปพักผ่อนกันได้แล้ว”
เขาเหนื่อยและอยากจะนอนเต็มทีแล้ว
.
.
.
ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา
เวลานี้เป็นช่วงกลางของฤดูร้อนและอุณหภูมิของมันร้อนจัดจนแทบทนไม่ไหว คาร์ลจึงตัดสินใจเอนตัวลงนอนบนพื้นหินอ่อนแทนเตียงนุ่ม
‘หินอ่อนเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเมื่ออากาศมันร้อนแบบนี้’
เขาขยับพรมบนชั้นห้าออกเพื่อเอนกายลงนอนบนพื้นหินอ่อนที่เย็นสบาย ตอนนี้เขารู้สึกผ่อนคลายยิ่งนัก
ย๊ากกกกกกก!!!!!
ย๊ากกกกกกกกกกกกกกก!
เสียงตะโกนด้วยความกระตือรือร้นดังเข้ามาเป็นระยะๆ พวกเขายังคงฝึกซ้อมการต่อสู้กันอย่างแข็งขันเช่นเดิม แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคาร์ลแต่อย่างใด
กรุบ!กรุบ!กรุบ!
เขากำลังกินองุ่นทีละเม็ดๆและเริ่มพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“นี่ก็ได้เวลาแล้วสินะ..ที่เขาจะติดต่อฉันมา”
ในขณะนั้นความหนาวเย็นที่ไม่ได้แผ่ออกมาจากพื้นหินอ่อนก็ลามไปถึงคอของเขา คาร์ลหันกลับไปมองโต๊ะทำงานของเขาทันที
อุปกรณ์เวทย์สื่อสารกำลังส่องแสงสีแดง
‘เป็นองค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กนั่นเอง’
สีแดงที่กำลังส่องออกมาเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าองค์ชายอัลเบิร์กติดต่อเข้ามาหาเขา
“เฮ้อ…”
คาร์ลยกร่างตัวเองขึ้นจากพื้น เขากำลังรอการติดต่อจากองค์ชายอยู่พอดี
เขาไม่คิดที่จะลงมือทำอะไรเลยเพื่อรวบรวมพลังงานให้ได้มากที่สุดเพื่อการนี้ ถึงเวลาที่เขาจะได้นำพลังงานเหล่านี้ไปใช้เสียที
คาร์ลมุ่งหน้าไปยังประตูเพื่อไปตามหาโรสลินหรือไม่ก็ราอนเพื่อตอบรับสัญญาณนี้ให้เขา
อย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องถ่อสังขารไปไกลมาก
เอี๊ยดดดดดดด!!!!!
ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับส่งเสียงเบาๆออกมา
“รา—–”
“อย่าเพิ่งพูดกับข้า!”
‘หืม?’
คาร์ลชะงักไปทันที
ไหล่ของราอนคู้ตัวลง ปีกที่มันขยับบินก็ดูเหมือนจะไม่มีแรง ดวงตาของมันก็หลุบต่ำลง แทนที่จะบอกว่าราอนกำลังบินต้องบอกว่ามันลากเท้าลอยเข้ามาในห้องราวกับไม่มีวิญญาณอยู่กับร่าง
‘เป็นอะไรไปนะ?’
คาร์ลไม่เคยเห็นราอนเป็นแบบนี้มาก่อน ตอนนั้นเองที่มีคนตามเข้ามาในห้อง อืม..ไม่ใช่คนแต่เป็นมังกรต่างหาก
“ท่านอูฮาเบ็น”
อูฮาเบ็นมองตามหลังราอนไปก่อนจะหันกลับมามองคาร์ลและเอ่ยขึ้น
“อะแฮ่ม..เอ่อ..ข้าไม่ควรพูดอะไรแต่ว่า..ข้าก็เป็นคนสอนเขา”
“ท่านว่าอะไรนะ?”
“เขาค่อนข้างฉลาด..เขาสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆที่ต้องใช้เวลาเรียนถึงสามเดือนภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนเท่านั้น”
‘ทำไมจู่ๆเขาถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา?’
คาร์ลไม่เข้าใจความคิดของอูฮาเบ็นและท่าทางเศร้าๆของราอนในตอนนี้ อูฮาเบ็นยังคงพูดต่อไปราวกับไม่เห็นสีหน้าอันสับสนของคาร์ล
อูฮาเบ็นดูเหมือนจะไม่เข้าใจในบางอย่าง
“แต่เขาไม่โตขึ้นเลย”
“อะไรนะ?”
‘ตอนนี้เขาพูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย?’
อูฮาเบ็นยังคงพึมพำราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
“เขายังไม่เข้าสู่ระยะการเติบโตขั้นแรกของเขา”
‘หืม?’
“มันควรจะเป็นแบบนั้นได้…แต่ข้าก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?…ทั้งๆที่เขาต้องการสร้างร่างกายของเขาให้เติบโตโดยเร็วที่สุดแท้ๆ”
ในที่สุดคาร์ลก็เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาหันไปมองราอนก่อนที่พวกเขาสบตากัน
“….มนุษย์..อย่างเพิ่งพูดกับข้า”
ราอนค่อยๆคลานเข้าไปใต้ผ้าห่ม
“…แต่ถึงอย่างไรข้าก็ยังเป็นมังกรที่เยี่ยมที่สุดเพราะข้ายังต้องทำสิ่งที่ข้าต้องทำอยู่”
จากนั้นมันก็เชื่อมสัญญาณเพื่อตอบรับสัญญาณติดต่อจากองค์ชายรัชทายาททันที
คาร์ลมองเห็นสัญญาณสีฟ้าจากการใช้พลังเวทย์ของราอนบนอุปกรณ์เวทย์สื่อสาร เขาละสายตาไปมองบนเตียงครู่หนึ่ง
ร่างของราอนขมวดเป็นก้อนภายใต้ผ้าห่มกลางเตียงนอน
อูฮาเบ็นถอนหายใจยาวก่อนเดินออกจากห้องไป คาร์ลมองใบหน้าของอัลเบิร์กที่ส่องผ่านอุปกรณ์เวทย์ที่ตั้งอยู่มุมห้องออกมา
อัลเบิร์กเอ่ยทักคาร์ลทันทีที่เห็นใบหน้าของคาร์ลถนัด
[“ทำไมสีหน้าเจ้าเป็นแบบนั้นล่ะ?..หรือว่าอากาศร้อนไป?”]