Trash of the Count’s family - ตอนที่ 136.2
บทที่ 136 ด้วยกัน 4 (2)
เขาสามารถควบคุมสัญชาตญาณของตัวเองได้ เขามั่นใจว่าตนทำได้
นักบวชส่งยิ้มจางๆให้กับคาร์ลและมันคือรอยยิ้มแรกในวันนี้
“จงสู้กับมัน”
คาร์ลตอบสั้นๆก่อนจะออกคำสั่งกับทาช่าและแมรี่ทันที
“ลงมือได้!”
“ได้!”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
พวกเธอทั้งสองมุ่งหน้าไปหาฮันนาห์ทันที คาร์ลเองก็เดินไปที่เตียงและหย่อนร่างของตนลงข้างกายฮันนาห์ เธอยังคงจ้องเขม็งมาที่คาร์ลก่อนที่เขาจะก้มลงกระซิบเบาๆข้างหูของเธอ
“ฮันนาห์”
แมรี่บอกเอาไว้ว่าพอจะมีทางรักษาจากการที่เธอเป็นนักดาบ
‘ไม่มีทางเป็นไปได้หากจะกำจัดมันออกไปจนหมดแต่ออร่าที่นางมีจะสามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพลังเวทย์แห่งความตายได้..อย่างไรก็ตามเมื่อทั้งออร่าและพลังเวทย์แห่งความตายหลอมหลวมเข้าด้วยกันจะทำให้นางมีคุณลักษณะของความมืดและจะต้องรักษาสมดุลทั้งสองอย่างให้ต่อเนื่อง..มิเช่นนั้นอาจเกิดผลข้างเคียงได้’
‘แต่นางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้’
‘และข้าจะเป็นคนหลอมรวมทั้งสองเข้าด้วยกัน’
คาร์ลพูดกับฮันนาห์ต่อทันที
“ดึงออร่าของเจ้าให้ถึงระดับสูงสุด..จะมีพลังบางอย่างที่ช่วยเจ้าหลอมพลังเวทย์แห่งความตายด้วยออร่าของเจ้า..จงปล่อยออร่าของเจ้าตามพลังที่ถูกสร้างขึ้น”
“อึ่ก..ฮื้มมม”
ฮันนาห์อ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เลือดและควันดำก็กระอักออกมาจากปากของเธอแทน คาร์ลมองเธอนิ่งก่อนจะเอ่ยสำทับ
“อย่าหักโหมเกินไป..จงมั่นใจว่าออร่าที่เจ้าปล่อยออกมาจะไม่เป็นอันตรายต่อตัวเจ้า”
ตอนนั้นเองที่ฮันนาห์หลับตาลงและปล่อยออร่าสีทองออกมาจากร่างของเธอ
แมรี่ดึงแขนเสื้อขึ้นเพื่อเผยให้เห็นมือที่ถูกปกคลุมด้วยใยแมงมุมสีดำ ออร่าสีดำเริ่มลอยออกจากมือของเธอเรื่อยๆ
ทาช่าประคองร่างของฮันนาห์ขึ้นมาและทรุดตัวลงนั่งข้างๆเธอ ในขณะที่แมรี่วางมือทั้งสองข้างไว้ที่หลังของฮันนาห์และเอ่ยสั่งฮันนาห์เบาๆ
“ปล่อยออร่าของเจ้าไปตามพลังที่ข้าสร้างขึ้น”
ในเวลาเดียวกันทาช่าก็สร้างหมอกทึบสีดำล้อมรอบตัวฮันนาห์และแมรี่เอาไว้
คาร์ลขยับถอยลงมาจากเตียงเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรที่เขาช่วยได้อีก รอนและบินก้าวออกไปจากห้องพร้อมกับนักรบระดับสูงทันทีที่เห็นแมรี่ดึงแขนเสื้อขึ้น
คาร์ลหันไปมองมุมหนึ่งของห้อง
นักบวชตัวสั่นเทาเมื่อมองไปที่พวกเธอทั้งสามคน อูฮาเบ็นยืนกอดอกอยู่ข้างๆนักบวช
~มนุษย์!..ข้ากับเจ้ามังกรทองกำลังจับตาดูเจ้านักบวชอยู่!~
อูฮาเบ็นและราอนไม่ได้ลงมือทำสิ่งใดในตอนนี้เพราะพวกเขาไม่มีคุณลักษณะแห่งความมืด แน่นอนว่าคาร์ลก็จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับพวกเขาเช่นกัน เขาเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างๆร่างอันสั่นเทาของนักบวช ทันที เท่ากับว่าในตอนนี้ทั้งคาร์ลและอูฮาเบ็นต่างพากันยืนประกบข้างซ้ายขวานักบวชผู้นี้อยู่
คาร์ลได้ยินเสียงอูฮาเบ็นพูดขึ้น
“ข้าไม่ได้เห็นหมอผีที่ดูมีฝีมือเช่นนี้มานานมากแล้ว”
ทั่วทั้งห้องปกคลุมไปด้วยออร่าสีดำ คาร์ลไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนักเพราะออร่าสีดำเหล่านี้ไม่มีพิษเหมือนกับพลังเวทย์ที่ตายไปแล้ว อย่างไรก็ตามสิ่งนี้กับใช้ไม่ได้กับคนผู้หนึ่ง
“ฮึก!..แฮ่กกกก!!!”
นักบวชกำลังหอบหายใจอย่างรุนแรง นี่คงเป็นเรื่องยากสำหรับนักบวชจากวิหารพระเจ้าแสงตะวัน คาร์ลหันไปมองนักบวชอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มพูดกับอูฮาเบ็น
“นางเป็นหมอผีคนแรกในรอบหลายร้อยปี..ตั้งแต่หมอผีคนสุดท้ายได้จบชีวิตลง”
“อืม..นางน่าทึ่งยิ่งนัก..นางจะต้องเจ็บปวดมากแน่ๆจากการหลอมพลังเวทย์แห่งความตายให้กับผู้อื่น”
คาร์ลมองเห็นร่างนักบวชชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่อูฮาเบ็นพูด เมื่อครั้งที่พวกเขาเดินทางกลางป่าเพื่อเดินทางมาที่นี่ทาช่าแอบมาคุยบางอย่างกับเขา
‘แมรี่จะรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมากระหว่างที่หลอมพลังทั้งสองเข้าด้วยกัน…มันจะยิ่งเลวร้ายกับนางไปกันใหญ่หากนักบวชผู้นั้นไม่ยอมรามือจากนาง..แต่นางก็ยังยืนกรานที่จะช่วยหญิงศักดิ์สิทธิ์ผู้นั่น’
‘ข้ามั่นใจว่าท่านต้องรู้จักเนื้อแท้ของนางว่าเป็นคนดีเพียงใด…นายน้อยคาร์ล’
คาร์ลเริ่มพูดบางอย่างขึ้นมา
“หมอผีผู้นี้ชื่อแมรี่..เมื่อครั้งที่นางยังเด็ก..นางและครอบครัวผู้น่าสงสารพากันฝ่าเข้าไปในดินแดนแห่งความตายจนถูกพลังเวทย์ที่ตายไปแล้วเล่นงานเข้า..คนในครอบครัวของนางพากันจบชีวิตจนหมด..มีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้”
นักบวชหันมามองคาร์ลช้าๆ
“อย่างไรก็ตามหากโดนพิษแล้วทางเดียวที่จะเอาชีวิตรอดมาได้คือการดูดซับความมืดเหล่านั้นไว้กับตัว..นั่นคือสาเหตุที่นางกลายมาเป็นหมอผีในที่สุด…นางมาที่นี่เพื่อช่วยฮันนาห์”
คำพูดของคาร์ลเหมือนฟ้าผ่าในใจของนักบวช ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงในชุดคลุมสีดำตะโกนลั่นออกมา
“อดทนไว้!..ดันพลังเวทย์แห่งความตายทั้งหมดเข้ามาในตัวข้า!”
มือที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นสีดำสั่นเทาจนสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เธอหันไปพูดอะไรบางอย่างกับดาร์กเอลฟ์ที่คอยสร้างหมอกทึบสีดำให้กับเธอ
นักบวชไม่สามารถละสายตาจากพวกเธอได้เลย
คาร์ลเริ่มพูดกับนักบวชอีกครั้ง
“ท่านนักบวช…ฮันนาห์จะมีคุณลักษณะแห่งความมืดถ้านางยังมีชีวิตอยู่ต่อไป”
คาร์ลเงียบเสียงลงและพูดอะไรต่อจากนั้น ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของฮันนาห์ เสียงตะโกนดังลั่นของแมรี่และเสียงอันร้อนรนของทาช่า อย่างไรก็ตามเสียงอันแผ่วเบาจากคนข้างๆก็ลอดเข้ามาในหูของคาร์ลได้อยู่ดี
“นายน้อยคาร์ล”
เป็นเสียงของนักบวชที่เอ่ยเรียกเขา
“ขอบคุณท่านยิ่งนัก..ขอบคุณมาก”
คาร์ลหันไปมองนักบวชที่พยายามฝืนยิ้มส่งมาให้เขา
“ข้าสามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งใดคือความตั้งใจดีและไม่ดี”
ในขณะนั้นอูฮาเบ็นก็พูดแทรกเข้ามา
“นั่นคือความหมายของการเป็นนักบวชที่ดี”
คำพูดของอูฮาเบ็นกระทบหัวใจนักบวชยิ่งนัก เขาหลับตาลงและประสานมือของตนไว้แน่น มันแน่นมากจนเล็บของเขาจิกไปกับผิวหนังและทำให้เลือดค่อยๆไหลซึมออกมาแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่ยอมปล่อยมือออกแต่อย่างใด
ตอนนี้เขาได้เรียนรู้แล้วว่ามีสิ่งที่สำคัญกว่ากฎอันศักดิ์สิทธิ์ตามที่วิหารพระเจ้าแสงตะวันคอยพร่ำสอน ก่อนที่เขาจะสัมผัสได้ถึงไอเย็นที่โอบรอบมือเขาไว้ นักบวชปล่อยมือของตนออกเพื่อก้มมองยาที่ไหลซึมเข้าไปในแผลของเขา
“เป็นเรื่องดีที่เจ้าจะต่อต้านสัญชาตญาณของเจ้า..แต่เจ้าก็ไม่ควรได้รับบาดเจ็บจากการทำสิ่งนั้นเช่นกัน”
คาร์ลกำลังเทยาลงบนมือของนักบวช
นักบวชพยายามระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านขึ้นใจก่อนพยักหน้าตอบรับเบาๆ
“ความดีไม่ได้อยู่ไกลอย่างที่ข้าคิดไว้เลย”
มันอยู่ใกล้ตัวเขายิ่งนัก
นักบวชเข้าใจความหมายอันแท้จริงกับสิ่งที่เขาสงสัยมาตลอดชีวิต นั่นทำให้เขาเริ่มผ่อนคลายมากขึ้น
เมื่อเห็นท่าทางของนักบวชดูดีขึ้น คาร์ลจึงหันกลับไปมองฮันนาห์และแมรี่แทน ทันใดนั้นเสียงของราอนก็ดังเข้ามาในหัวของเขา
~มนุษย์!..ข้าขอโทษ~
‘นายเป็นบ้าอะไรของนายอีกล่ะ?’
คาร์ลขมวดคิ้วเล็กน้อย
~เจ้ามีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อตอนที่เจ้าบอกว่าจะช่วยรักษานาง!..ตอนนั้นข้าคิดว่าเจ้าจะโกหกเสียอีก!..มนุษย์!..เจ้าเป็นคนดีจริงๆ..ถึงบางครั้งเจ้าจะแปลกไปบ้างแต่เนื้อแท้ของเจ้ากลับเป็นคนดีจริงๆ~
คาร์ลไม่สนใจสิ่งที่ราอนพูด
~ข้าผิดไปแล้ว!..แต่ว่ามนุษย์?..อาการของนักดาบหญิงผู้นี่จะดีขึ้นจริงๆใช่มั้ย?~
‘แน่นอน’
ฮันนาห์จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
หญิงพรหมจาริณีผู้ศักดิ์สิทธิ์ถูกพิษแห่งความตายจากระเบิดพลังเวทย์ เธอสามารถมีชีวิตรอดต่อไปโดยการเอาชนะความมืดและใช้ออร่าสีทองของเธอหลอมรวมเข้าไว้ด้วยกัน เมื่อรวมกับนักบวชผู้มีพลังในการรักษา ทั้งสองคนจะกลายเป็นผู้เติมเต็มหัวใจของเหล่าผู้ศรัทธาในพลังของพระเจ้าแห่งแสงตะวัน
นักบวชและหญิงพรหมจาริณีผู้ศักดิ์สิทธิ์จะกลายเป็นเรื่องจริงและมันจะสั่นสะเทือนไปทั่วจักรวรรดิอย่างแน่นอน
คาร์ลได้ยินเสียงของแมรี่ดังขึ้นอีกครั้ง
“ใช่!..แบบนั้นล่ะ!..ใช้ออร่าของเจ้าสร้างเส้นทางให้กับพลังความมืด”
“เก็บมันเข้าไป!..เจ้าทำมันได้!”
ทาช่าเอ่ยสนับสนุนฮันนาห์จากด้านข้าง
คาร์ลนึกถึงสิ่งที่เขาสัญญาไว้กับฮันนาห์เมื่อครั้งที่อยู่ในถ้ำตรงบริเวณเส้นทางที่ไร้ทางออก
ไม่คำนึงว่าเธอมีส่วนร่วมกับพวกอาร์มหรืออยู่ในฐานะหญิงพรหมจาริณีผู้ศักดิ์สิทธิ์และความจริงที่ว่าเธอถูกไล่ล่าโดยจักรวรรดิ คาร์ลได้บอกสิ่งนี้ให้กับเธอได้มั่นใจ
‘แล้วข้าจะพาเจ้าไปหาคนที่สามารถช่วยเจ้าได้..ดังนั้นจงรอข้าก่อน’
คาร์ลเป็นคนที่รักษาคำพูดของตนเสมอเพราะเขาพาคนที่ช่วยเธอได้มาหาถึงที่