Trash of the Count’s family - ตอนที่ 134-2
บทที่ 134 ด้วยกัน 2 (2)
คาร์ลจ้องไปยังใบหน้าอันหมองคล้ำและท่าทางที่อยู่ไม่สุขของเขาก่อนจะเอ่ยขึ้น
“เจ้าหาตัวคนทรยศได้แล้วรึ?”
ทูนก้าสะดุ้งและเริ่มขมวดคิ้ว
[“…ใช่”]
“จากปฏิกิริยาของเจ้า..หากให้ข้าเดาคงเป็นหนึ่งในลูกน้องคนสนิทของเจ้าสินะ?”
[“…ใช่”]
คาร์ลเริ่มนึกถึงลูกน้องคนสนิทของทูนก้าทันที เขามีลูกน้องหญิงชื่อปิเลียร์ซึ่งเป็นมือซ้ายคอยจัดการเรื่องต่างๆให้กับทูนก้า เธอมีความสามารถในการวางแผนการทำศึกและเชี่ยวชาญในการใช้หอกเป็นอาวุธ ส่วนอีกคนคือโฮต้า เขาเป็นมือขวาและได้รับความไว้ใจจากทูนก้าเป็นอย่างมาก บุคลิกของโฮต้าคล้ายคลึงกับทูนก้ายิ่งนักเพราเขาจะจดจ่อกับความแข็งแกร่งทางร่างกายของตนเท่านั้น
[“…ข้าไม่คิดมาก่อนว่าโฮต้าจะเป็นคนแบบนี้!”]
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดลอดผ่านริมฝีปากของทูนก้าออกมา
[“ทำไมเขาถึงร่วมมือกับจักรวรรดิด้วย!..ข้าไม่รู้มาก่อนว่าเขาต้องการตำแหน่งของข้า!”]
มือของทูนก้าสั่นด้วยความโกรธเมื่อนึกถึงคนทรยศเช่นโฮต้าจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาว่างเปล่าเหลือเกิน
ทูนก้าต้องการระบายความรู้สึกของเขาให้กับใครสักคนได้รับฟังแต่ไม่รู้จะไประบายให้ใครฟังดีจนกระทั่งนึกถึงคาร์ลขึ้นมา หัวหน้าฮาโรนเป็นคนอาสาหาตัวหนอนบ่อนไส้เมื่อทูนก้านำเรื่องนี้ไปปรึกษา เขาไม่รู้ว่าฮาโรนใช้วิธีใดแต่พวกเขาเจออุปกรณ์เวทย์ในสัมภาระของโฮต้าและแม้ว่ามันจะไม่ใช่อุปกรณ์เวทย์สื่อสารแบบเคลื่อนไหวแต่ก็ยังเป็นอุปกรณ์เวทย์ที่มีลักษณะการทำงานแบบเดียวกัน
ทูนก้าเล่ารายละเอียดที่เกิดขึ้นให้กับคาร์ลฟัง ในขณะที่คาร์ลก็เดาะลิ้นของตนเบาๆเมื่อตั้งใจฟังในสิ่งที่ทูนก้าเล่า
‘ถ้าให้เดาจักรวรรดิคงไม่รู้ว่าฮาโรนเองก็มีพลังเวทย์ถึงแม้เขาจะใช้งานมันไม่ได้แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงการไหลเวียนของพลังเวทย์ได้เช่นกัน’
นั่นคือสาเหตุที่จักรวรรดิติดต่อกับโฮต้าเพื่อสืบข่าวโดยไม่คิดกังวลว่าจะมีคนจับได้ อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเรื่องยากที่ฮาโรนจะรู้ว่าอุปกรณ์เวทย์ชิ้นนั้นอยู่ในมือของโฮต้า
[“เมื่อคืนนี้..ข้าตัดสินใจลงมือตัดหัวคนทรยศด้วยตัวของข้าเอง”]
ในที่สุดคาร์ลก็เข้าใจว่าทำไมทูนก้าจึงชะลอการทำศึกกับจักรวรรดิ
“เจ้าเพิ่งหาตัวคนทรยศเจอเมื่อคืนนี้หรือ?”
[“ข้าพบเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว”]
‘ดูเหมือนเขาจะผ่านช่วงเวลาในการตัดสินใจอย่างยากลำบากเลยทีเดียว’
คาร์ลเดาได้ในทันทีว่าทูนก้าต้องถกเถียงกับตนเองว่าจะทำอย่างไรกับโฮต้าอยู่พักใหญ่ นั่นคงเป็นเหตุผลหลักที่อาณาจักรวิปเปอร์ชะลอการบุกโจมตีจักรวรรดิลง
[“ข้าคิดว่าอย่างน้อยโฮต้าก็เป็นเหมือนกับประชาคนอื่นๆที่เห็นด้วยกับวิสัยทัศน์ของข้า..ข้าเชื่อใจเขามาก”]
ทูนก้าก้มมองมือทั้งสองข้างของตนเอง เขาตัดหัวของโฮต้าด้วยมือของตัวเอง เขาคิดว่าต้องเป็นเขาเท่านั้นที่ต้องทำสิ่งนี้ ในขณะนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของคาร์ลลอดผ่านอุปกรณ์เวทย์สื่อสารเข้ามา
“มันคงยากสำหรับเจ้า..แต่เจ้าก็ทำมันได้ดี”
ทูนก้ากำหมัดแน่นเมื่อได้ยินคำพูดของคาร์ล ไม่เคยมีใครพูดกับเขาแบบนี้มาก่อนในขณะที่คาร์ลยังคงพูดต่อไป
“เพราะพวกเจ้าทำให้ไม่ต้องสูญเสียทหารเป็นจำนวนมาก”
นี่คือความจริง
คาร์ลอยากจะชมเชยทูนก้าเพราะเขาไม่ยอมใจอ่อนให้กับมิตรภาพระหว่างตนเองกับโฮต้า
ทูนก้าเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ
พวกเขาทั้งคู่สบตาผ่านอุปกรณ์เวทย์สื่อสาร คาร์ลแต้มยิ้มผ่อนคลายบนใบหน้าเมื่อยังคงเอ่ยต่อไป
“ดูเหมือนเจ้าจะเชื่อใจข้าสินะ?..เจ้าบอกให้ฮาโรนหาตัวคนทรยศงั้นหรือ?”
คาร์ลคิดไว้อยู่แล้วว่าทูนก้าต้องเชื่อในสิ่งที่เขาพูดและลงมือหาตัวหนอนบ่อนไส้แต่เขาก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่ดีหลังจากที่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจริง
“ขอบคุณเจ้ามากที่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูด”
ถึงแม้คาร์ลจะพูดอย่างไม่ใส่ใจนักแต่คำพูดเหล่านี้กลับกระแทกใจทูนก้าอย่างแรง บางครั้งใบหน้าของคนทรยศเช่นโฮต้าก็ลอยเข้ามาในหัวของทูนก้า เขานึกถึงใบหน้าของโฮต้าอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามประโยคต่อมาของคาร์ลกลับทำให้ใบหน้าของโฮต้าค่อยๆเลือนหายไป
“แต่อย่าเชื่อใจข้าทั้งหมด…ข้าไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับเจ้าและข้าก็ไม่ใช่คนดีเช่นกัน”
คาร์ลเลือกที่จะบอกความจริงกับทูนก้าว่าตัวเองไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับเขา
แม้ว่าตอนนี้คาร์ลจะหวังให้อาณาจักรวิปเปอร์ชนะสงครามในครั้งนี้แต่ก็ไม่ต้องการให้พวกเขาชนะจักรวรรดิจริงๆ ความสมดุลอำนาจระหว่างอาณาจักรโรมัน อาณาจักรเบร็ค ผืนป่าและอาณาจักรวิปเปอร์จะตกอยู่ในความวุ่นวายหากอาณาจักรวิปเปอร์มีชัยชนะเหนือจักรวรรดิจริงๆ
นั่นคือสาเหตุที่คาร์ลไม่ต้องการให้ทูนก้าชนะจักรวรรดิหรือถ้าจะชนะก็ต้องชนะแบบฉิวเฉียดที่สุดเพื่อไม่ให้เขารู้สึกมีชัยเหนืออาณาจักรอื่นๆ
‘คนที่มีความคิดแบบฉันจะไปเป็นคนดีได้อย่างไร?’
คาร์ลคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะยุติการสนทนาเสียที
“ทูนก้า..สภาพเจ้าในตอนนี้ไม่เหมือนกับทูนก้าที่ข้าเคยรู้จักเลยสักนิด..เจ้าไม่อยากกำจัดจักรวรรดิหรือไง?”
[“เจ้าพูดถูก..ข้าต้องการกำจัดจักรวรรดิ”]
ความเกลียดชังในใจของทูนก้าต่อจักรวรรดินั้นยิ่งเพิ่มสูงขึ้นหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับโฮต้า แววตาของทูนก้ากลับมาเป็นประกายเช่นเดิมและคาร์ลก็มีสิ่งสุดท้ายที่จะมอบให้กับทูนก้า
“แค่เป็นตัวของตัวเองก็พอแล้ว”
‘เป็นตัวเอง’
มุมปากของทูนก้ายกสูงขึ้นและคลี่ยิ้มตามปกติที่เขามักเป็นก่อนจะค่อยๆลุกจากที่นั่ง
[“ใช่..ข้าต้องใช้ชีวิตตามที่ข้าเป็น..แค่เป็นตัวของตัวเอง!”]
ทูนก้ากล่าวออกมาในขณะที่สายตาก็จ้องเขม็งมาที่คาร์ล คาร์ลพยักหน้าให้เขาช้าๆ
รอยยิ้มของทูนก้าเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆส่วนคาร์ลนั้นก็พูดเรื่องอื่นด้วยน้ำเสียงห้วนๆตามแบบฉบับของเขาอีกครั้ง
“แต่เจ้าก็ต้องให้ความสำคัญกับชีวิตทหารของเจ้าด้วย..อาจเป็นเพราะข้าเองก็เป็นคนอ่อนแอจึงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่หากต้องเห็นคนที่อ่อนแอต้องจบชีวิตลง”
ประโยคนี้ของคาร์ลทำให้ทูนก้าฉุกใจคิด
‘เขาบอกว่าตัวเองเป็นคนไม่ดีแต่กลับพูดแบบนี้ออกมางั้นหรือ?’
ทูนก้าตัดสินใจที่จะชีวิตในรูปแบบที่เป็นตัวของตัวเอง นิสัยของเขาไม่ใช่คนที่จะต้องมาสนใจชีวิตของคนที่อ่อนแอกว่าแต่ถึงจะคิดเช่นนี้เขาก็ยังคงรับปากคาร์ล
[“ข้าจะเก็บมันไปคิดดู”]
คาร์ลขนลุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่ทูนก้าบอก
‘เขาจะเก็บมันไปคิดดู?..เขาจะสนใจเรื่องนี้จริงๆใช่มั้ย?’
คาร์ลไม่คิดว่าทูนก้าจะสนใจในสิ่งนี้ เขานึกว่าตัวเองจะได้ยินคำว่า‘ไม่’จากปากของทูนก้าเสียอีก ทูนก้าไม่สนใจว่าคาร์ลจะตกใจกับสิ่งที่เขาพูดไปมากเพียงใดเขาเพียงเอ่ยสิ่งที่เขาต้องการออกไปเท่านั้น
[“หัวหน้าฮาโรนจะเป็นคนเข้าประชุมแทนข้า”]
คาร์ลพยักหน้าตอบรับ
อาณาจักรวิปเปอร์จะเข้าร่วมประชุมเช่นกัน แค่มีฮาโรนก็เพียงพอแล้วสำหรับการประชุมในครั้งนี้ แม้ว่าอาณาจักรวิปเปอร์กำลังทำสงครามกับจักรวรรดิโดยมีทูนก้าเป็นคนนำทัพแต่ฮาโรนก็เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของการทำศึกเช่นกัน ทูนก้าเองก็ไม่ได้เก่งในเรื่องการวางวางแผนทำศึกมากนักหากจะขาดเขาไปสักคนก็ไม่เป็นไรเช่นกัน
“ข้าเข้าใจแล้ว…เจ้าไปพักผ่อนเถิด..ดูท่าเจ้าจะผ่านเรื่องหนักๆมาพอควร”
[“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า….ให้ข้าพักผ่อนงั้นหรือ?..ตกลง!..ข้าจะพักอยากที่เจ้าบอก!”]
ทูนก้าหัวเราะลั่นก่อนที่คาร์ลจะขมวดคิ้วมุ่นตามอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของทูนก้า อย่างไรก็ตามทูนก้าไม่ได้สนใจอาการของคาร์ลพลางเอ่ยลาและปิดอุปกรณ์เวทย์สื่อสารทันที
[“แล้วเจอกันใหม่ในครั้งหน้า!”]
คาร์ลจ้องไปที่อุปกรณ์เวทย์สื่อสารซึ่งเหลือเพียงความว่างเปล่าและเริ่มคิดในใจ
‘แล้วทำไมเราต้องมาเจอกันอีกครั้งด้วยล่ะ?’
คาร์ลถอนหายใจยาวก่อนเอนกายลงบนโซฟานุ่ม ตอนนั้นเองที่มีเสียงเคาะประตูดังจากหน้าห้อง
ก็อก!ก็อก!ก็อก!
“นายน้อยคาร์ล”
เป็นโรสลินนั่นเองที่เอ่ยเรียกเขา เธอยังคงพูดสิ่งที่ต้องการต่อไป
“ท่านทาช่าและแมรี่เดินทางมาถึงแล้ว”
คาร์ลหยัดกายลุกขึ้นยืนจากโซฟานุ่มทันที คงถึงเวลาแล้วสินะที่เขาจะต้องเดินทางไปหานักบวชและนักดาบหญิงคู่แฝดนั่น
คลิ๊ก!
ประตูถูกเปิดออกและคาร์ลก็สบตาเข้ากับโรสลิน
“…นายน้อยคาร์ล..ท่าน”
“มีอะไรอย่างนั้นรึ?..ท่านโรสลิน”
โรสลินถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับบนใบหน้าของคาร์ล เธอไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุให้คาร์ลยิ้มแบบนั้นแต่เธอก็ยิ้มตามคาร์ลทันทีเช่นกัน มันเป็นรอยยิ้มที่คล้ายคลึงกับคาร์ลยิ่งนัก
“โปรดกลับมาโดยสวัสดิภาพเมื่อท่านจัดการธุระของท่านเรียบร้อยแล้ว”
“ขอบคุณท่านมาก..มันต้องเป็นการเดินทางที่ยอดเยี่ยมแน่นอน”
ตอนนั้นเองที่ราอนลงมาจากชั้นห้า
“มนุษย์!มนุษย์!..หืม?”
ราอนชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มของคาร์ลและโรสลิน มันเอ่ยถามคาร์ลทันที
“เจ้าวางแผนจะทำอะไรงั้นหรือ?..รอยยิ้มของเจ้ามันเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!..มันดูเหมือนเจ้าเป็นคนไม่ดีเลยนะ!”
คาร์ลไม่ได้วางแผนอะไรมากมายกับการเดินทางในครั้งนี้
“ข้าแค่จะเดินทางไปรักษาคนเจ็บเท่านั้นเอง”
แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่คาร์ลพูดโดยเฉพาะกับราอน