Trash of the Count’s family - ตอนที่ 134-1
บทที่ 134 ด้วยกัน 2 (1)
พวกเขาแต่ละคนทำท่าทางประหลาดๆ
คาร์ลทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งใกล้ๆกับน้ำพุและกวาดสายตาไปมองโดยรอบ
อย่างแรกเขามองไปที่เชวฮัน
“………………”
เชวฮันกำลังนั่งทำสมาธิบนโขดหินขนาดเล็ก มือทั้งสองข้างพนมขึ้นเป็นรูปดอกบัวตูม ออร่าสีดำแผ่กระจายออกมารอบๆร่างกายของเขา ดูเหมือนเชวฮันจะบรรลุเป็นปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้ไปเสียแล้ว
คาร์ลเอ่ยถามคนที่อยู่ข้างๆพลางส่งสายตาไปยังจุดที่เชวฮันนั่งอยู่
“ฮันส์..เขาฝึกแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว?”
“ประมาณ19ชั่วโมงได้แล้วขอรับ…นายน้อยไม่ภูมิใจในตัวเขาหรือขอรับ?…ความตั้งใจอันแรงกล้าเช่นนี้ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
‘ไม่เลยสักนิด’
คาร์ลรู้สึกกลัวมากกว่าจะภูมิใจ คาร์ลเงยหน้าขึ้นและสบตาเข้ากับฮันส์
“…แล้วเจ้าจะอยู่ท่านั่นไปอีกนานแค่ไหน?”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันขอรับ”
เชวฮันฝึกฮันส์ด้วยเช่นกัน เนื่องจากฮันส์เป็นพ่อบ้านที่คอยรับใช้และจัดการเรื่องต่างๆของตระกูลเฮนิตัสอยู่เสมอ เขาจึงคิดว่าอย่างน้อยฮันส์ก็ควรรู้วิธีป้องกันตัวเองไว้บ้าง
‘แต่ให้นั่งเก้าอี้ล่องหนนี่นะ?’
คาร์ลก้มมองขาทั้งสองข้างที่เริ่มสั่นน้อยๆของฮันส์ ตัวฮันส์เองก็คงสังเกตว่าคาร์ลจ้องตนอยู่จึงส่งยิ้มแหยๆตอบมาให้
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…นายน้อย!…กระผมจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อคอยปกป้องนายน้อย..นั่นเป็นหน้าที่ของพ่อบ้านเช่นกระผม”
“…จริงอย่างที่เจ้าว่า…ข้าเชื่อใจเจ้า”
คาร์ลตอบออกไปเช่นนั้นเพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไรดี
“ขอรับ!…กระผมจะไม่ทำให้นายน้อยผิดหวัง!”
ฮันส์ตอบรับด้วยน้ำเสียงกระฉับกระเฉง คาร์ลละสายตาหนีจากฮันส์เพื่อหันไปมองคนอื่นๆ อูฮาเบ็นยืนอยู่ข้างๆเสาหินซึ่งถูกขึงแน่นด้วยโซ่โลหะ ในตอนแรกคาร์ลรู้สึกแปลกใจที่ไม่เห็นราอนฝึกอยู่กับอูฮาเบ็น แน่นอนว่าสิ่งที่คาร์ลสงสัยอูฮาเบ็นสามารถรู้ได้โดยสัญชาตญาณจึงอธิบายให้คาร์ลฟังไปก่อนหน้านี้
‘วิธีเรียนรู้ของมังกรคือการคิดสิ่งต่างๆด้วยตัวเองเมื่อได้รับคำชี้แนะที่เหมาะสมแล้ว’
ตอนนี้ราอนกำลังฝึกอยู่ที่ห้องของคาร์ลบนชั้นห้า คาร์ลให้ราอนฝึกอยู่ที่นั่นเมื่อมันรับปากกับเขาว่าจะไม่ทำข้าวของภายในห้องเสียหายระหว่างทำการฝึก
‘ก่อนจะถึงฤดูใบไม้ร่วงข้าก็จะผ่านระยะแรกของการเติบโตแล้ว..ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของข้า!..เจ้าอาจได้เห็นความยิ่งใหญ่ของข้ามาก่อนแล้วแต่เจ้าจะยิ่งรู้สึกมากกว่านี้อีก!..ข้ามั่นใจ!’
นี่คือสิ่งที่ราอนพูดก่อนที่มันจะเริ่มฝึกดูเหมือนความมั่นใจของมันจะมีเต็มร้อย คาร์ลนึกถึงมังกรตัวน้อยที่ถลาบินขึ้นไปบนชั้นห้าด้วยความมั่นใจก่อนจะถอนหายใจยาว จากนั้นก็เริ่มยิ้มเพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
เมี้ยว!
เมี้ยว!
“อะแฮ่ม!”
ฮงยังถือเป็นลูกแมวเด็กอยู่ ส่วนออนนั้นกำลังเข้าสู่ระยะวัยรุ่นในอีกไม่ช้านี้ อูฮาเบ็นกระแอมไอใส่ลูกน้องแมวทั้งสองตัวในขณะที่สายตากลับแสร้งทำเป็นไม่เห็นพวกมัน อย่างไรก็ตามรอยยิ้มกลับปรากฏเต็มใบหน้าของเขา
‘ถ้าให้เดาเขากำลังคิดที่จะสอนออนและฮง’
คาร์ลนึกถึงสิ่งที่อูฮาเบ็นเคยพูดถึงเด็กๆจากเผ่าแมวเอาไว้
‘เด็กสองคนนี้เป็นแมวเลือดบริสุทธิ์กลายพันธุ์’
ดูเหมือนอูฮาเบ็นจะมีความรู้เกี่ยวกับเผ่าแมวเยอะพอควร มันก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่มังกรวัยชราที่มีอายุเกือบพันปีจะมีความรู้รอบตัวเยอะเช่นนี้ เขาไว้ใจที่จะให้ลูกแมวทั้งสองตัวอยู่กับอูฮาเบ็นเพราะตัวเขาเองก็ไม่มีข้อมูลมากพอที่จะช่วยเหลือพวกมันได้มากกว่านี้
‘เด็กๆจากเผ่าหมาป่าสีน้ำเงินก็เช่นกัน’
คาร์ลหันไปมองอีกฝั่งหนึ่งของลานฝึกซ้อม
“ย้ากกก!!!”
“อั่ก!!!”
“ย้ากกก!!!…อึ่ก!”
ลูกหมาป่าทั้งหมดฝึกอยู่ด้วยกัน บางคนก็ใกล้จะกลายร่างเป็นครั้งแรกแล้ว พวกเขาจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นหากผ่านช่วงเวลาดังกล่าวไป
‘ล็อกฝึกอยู่กับรอนและบารอค’
คาร์ลเฝ้าดูการฝึกของทุกๆคนราวกับดูฉากบู๊ในหนังแอคชั่น ตอนนั้นเองที่มีคนเดินเข้ามาใกล้คาร์ล
“นายน้อยคาร์ล”
“ท่านโรสลิน”
โรสลินเหลือบมองฮันส์เล็กน้อยก่อนจะสาวเท้าเข้ามาใกล้ม้านั่งที่คาร์ลนั่งอยู่ เธอค่อยๆทรุดตัวลงนั่งข้างๆคาร์ล เธอหันไปมองรอบๆลานฝึกและเริ่มพูด
“ดูเหมือนทุกคนจะตั้งใจฝึกกันอย่างหนักเลยทีเดียว”
“ใช่..พวกเขาน่าทึ่งจริงๆ…ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดีและท่านล่ะเป็นอย่างไรบ้าง?”
สายตาของคาร์ลหันกลับมามองโรสลิน ตอนนี้เธอกำลังมุ่งทำการวิจัยของเธออย่างหนักหน่วง เธอเพียงต้องก้าวขึ้นไปอีกขั้นเพื่อจะไปให้ถึงนักเวทย์ระดับสูงสุด
“อื้ม!ใช้ได้เลยล่ะ..การที่ข้ามีครูดีเช่นนี้ยิ่งทำให้ข้าทำทุกอย่างได้ดียิ่งขึ้น”
โรสลินเริ่มยิ้ม ตราบใดที่มีราอนและอูฮาเบ็นอยู่ใกล้ๆ เธอก็สามารถเรียนรู้ทุกอย่างได้เพียงแค่เฝ้าดูพวกเขาเท่านั้นถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้รับคำแนะนำใดๆจากมังกรทั้งสองตนก็ตาม เธอเป็นผู้หญิงฉลาดจึงใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองมากที่สุด
“จริงอย่างที่ท่านว่า..ท่านมีครูดีจริงๆ”
คาร์ลเห็นด้วยกับสิ่งที่โรสลินเอ่ย การทักทายสิ้นสุดลงและพวกเขาสามารถคุยธุระกันได้เสียที
“ท่านได้รับข่าวจากทาช่าบ้างหรือไม่?”
ทาช่าและแมรี่กำลังจะเดินทางมาที่นี่ คาร์ลอาจต้องเดินทางอีกครั้งเมื่อแมรี่มาถึงแล้ว
“ได้สิ..ท่านทาช่าส่งข้อความมาให้ข้า”
“ข้อความ?”
คาร์ลรู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินว่าทาช่ามีข้อความส่งมาให้โรสลิน ทาช่าเป็นตัวแทนขององค์ชายรัชทายาทในขณะที่โรสลินเป็นตัวแทนของอาณาจักรเบร็ค มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นหากทั้งสองฝ่ายต้องการให้เขารู้ด้วย
คาร์ลเอ่ยถามทันที
“ดูเหมือนพวกท่านทุกคนตัดสินที่จะมาประชุมหารือกันแล้วสินะ?”
“…ข้ารู้ว่าท่านต้องเข้าใจได้ในทันที..นายน้อยคาร์ล”
โรสลินอมยิ้มพลางพยักหน้ารับ เธอเริ่มอธิบายรายละเอียดให้คาร์ลฟัง
“อาณาจักรเบร็ค..อาณาจักรโรมันและอาณาจักรแห่งป่าตอบรับการประชุมในครั้งนี้แล้ว..แต่เราก็ยังมีปัญหาอยู่ดี”
“…ยังไม่มีการตอบรับจากอาณาจักรวิปเปอร์งั้นรึ?”
เธอไม่ได้กล่าวถึงอาณาจักรวิปเปอร์จึงเป็นไปได้ที่พวกเขาจะเป็นต้นเหตุของปัญหา
พวกเขาต้องการให้อาณาจักรวิปเปอร์เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย ถึงแม้จะไม่เป็นไรหากไม่มีพวกเขาเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้เพราะถึงอย่างไรเส้นทางการหลบหนีโดยอาศัยแนวชายฝั่งของจักรวรรดิไปยังทวีปตะวันออกก็จะถูกขวางทางเอาไว้อยู่ดี ไม่เพียงแต่จะตัดช่องทางการสื่อสารของจักรวรรดิกับทวีปตะวันออกลงแต่การเคลื่อนพลของเผ่าวาฬจะสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
“ไม่ใช่..เราได้รับการตอบรับจากอาณาจักรวิปเปอร์แล้ว..ผบทบ.ทูนก้าเป็นคนตอบรับเป็นการส่วนตัว”
ทูนก้าอาจเป็นตัวแทนตอบรับเข้าร่วมประชุมแต่ถึงอย่างไรฮาโรนก็ต้องคอยช่วยเขาอยู่เบื้องหลังอยู่ดี
“เขาว่าอย่างไรบ้าง?”
“เขาพูดถึงท่าน..นายน้อยคาร์ล”
“ข้าหรือ?”
“ใช่..เขาต้องการคุยกับท่าน”
“ทูนก้าต้องการคุยกับข้าจริงๆรึ?”
“ใช่แล้ว”
‘แล้วทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ?’
ความสับสนปรากฏชัดบนใบหน้าของคาร์ล อย่างไรก็ตามโรสลินกลับยิ้มเพราะเข้าใจในเจตนาของทูนก้าดี
‘ทูนก้าและฮาโรนไม่ได้ติดต่ออาณาจักรโรมันหรืออาณาจักรอื่นๆเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น..การมีคนที่พวกเขาไว้ใจอยู่ในที่ประชุมด้วยถือเป็นวิธีหนึ่งในการสร้างความมั่นใจกับตนเอง’
คาร์ลเป็นคนเดียวในอาณาจักรโรมันที่ทูนก้าไว้ใจที่สุด มันก็คล้ายๆกับการที่ราชินีลิทาน่าเชื่อใจให้คาร์ลติดต่อองค์ชายอัลเบิร์กให้กับเธอ
โรสลินเริ่มพูดกับคาร์ลที่ยังคงสับสนอยู่
“ข้าสามารถติดต่อเขาให้กับท่านได้ทันที..ข้าควรทำเลยหรือไม่?”
“อืม..”
คาร์ลลุกขึ้นยืนทันทีก่อนจะสัมผัสได้ถึงความชาที่แล่นผ่านไปทั่วขาทั้งสองข้าง เขาถูกปลุกให้ลุกจากที่นอนตั้งแต่เช้าตรู่เพราะเสียงตะโกนจากการฝึกซ้อมของสมาชิกในกลุ่มของตนจนไม่สามารถหลับต่อได้ก่อนจะตัดสินใจออกมานั่งบนม้านั่งตัวนี้เพราะไม่รู้จะทำอะไรดี
มันสนุกมากที่ได้ดูฉากต่อสู้เหล่านี้มันทำให้เขารู้สึกราวกับดูการ์ตูนหรือหนังแอคชั่นอยู่
“…นายน้อยคาร์ล..ขาท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ข้านั่งนานเกินไปจนโดนเหน็บเล่นงานเข้านะ..เฮ้อ!..ทำไมข้ารู้สึกว่าตัวเองเริ่มอ่อนแอลงทุกวันนะ”
‘ฉันคงต้องออกกำลังด้วยการยืดเหยียดวันละ2-3ครั้งแล้วกระมัง?..แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว!’
คาร์ลบ่นในใจพลางเหยียดขาทั้งสองข้างออกให้คลายจากเหน็บชา โรสลินพูดกับคาร์ลเมื่อเห็นเขารักษาอาการเหน็บชาให้กับตัวเองอยู่
“ท่านรู้หรือไม่ว่าการที่ท่านอยู่ที่นี่สร้างแรงจูงใจให้กับพวกเขามากเพียงใด?”
“ท่านว่าอะไรนะ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า..ไม่มีอะไรหรอก”
โรสลินส่ายหัวน้อยๆก่อนจะยิ้มออกมาราวกับตัวเองไม่ได้พูดอะไรออกมา
เธอหันไปมองรอบๆสนามฝึก ทุกๆคนต่างหันมามองคาร์ลเป็นระยะๆ คาร์ลนั่งบนม้านั่งตัวนี้ตั้งแต่เช้าตรู่โดยไม่ลุกไปไหนมีเพียงแค่ตอนที่เขาออกไปรับประทานอาหารและทำธุระส่วนตัวเท่านั้น
ทุกคนต่างรู้ดีว่าพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณไม่สามารถพัฒนาให้แกร่งไปกว่าเดิมได้ มันเป็นพลังที่สามารถใช้ได้เพียงระดับเดียวโดยไม่มีการวิวัฒนาการให้สูงไปมากกว่านี้
นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขารู้ว่าคาร์ลไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฝึกซ้อมและพากันเข้าใจถึงหัวอกของคาร์ลที่มานั่งมองพวกเขาฝึกซ้อมกันตั้งแต่เช้าตรู่ สิ่งนี้ทำให้พวกเขาฝึกซ้อมกันอย่างหนักหน่วงและพากันตะโกนดังลั่นไม่ได้หยุดเลยตั้งแต่เช้าเพื่อเป็นการทดแทนความรู้สึกที่คาร์ลไม่สามารถทำได้เช่นพวกเขา
“ไปกันเถอะ”
คาร์ลชี้เข้าไปในตัวคฤหาสน์เพื่อให้โรสลินเดินตามหลังเขาเข้าไป
ย้ากกกกก!!!!!!
คาร์ลสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้นอีกครั้ง เขาคิดว่าเสียงพวกนี้มันน่ากลัวเกินไปก่อนจะรีบสาวเท้าเข้าไปในคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว
.
.
.
นี่เป็นครั้งแรกที่คาร์ลได้ใช้อุปกรณ์เวทย์สื่อสารแบบเคลื่อนไหวเพื่อพูดคุยกับทูนก้า
[“ไม่เจอกันนานเลยนะ”]
คาร์ลรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“เจ้าอยู่คนเดียวงั้นรึ?”
[“ใช่”]
คาร์ลไม่เห็นแม้แต่ฮาโรนหรือแม้แต่ลูกน้องคนสนิทของเขา มีเพียงแค่ทูนก้าเท่านั้นที่กำลังพูดคุยกับตนอยู่
‘อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการให้คนรู้ไปมากกว่านี้ว่ามีอุปกรณ์เวทย์สื่อสารอยู่ในมือของพวกเขา’
มันจำเป็นต้องใช้นักเวทย์เพื่อเชื่อมต่อสัญญาณให้กับอุปกรณ์เวทย์สื่อสาร
อาณาจักรวิปเปอร์กำลังใช้อุปกรณ์เวทย์สื่อสารและเหล่านักเวทย์ที่องค์ชายอัลเบิร์กส่งตัวไปให้เพื่อให้พวกเขาสามารถติดต่ออาณาจักรอื่นๆได้ อาณาจักรวิปเปอร์ไม่มีทางเลือกอื่นเพราะกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแต่คาร์ลก็ยังแปลกใจอยู่ดีที่ไม่เห็นฮาโรนและหัวหน้าหน่วยคนอื่นๆอยู่กับเขาด้วย
คาร์ลมองเห็นใบหน้าของทูนก้าผ่านอุปกรณ์เวทย์สื่อสารได้อย่างชัดเจน นั่นทำให้เขาเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
“เจ้าดูไม่ดีเลย”
ทูนก้าสะดุ้งเมื่อได้ยินสิ่งที่คาร์ลเอ่ยทัก
สภาพของทูนก้าดูไม่ดีเลย
ตอนนี้จักรวรรดิและอาณาจักรวิปเปอร์เริ่มเปิดศึกกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อาณาจักรวิปเปอร์มีเป้าหมายในการยึดสถานที่สำคัญๆของจักรวรรดิเพียงบางส่วนตามแนวชายแดนแทนที่จะพุ่งเป้าไปยังเมืองหลวงของจักรวรรดิเลยทีเดียวแต่ก็ดูเหมือนทุกๆอย่างจะไม่เป็นตามแผนที่พวกทูนก้าวางเอาไว้
คาร์ลไม่คิดว่าคนแบบทูนก้าจะมานั่งกังวลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ได้ ก่อนที่เขาจะเริ่มคิดบางอย่างขึ้นมาได้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ทูนก้ามีสภาพเช่นนี้
‘มีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้คนโง่ๆแบบนี้เสียอาการได้’