Trash of the Count’s family - ตอนที่ 133-2
บทที่ 133 ด้วยกัน 1 (2)
คาร์ลหันไปมองรอบๆอีกครั้ง
อูฮาเบ็นยืนห่างออกไปในขณะที่รอนและบารอคขึ้นไปชั้นบน เขาสามารถมองเห็นสมาชิกในกลุ่มที่เหลือได้ทั้งหมด
‘พวกเขาอยู่ในระยะที่จะได้ยินในสิ่งที่ฉันพูด’
หลังจากตรวจสอบจนมั่นใจว่าพวกเขาจะได้ยินเสียงของเขา คาร์ลจึงเริ่มพูดบางอย่างเพื่อจุดประกายไฟในหัวใจของพวกเขาได้
“ในอดีตเจ้าของพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้พิทักษ์”
เด็กๆจากเผ่าหมาป่าซึ่งชื่นชมรูปปั้นอยู่บนห้องโถงชั้นหนึ่งหันขวับมามองคาร์ลทันที
“ตามตำนานกล่าวว่าเขาเป็นผู้พิทักษ์ที่คอยปกป้องภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้คงอยู่จนถึงทุกวันนี้”
“จริงหรือขอรับ?”
ทั้งเชวฮันและล็อกซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆโรสลินก็สนใจเช่นกัน รวมไปถึงบารอคซึ่งกำลังเดินลงบันไดมาก็สนใจในสิ่งที่คาร์ลพูด พวกเขาต่างอยากรู้เกี่ยวกับเจ้าของสถานที่แห่งนี้
“เขาไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยที่จะขึ้นไปยืนเป็นทัพหน้าและคอยปกป้องผู้คนในทวีปเมื่อถูกปกคลุมจากภัยมืด”
“ช่างเป็นคนที่น่าทึ่งยิ่งนัก”
“ใช่..มีสิ่งหนึ่งที่เขาบอกข้าไว้ก่อนที่เขาจะมอบคฤหาสน์หลังนี้ให้กับข้า”
ทุกคนสนใจว่าอะไรคือสิ่งที่ผู้พิทักษ์คนนี้บอกกับคาร์ลเอาไว้ก่อนที่เขาจะออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้และมอบคฤหาสน์อันล้ำค่าเช่นนี้ให้กับนายน้อยคาร์ล เขาแค่ต้องการบอกสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขาใช่หรือไม่? คาร์ลเห็นทุกคนพุ่งความสนใจมาที่ตนจึงเอ่ยขึ้นทันที
“ปกป้องมัน!”
ส่วนคำพูดที่ว่าคุ้มกันและเสียสละตัวเองไม่จำเป็นต้องบอกคนอื่นให้รู้ เขาแค่ต้องการบอกในสิ่งที่เป็นประโยชน์และกระตุ้นพวกเขาให้ได้เท่านั้น คาร์ลแต้มรอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้าตนเอง
“ข้าไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่คำพูดนี้มันเตือนให้ข้าคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเรา”
“อา….”
โรสลินปล่อยเสียงครางเบาๆออกจากลำคอ สถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาคือศัตรูได้ปรากฏตัวขึ้นทั่วสารทิศและทวีปนี้ก็กำลังตกอยู่ในอันตราย
“….ท่านคาร์ล”
เชวฮันมองมาที่คาร์ลด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล คาร์ลยิ้มและสบตาเข้ากับเชวฮัน
“เจ้ากำลังคิดอะไรงั้นหรือ?”
“เอ่อ…ท่านคาร์ลน่าจะทราบดี”
เชวฮันไม่รู้จะตอบคำถามนี้ของคาร์ลว่าอย่างไรดี คาร์ลมองเลยเชวฮันไปและสบตาเข้ากับล็อกที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก
“เอาล่ะ..หลังจากได้ยินสิ่งที่เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้พูดกับข้าแล้ว..ข้าคิดว่ามันคงเป็นเรื่องดีที่เราจะได้มารวมตัวกัน”
แม้ว่าคาร์ลจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งๆแต่ทุกคนก็เข้าใจความหมายของคำพูดที่เขาเอ่ยออกมาได้อย่างดี
‘ปกป้องมัน!’
คาร์ลจัดการรวมรวมพวกเขามาไว้ที่นี่หลังจากได้ยินประโยคนั้น เขาไม่จำเป็นต้องพูดออกมาทั้งหมดพวกเขาก็รู้ดีว่าเจตนาของคาร์ลคือต้องการปกป้องพวกเขาและทวีปแห่งนี้
“…นายน้อยคาร์ล…ท่านนี่มันจริงๆเลย”
โรสลินยิ้มและมองไปที่คาร์ลด้วยท่าทางที่ดูเหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่าไม่มีอะไรที่พวกเขาสามารถรับมือกับคาร์ลได้เลย
‘มีอะไรหรือ?’
รอยยิ้มของโรสลินเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆเมื่อเห็นสายตาที่คาร์ลส่งมาถามว่าเขาทำอะไรลงไปงั้นหรือ?คนอื่นๆในกลุ่มก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างกัน
อูฮาเบ็นมองมาที่คาร์ลในขณะในหัวก็คิดว่าบนโลกนี้มีมนุษย์ที่น่าสงสารแบบนี้ได้อย่างไร? เขาทำงานหนักไปหรือเปล่านะ?
“เอาล่ะ”
คาร์ลยักไหล่ขึ้นสูงและพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ข้ามั่นใจว่าเราต้องเจอปัญหาที่ยุ่งยากมากๆในอนาคต”
อาณาจักรวิปเปอร์กับจักรววรรดิกำลังเตรียมพร้อมที่จะทำสงครามแก่กัน สงครามครั้งนี้จะเน้นไปที่การควบคุมพระราชวังและอาคารสำคัญหลายๆแห่งที่ติดชายแดนของทั้งสองอาณาจักรและมันน่าจะสิ้นสุดลงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
นอกจากนี้พันธมิตรทางตอนเหนือและอาร์มยังคงเก็บตัวเงียบ ดูเหมือนพวกเขากำลังรอฟังผลจากสงครามในครั้งนี้
เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว
ทุกคนตระหนักได้ดีถึงความจริงในข้อนี้
แปะ!แปะ!แปะ!
เชวฮันมองตามมือที่แตะลงบนไหล่ของเขา มันเป็นมือของคาร์ลนั่นเอง คาร์ลตบไปที่ไหล่ของ เชวฮันเบาๆพลางกวาดสายตาไปมองรอบๆห้องโถงชั้นหนึ่ง
เสียงอันหนักแน่นดังคับไปทั่วห้องโถง
“ข้าเชื่อใจเจ้า”
ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้องโถงกว้าง
เชวฮันเริ่มคิดบางอย่างในใจ เขาสงสัยจริงๆว่าจะมีสักกี่คนบนโลกที่สามารถเอ่ยว่าเชื่อใจคนอื่นได้อย่างจงใจและอ่อนโยนเช่นนี้
คาร์ลน่าจะเป็นคนเดียวที่ทำได้
อย่างไรก็ตามเชวฮันรู้สึกถึงน้ำหนักมือของคาร์ลที่บีบลงมาบนไหล่ของเขา เขาตระหนักได้ดีถึงน้ำหนักในคำพูดของคาร์ลที่ส่งต่อมาให้เขา
แน่นอนว่าคาร์ลกำลังกระตุ้นเชวฮันเบาๆด้วยการบีบไปที่ไหล่เชวฮันเบาๆ
ตอนนั้นเองที่มีเสียงดังก้องไปทั่วห้องโถง
“ข้าจะแข็งแกร่งขึ้น!”
มันเป็นเสียงของราอนนั่นเอง ราอนกระพือปีกสีดำของมันก่อนจะยืดอกอย่างมั่นใจ
“มนุษย์..ไม่ต้องกังวล!..ความเป็นอยู่ที่ดีแบบนี้จะทำให้ข้ามีเวลาพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น!..หากให้พูดเข้าใจได้ง่ายๆก็คือข้าจะยิ่งใหญ่มากกว่านี้!”
. มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยพลังและไม่มีความลังเลแม้แต่เสี้ยวเดียว
เชวฮันกำหมัดแน่นเมื่อได้ยินสิ่งที่ราอนพูด เช่นเดียวกับล็อกและเด็กๆจากเผ่าหมาป่าทั้งสิบคน
ตอนนั้นเองที่รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคาร์ลและเลือนหายไปอย่างรวดเร็วๆ เขามองไปรอบๆเพื่อดูอาการที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของทุกคนได้เปลี่ยนเป็นท่าทางที่เต็มไปด้วยความจริงจังและกระตือรือร้นแทน
คาร์ลซึ่งปรารถนาจะเห็นบรรยากาศเช่นนี้เริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง
“แต่ข้าอ่อนแอ”
“เจ้าพูดถูกมนุษย์!…เจ้าแค่อยู่เฉยๆ!..อย่าเข้าไปมีส่วนร่วมกับเรื่องอันตรายจนตัวเองต้องจบลงด้วยการกระอักเป็นเลือดโดยเด็ดขาด!”
น้ำเสียงของราอนเต็มไปด้วยจริงจังจนคาร์ลรู้สึกแปลกๆ อย่างไรก็ตามเขาเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงอันเป็นปกติของเขากับสมาชิกที่เหลือ
“นั่นเป็นเหตุผลที่มีเพียงสิ่งเดียวที่ข้าสามารถทำได้..ข้าจะทำทุกอย่างเท่าที่ตัวเองจะทำได้เพื่อคอยช่วยเหลือพวกเจ้าทุกคน”
ราอนเริ่มตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้าสามารถทำได้ดีด้วยตัวเอง!..นั่นคือเหตุผลที่ข้าจะยิ่งยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่กว่าที่เคยเป็น!”
‘อ่า…นี่นายกำลังทำลายบรรยากาศที่ฉันพยายามสร้างมันขึ้นมานะ’
คาร์ลพยายามที่จะสร้างช่วงเวลาสำคัญให้ออกมาดีที่สุดแต่เริ่มตระหนักว่ามันคงยากสำหรับราอนไปสักนิด ตอนนั้นเองที่เชวฮันซึ่งเงียบไปครู่ใหญ่เริ่มพูดออกมา
“กระผมจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องทุกคน!”
คาร์ลตบไปที่ไหล่ของเชวฮันอีกครั้งและนั่นทำให้เชวฮันรู้สึกถึงความไว้วางใจจากคาร์ลผ่านการตบนั้น
หมัดของเชวฮันถูกกำแน่น ในขณะที่ดวงตาก็เต็มไปด้วยเป้าหมายบางอย่าง สีหน้าก็เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจแรงกล้าจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
สมาชิกในกลุ่มที่เหลือต่างมองสิ่งนี้อย่างตั้งใจ ตอนนั้นเองที่คาร์ลเริ่มคิด
‘ฉันแน่ใจว่าเขาจะสามารถปกป้องฉันได้หากเขาแข็งแกร่งมากกว่าเดิม’
เขาเป็นคนจุดไฟและไฟนั้นกำลังลุกไหม้อย่างหลงใหลยิ่งกว่าที่คาร์ลคาดเอาไว้ การลุกไหม้ค่อยๆลุกฮือขึ้นอย่างเปี่ยมไปด้วยอันตรายราวกับไฟป่าที่ไม่สามารถหาทางหยุดเปลวเพลิงไว้ได้
.
.
.
สองวันต่อมา
คาร์ลรู้สึกเสียใจในการกระทำของตนเองหลังจากเห็นสนามฝึกชั่วคราวเต็มไปด้วยฝุ่นและหยดเลือด
“อึ่ก!”
“นี่เจ้ากำลังจะล้มลงงั้นหรือ?”
“ไม่!…ข้าไม่ล้ม!”
เชวฮันและล็อกกำลังฝึกการต่อสู้อย่างดุเดือด พวกเขาพูดคุยกันราวกับเสียงพากย์ในการ์ตูนของเด็กๆ ล็อกอยู่ในร่างของมนุษย์หมาป่าและถูกปกคลุมไปด้วยรอยเลือดและอาการบาดเจ็บทั่วทั้งร่างกาย ในทางกลับกันเชวฮันกำลังควงลูกตุ้มเหล็กในมือและตะโกนใส่ร่างของล็อก
“มา!..เข้ามา!..เจ้าไม่สามารถล้มลงได้หากต้องการแข็งแกร่งกว่านี้!”
“ย๊ากกกกก!!!”
ล็อกตะโกนออกมาดังลั่นและพุ่งเข้าใสร่างเชวฮันทันที
คาร์ลมองเห็นภาพแบบนี้ได้ทั่วทั้งพื้นที่ ทุกคนต่างฝึกซ้อมกันอย่างดุเดือดราวกับเป็นศัตรูกันจริงๆ ทั้งหยดเลือด ฝุ่น เหงื่อและอาการบาดเจ็บปรากฏให้เห็นได้ทั่วทุกจุด
‘ฉันไม่ได้หวังให้มันมากขนาดนี้สักหน่อย’
คาร์ลรู้สึกกังวลกับความยากลำบากในการฝึกของทุกคน
‘มันจะไม่เป็นไรใช่มั้ย?’
คาร์ลรู้สึกว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นหากผ่านการฝึกฝนที่หนักหน่วงเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ