Trash of the Count’s family - ตอนที่ 133-1
บทที่ 133 ด้วยกัน 1 (1)
แปะ!แปะ!
อุ้งมือเล็กๆของราอนแตะเข้าที่สีข้างของคาร์ล
“มนุษย์!”
“มีอะไรรึ?”
คาร์ลก้มลงมองที่เอวของตนก่อนจะเห็นรอยยิ้มที่ราอนส่งมาให้
“ข้าชอบที่นี่มาก!..เจ้าทำได้ดีจริงๆ..เจ้าสมควรได้รับคำชมเชย!”
“….ขอบใจ”
คาร์ลรู้สึกแปลกๆที่ได้รับคำชมจากเด็กห้าขวบ อูฮาเบ็นก็รู้สึกเช่นเดียวกันเมื่อได้ยินสิ่งที่ราอนพูดกับตน
“เจ้าทองคำ!..บ้านของเราเรียบหรูและดูดี..มันดูดีกว่าบ้านของเจ้าที่เต็มไปด้วยทองคำเสียอีก!”
“อืม..เป็นอย่างที่เจ้าว่า”
มังกรวัยชราเห็นด้วย ตอนนั้นเองที่สายตาของคาร์ลและอูฮาเบ็นสบเข้ากันพอดี อูฮาเบ็นถอนหายใจแล้วชี้ไปยังมุมหนึ่งที่อยู่ข้างๆคฤหาสน์หลังโต
“ดูเหมือนว่าเราต้องตรวจสอบเสาหินนั้นดูสักหน่อย”
คาร์ลได้เล่าให้พวกเขาทั้งหมดฟังเกี่ยวกับความเป็นมาของเสาหินนี้ แน่นอนว่าปฏิกิริยาของแต่คนก็แตกต่างกันไป
“……………..”
คาร์ลตัดสินใจเพิกเฉยต่อฮิลส์แมนที่ยังคงยืนนิ่งราวกับสติหลุด ราอนขยับเข้าใกล้คาร์ลและเริ่มพูดอย่างระมัดระวัง
“เราก็แค่ไม่ต้องสนใจมันก็พอแล้วกระมัง..เพราะยังไงมันก็อยู่มาได้ตั้ง100,000ปีแล้วนี่นา”
‘..อ่า..ยิ่งเขาโตขึ้น..เขายิ่งถอดแบบฉันมาเกือบหมด’
คาร์ลรู้สึกภูมิใจเมื่อเห็นราอนมีความคิดเช่นเดียวกับตน ในขณะที่อูฮาเบ็นนั้นมีความเห็นที่ต่างออกไป
“น่าสนใจยิ่งนัก”
“เป็นเช่นนั้นหรือ?”
“ใช่..ข้ารู้สึกทึ่งกับมัน”
แววตาของมังกรทองเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ คาร์ลยังคงจ้องไปที่อูฮาเบ็นและพูดขึ้น
“ท่านอูฮาเบ็น..แล้วทำไมท่านไม่ตรวจสอบมันดูสักหน่อยล่ะ?”
“ข้ารึ?”
“ใช่แล้ว..ท่านอูฮาเบ็นผู้ยิ่งใหญ่..ไม่ใช่ว่าท่านเหมาะสมที่สุดที่จะค้นหาความลับของเสาหินนี้หรอกหรือ?”
อูฮาเบ็นส่งเสียงเยาะผ่านลำคอเมื่อได้ยินสิ่งที่คาร์ลพูด เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเจตนาของคาร์ลคืออะไร
“กำลังผลักภาระมาให้ข้างั้นหรือ?”
“แล้วมันไม่ใช่ความจริงหรอกรึ?..ที่ท่านอูฮาเบ็นคือคนที่ฉลาดที่สุดในบรรดาพวกเราทุกคน”
“คำถามของข้าช่างไร้ประโยชน์เสียจริง”
คาร์ลมั่นใจว่าเห็นมุมปากของอูฮาเบ็นยกสูงขึ้น มังกรตัวนี้ชอบให้คนยกยอและชมเชยตัวเอง
“อืม…เพราะความจริงที่ว่าข้าฉลาดที่สุด..ข้าจะแกล้งลืมเจตนาของเจ้าแล้วทำตามที่เจ้าพูดแล้วกัน”
ในที่สุดอูฮาเบ็นก็ตกลงที่จะตรวจสอบเสาหินต้นนี้ อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เพราะคำเยินยอของคาร์ลแต่เป็นเพราะเขาอยากรู้ความจริงเกี่ยวกับออร่าที่ออกมาจากเสาหินต้นนี้
‘มันแปลกมาก’
เขาไม่สามารถบอกสิ่งที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับออร่าที่มาจากเสาต้นนี้ได้ มันคุ้มค่าที่จะลองตรวจสอบดู มันอาจเป็นโอกาสที่ทำให้เขาสามารถไขความลับที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณได้
คาร์ลขยับเข้าใกล้อูฮาเบ็นและเอ่ยเสนอความคิดเห็นออกไป
“ถ้าเช่นนั้น..ท่านไม่ควรอยู่ที่นี่เพื่อตรวจสอบมันหรอกหรือ?”
ราอนเป็นคนแรกที่เอ่ยตอบรับข้อเสนอของคาร์ล
“มารับประสบการณ์จริงๆของเราที่นี่กันเถอะ!”
อูฮาเบ็นไม่สนใจสิ่งที่ราอนพูดก่อนหันไปมองคาร์ล ใบหน้าของคาร์ลเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ มังกรวัยชราผู้นี้เป็นประเภทที่มักล้อเล่นกับความตั้งใจจริงของผู้อื่น อูฮาเบ็นอมยิ้มเมื่อเห็นรอยยิ้มอันอึดอัดใจของคาร์ลและส่ายศีรษะของตนเบาๆ
“ใช่..เจ้านี่มันฉลาดจริงๆ..เจ้าคงจะต้องพาลูกน้องของเจ้ามาที่นี่ด้วยสินะ?”
“มันจะไม่ดีกว่าหรือ?..หากให้ทุกคนมีประสบการณ์ล้ำค่าแบบนี้ร่วมกัน”
อูฮาเบ็นอ่านคาร์ลได้อย่างง่ายดายว่าเขาต้องการสอนบทเรียนให้กับราอนเพื่อให้มันสามารถดำเนินการเรื่องต่างๆในสถานที่ที่คาร์ลเรียกว่าที่ซ่อนให้เรียบร้อยปลอดภัยที่สุด
“นำลูกน้องของเจ้ามาที่นี่แต่ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่หรอกนะ”
ราอนซึ่งกำลังร่ายพลังเวทย์เพื่อเติมน้ำใส่น้ำพุหันขวับมาทางพวกเขาทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่อูฮาเบ็นเอ่ยออกมา
“ทองคำ!..เจ้าจะไม่อยู่ที่นี่ได้อย่างไร?..ข้าต้องการเจ้านะ!”
อูฮาเบ็นถอนหายใจยาว ราอนบินออกจากน้ำพุก่อนตรงมายังจุดที่อูฮาเบ็นยืนอยู่อย่างรวดเร็ว
“เจ้าทองคำ!..อยู่ที่นี่กับเราสิ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ให้ตายเถอะ”
อูฮาเบ็นมองไปที่ราอนด้วยความเหลือเชื่อ
“เจ้าหนูน้อย..เจ้าเป็นมังกรจริงๆหรือเปล่า?”
“…เจ้ากำลังยั่วโมโหข้างั้นหรือ?”
คาร์ลที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างมังกรทั้งสองรีบเอ่ยแทรกอย่างรวดเร็ว
“ท่านคิดจะติดตั้งสัญญาณเคลื่อนย้ายมวลสารไว้ที่นี่หรือเปล่า?”
“ใช่..มันง่ายที่จะทำเช่นนั้นเมื่อเรารู้พิกัดที่ชัดเจนแล้ว”
ราอนที่ยืนฟังคำถามของคาร์ลและคำตอบจากอูฮาเบ็นจบแล้วจึงผละกลับไปยังน้ำพุเงียบๆและเริ่มเล่นน้ำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไอกู…เจ้าเด็กน้อยของข้า”
อูฮาเบ็นถอนหายใจออกมาเบาๆ อย่างไรก็ตามคาร์ลกำลังจ้องไปที่อูฮาเบ็นด้วยหัวใจที่กระหน่ำเต้นด้วยความตื่นเต้น
‘ฉันจะมีสัญญาณเคลื่อนย้ายมวลสารไปยังถ้ำมังกรทองได้โดยตรง’
มันจะเป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบหากเขาต้องการความช่วยเหลือจากมังกรทองหากมีอะไรเกิดขึ้นในดินแดนแห่งนี้
คาร์ลพูดขึ้นราวกับเป็นเรื่องง่ายๆในการติดตั้งสัญญาณเคลื่อนย้ายมวลสารทางไกล
“ถ้าเช่นนั้น..ท่านอูฮาเบ็นข้ามั่นใจว่าท่านต้องรู้พิกัดของถ้ำที่ท่านอยู่อย่างแน่นอน..ดังนั้นเราก็เพียงแค่หาพิกัดของที่นี่เพื่อให้ท่านสามารถติดตั้งสัญญาณได้…ลูกน้องของข้าที่พักอยู่ที่นั่นก็สามารถข้ามผ่านสัญญาณมายังที่นี่ได้เลย”
“ใช่แล้ว..ข้าจะรีบจัดการมันเรียบร้อยเพราะมันน่ารำคาญเกินไป”
คาร์ลมองไปที่อูฮาเบ็นด้วยสายตาอ่อนโยนเมื่อได้ยินว่าเขาจะรีบจัดการทุกอย่างโดยเร็วที่สุดเพราะมันเป็นเรื่องที่น่ารำคาญกับเขาเกินไป มังกรตนนี้ต้องมีด้านดีๆอย่างแน่นอน
“ข้าจะทำกับเจ้าเอง!”
“มีอะไรที่ข้าน้อยพอช่วยได้หรือไม่ขอรับ?”
คาร์ลรู้สึกผ่อนคลายลงเมื่อเห็นราอนและฮิลส์แมนอาสาช่วยอูฮาเบ็น เขากำลังคิดถึงสมาชิกที่เหลือที่จะเข้าร่วมกลุ่มกับเขาในอีกไม่ช้านี้
‘คงเป็นเวลาสำหรับการฝึกฝนสินะ’
จะดีกว่าไหมถ้าให้พวกเขาพยายามฝึกมากขึ้นกว่าเดิม? พวกเขาอาจต้องการแรงจูงใจในการทำเช่นนั้น
.
.
.
ตอนนี้สมาชิกทั้งหมดได้มารวมตัวกันที่คฤหาสน์หลังโตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พวกเขากำลังพากันสำรวจบริเวณห้องโถงชั้นหนึ่งของคฤหาสน์ห้าชั้นแห่งนี้
คาร์ลส่งฮิลส์แมนให้ออกไปรับฮันส์พร้อมกับเด็กๆจากเผ่าหมาป่าทั้งสิบคน เมื่อสัญญาณเคลื่อนย้ายมวลสารถูกติดตั้งเป็นที่เรียบร้อยพวกเขาก็พากันข้ามมายังที่นี่ยกเว้นเพนดริกเพียงผู้เดียวที่ต้องอยู่โยงเฝ้าถ้ำมังกรทอง
พวกเขาไม่สามารถซ่อนความตกใจไว้ได้เมื่อเห็นที่นี่เต็มตา คาร์ลเริ่มพูดกับพวกเขาทุกคนเมื่อเห็นว่าพวกเขาเริ่มสงบลงแล้ว
“สำรวจโดยรอบทั้งหมด..แล้วเลือกเอาว่าจะพักห้องไหนระหว่างชั้นสองและชั้นสี่…ส่วนชั้นห้าเป็นห้องของข้า”
“เราจะพักอยู่ที่นี่หรือขอรับ?”
“ใช่”
ดวงตาของฮันส์เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
เมี้ยว!!
เมี้ยว!!
ออนและฮงเดินเข้ามาใกล้คาร์ลเช่นเดียวกับราอน พวกมันเงยหน้าขึ้นมองคาร์ลก่อนที่ราอนจะเอ่ยถามคาร์ลขึ้น
“ห้องของเราอยู่บนชั้นห้างั้นรึ?”
“…ทำไมเจ้าถึงบอกว่าเป็นห้องของเราล่ะ?”
‘ให้ตายเถอะ!..นี่ห้องของฉันกลายเป็นห้องของเด็กๆไปตั้งแต่เมื่อไหร่?’
“หืม?..มนุษย์..แล้วถ้าอย่างนั้นห้องของพวกข้าอยู่ที่ไหนล่ะ?”
“…ถ้างั้นก็เอาตามที่พวกเจ้าสบายใจเถอะ”
คาร์ลคิดว่ามันน่ารำคาญเกินไปหากต้องมานั่งพูดคุยกับเด็กๆที่กำลังสับสนว่าจะเลือกพักห้องไหนดีจึงตัดบทออกไปเช่นนี้ ชั้นห้าเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่มันกว้างพอที่จะให้เขาแบ่งปันกับเด็กๆทั้งสามได้
คาร์ลละสายตาออกจากเด็กๆเพื่อมองไปรอบๆ
บารอคแตะฝุ่นบนราวบันไดก่อนจะถอดถุงมือสีขาวของตนออกทันที คาร์ลไม่สามารถรู้ได้ว่าตอนนี้บารอคกำลังคิดอะไรอยู่
คาร์ลย้ายสายตาไปมองสมาชิกคนอื่นๆที่กำลังเดินสำรวจรอบๆคฤหาสน์ก่อนจะหยุดสายตาลงที่เชวฮัน
เชวฮันดูเหมือนจะเป็นคนที่ตกตะลึงกับสถานที่แห่งนี้มากที่สุด
“…กระผมไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีสถานที่แบบนี้ในป่าแห่งความมืดด้วย”
ตอนนี้คาร์ลยืนอยู่ตรงกลางระหว่างเชวฮันและโรสลิน คาร์ลเข้าใจความรู้สึกของเชวฮันดีว่าเป็นเช่นไร
‘เขาอาศัยอยู่ในป่าแห่งความมืดมาเกือบสิบปีและต้องทุกข์ทรมานกับมันมาไม่น้อย’
นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เชวฮันรู้สึกไม่พอใจที่สถานที่สงบๆแบบนี้มีอยู่ในป่าแห่งความมืดด้วย คาร์ลได้ยินเสียงชื่นชมจากโรสลินดังมาจากข้างๆเขาเช่นกัน
“สภาพของมันยังคงดูดีแบบนี้ได้อย่างไรทั้งๆที่ผ่านมาเกือบ10,000ปีแล้ว?..มันเหมือนกับคฤหาสน์หลังนี้ถูกทิ้งให้รกร้างเพียงหนึ่งปีเท่านั้น”
โรสลินหันมามองคาร์ลพร้อมกับแสดงความคิดเห็นของตนเอง
“จริงอย่างที่ท่านว่า..ที่นี่มันให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ..มันไม่ได้ให้ความรู้สึกว่ามันผ่านมาเกือบ10,000ปีแม้แต่น้อย..มันเหมือนกับเวลาถูกหยุดนิ่งเอาไว้”
“นายน้อยคาร์ลพูดถูก…มันเป็นความรู้สึกแบบนั้น”
เวลาถูกหยุดลง นั่นคือคำอธิบายที่ถูกต้องที่สุดกับสถานที่แห่งนี้
โรสลินเห็นด้วยกับคาร์ลพลางแต้มรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของเธอ คาร์ลพูดขึ้นลอยๆเมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอแล้ว
“ท่านโรสลิน..ท่านรู้หรือไม่ว่าสถานที่นี่คืออะไร?”
“มันคือสถานที่ที่ท่านได้รับพลังปฐพี”
“ถูกต้อง”