Trash of the Count’s family - ตอนที่ 131-2
บทที่ 131 ไม่กลัว 2 (2)
“นายน้อย..รีบตามกระผมมาขอรับ!”
ฮิลส์แมนชี้ดาบไปยังร่างสัตว์ประหลาดยักษ์ราวกับไม่กลัวมันแม้แต่น้อย คาร์ลจึงเอ่ยถามฮิลส์แมนซึ่งกำลังแสดงความกล้าหาญให้เขาได้ชมแทบจะทันที
“เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“…อะไรนะขอรับ?”
ฮิลส์แมนรู้สึกสับสนกับคำถามของคาร์ลและตอนนั้นเอง
เคร้ง!
สัตว์ประหลาดยักษ์ค่อยๆทิ้งกระบองในมือของตนลง
ปั้ง!ปั้ง!ปั้ง!
ก่อนจะก้มศีรษะลงแนบพื้นจนเกิดเสียงดัง
ฮิลส์แมนเรียกสติตัวเองกลับมาก่อนหันไปมองรอบๆและพบว่าทั่วทั้งบริเวณเงียบสงัดลงทันที ตอนนั้นเองที่มีเสียงใครบางคนดังแทรกความเงียบขึ้นมา
“อื้ม!..เจ้าฉลาดดีนี่”
เป็นเสียงของอูฮาเบ็นที่เอ่ยชมสัตว์ประหลาดยักษ์ตนนี้
ฮิลส์แมนชะงักไปกับคำพูดของอูฮาเบ็นก่อนจะได้เห็นในสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาตลอดช่วงชีวิตของเขา
“เฮ้!”
กรรจ์!
“นำทางพวกเราไปยังใจกลางป่าที!”
กรรจ์!
สัตว์ประหลาดรีบหยัดกายลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว มันเร็วจนฮิลส์แมนรู้สึกว่าเขาได้เห็นอัศวินในร่างสัตว์ประหลาดที่ได้รับการฝึกฝนให้เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว
ปั้ง!
สัตว์ประหลาดหยิบกระบองประจำกายขึ้นมาจากพื้นก่อนจะขว้างมันใส่ต้นไม้เตี้ยๆที่อยู่ด้านข้างทันที
บู้ม!!!
ต้นไม้โค่นลงอย่างรวดเร็ว ฮิลส์แมนอ้าปากค้างเมื่อเห็นความแข็งแกร่งของสัตว์ประหลาดตนนี้แต่การกระทำของมันหลังจากนี้ยิ่งทำให้เขาประหลาดใจขึ้นเรื่อยๆ
สัตว์ประหลาดกำลังนำทางพวกเขาโดยจัดการทำลายสิ่งกีดขวางต่างๆตามเส้นทางที่พวกเขาต้องเดินผ่าน ต้นไม้ ก้อนหิน ต้นหญ้าไมมีอะไรรอดพ้นไปจากฝีมือของสัตว์ประหลาดที่ต้องการสร้างเส้นทางเดินให้กับอูฮาเบ็นไปได้แม้แต่นิดเดียว
“ไปกันเถอะ”
ฮิลส์แมนเก็บดาบเข้าฝักตามเดิมเมื่อได้ยินเสียงกระตุ้นจากอูฮาเบ็น ในตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงธรรมชาติอันแข็งแกร่งของมังกรแล้ว อย่างไรก็ตามฮิลส์แมนไม่สามารถก้าวเดินไปได้อย่างใจคิด
“…นายน้อย?”
“เฮ้!..ทำไมเจ้าถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?”
อูฮาเบ็นเอ่ยถามคาร์ลด้วยความสับสนในขณะที่ราอนก็เริ่มกังวล
“มนุษย์!..สิ่งที่อยู่ในมือเจ้า!..มันคือสายฟ้าไม่ใช่รึ!”
มีลูกไฟสีฟ้าขนาดเล็กลอยวนอยู่ในฝ่ามือของคาร์ล
“ทำไมเจ้าถึงใช้มันโดยไม่บอกอะไรเลย!..เดี๋ยวเจ้าก็เป็นลมไปหรอก!”
แม้ว่าราอนจะตะโกนเสียงดังเพียงใดแต่มันไม่ได้ลอดเข้าไปในหูของคาร์ลแม้แต่น้อย
ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!
หัวใจของเขากระหน่ำเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาในพื้นที่นี้
คาร์ลก้มลงมองพื้นดิน
มีออร่าบางอย่างที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน ออร่านั้นทำให้เกิดลูกไฟลอยวนอยู่ในมือของเขา
ตึกตัก!!ตึกตัก!!ตึกตัก!!
นอกจากนี้พละกำลังแห่งดวงใจก็กำลังทำงานอย่างหนักหน่วง
“…เอ๋?”
คาร์ลเริ่มงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ฟิ้ว!!!!วิ้ว!!!!
ลมกรดเริ่มรวมตัวกันที่เท้าของเขา เสียงเรียกของวายุกำลังสร้างพายุขนาดเล็กบนฝ่าเท้าทั้งสองข้าง
และในที่สุด
ผ่าง!!!
มีโล่เงินขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนฝ่ามือข้างซ้ายของเขา แน่นอนว่ามันคือโล่นิรันดร์กาล
‘…เกิดอะไรขึ้น?..แปลก..มันแปลกมาก?’
คาร์ลนึกถึงสิ่งที่อยู่ในหนังสือเล่มเก่าที่เอลฟ์เป็นผู้มอบให้
<ก่อนที่เขาจะไปช่วยโลกจากภัยมืดเขาทิ้งข้าวของเครื่องใช้ต่างๆของตนเองรวมทั้งสิ่งของของเพื่อนๆไว้ในบ้านเกิดของเขา>
หนึ่งมนุษย์สองมังกรที่เหลือต่างพากันขยับเข้าไปใกล้คาร์ล สายตาที่อูฮาเบ็นจ้องไปที่คาร์ลเต็มไปด้วยความสนใจในขณะที่ราอนเต็มไปด้วยความกังวล
“มนุษย์!..เกิดอะไรขึ้น?..พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณมีปัญหางั้นหรือ?”
คาร์ลเริ่มพูดออกมาช้าๆ
“…ข้ารู้สึกได้ว่ามันอยู่ที่ใด”
มันเป็นช่วงเวลาแห่งการฉลองชัยสินะ!
คาร์ลเร่งฝีเท้าออกเดินทันที เขาละสายตาไปมองอูฮาเบ็นและพูดขึ้น
“ไปกันเถอะ!”
“อืม..เดี๋ยวข้านำเอง”
อูฮาเบ็นยังคงมองคาร์ลด้วยความสนใจในขณะที่เท้าก็ก้าวไปเดินนำหน้าคาร์ล เขาตรงไปยังสัตว์ประหลาดเพื่อบอกให้มันรู้ว่ามาผิดทาง
การเคลื่อนไหวของอูฮาเบ็นเร็วมากจนคาร์ลต้องเรียกใช้งานเสียงเรียกของวายุ ราอนรีบร่ายเวทย์ให้กับฮิลส์แมนเพื่อให้ฮิลส์แมนสามารถตามพวกเขาได้ทัน
คาร์ลแจ้งให้อูฮาเบ็นทราบว่าพวกเขาต้องไปที่ใด
“เลี้ยวไปทางซ้าย”
บู้ม!!บู้ม!!บู้ม!!บู้ม!!
พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณในร่างกายของเขาเช่นเดียวกับพื้นดินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขากำลังบอกว่าเขาควรไปยังทิศทางใด มันยากที่จะอธิบายสิ่งนี้เป็นคำพูดได้
“ไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือ”
“ตอนนี้พวกเราถึงทิศตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว”
ในที่สุดคาร์ลก็หยุดฝีเท้าลงเมื่อผ่านมาได้ระยะหนึ่ง
ตอนนี้พวกเขาถึงเขตชายแดนทิศเหนือของพื้นที่ด้านในแล้ว
คาร์ลมองเห็นหินขนาดใหญ่ได้จากจุดนี้
มันเป็นหินที่มีความสูงมากกว่าคาร์ลสามเท่า ลักษณะของมันก็คล้ายๆกับโขดหินขนาดใหญ่ที่พบได้ทั่วไปในอาณาเขตเฮนิตัส
“อยู่ที่นี่งั้นรึ?”
อูฮาเบ็นหันไปถามคาร์ล อย่างไรก็ตามเขาไม่จำเป็นต้องฟังคำตอบจากคาร์ลด้วยซ้ำ
“ข้าคิดว่าคงใช่แล้วล่ะ”
คาร์ลยิ้มกว้าง
‘พวกมันกำลังปั่นป่วน’
พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณทั้งสี่อย่างในร่างกายของเขากำลังปั่นป่วนอย่างรุนแรง
‘…จริงหรือเปล่านะ?’
เพื่อนๆของเจ้าของพลังศิลานั้นใช่กลุ่มเดียวกับเจ้าของพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เขาได้ครอบครองไว้หรือเปล่า?
คาร์ลเริ่มยิ้มอีกครั้งและตอนนั้นเอง
เฟี้ยว!!!
ลูกไฟสีฟ้าที่ลอยวนอยู่ในฝ่ามือของคาร์ลกำลังมุ่งหน้าไปยังโขดหิน
ก่อนที่โขดหินและลูกไฟจะปะทะเข้าหากัน
บู้ม!!! บู้ม!!! โครม!!
โขดหินเริ่มสั่นสะเทือนทันทีที่ทั้งสองปะทะเข้าหากัน คาร์ลรู้สึกถึงเสียงที่ดังก้องอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา
โขดหินเริ่มร้าวขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนั้นเองที่เสียงของชาวต่างถิ่นเริ่มพูดขึ้นในใจของเขา มันเป็นเสียงทุ้มอ่อนโยนที่ดูคล้ายกับคนรักในความยุติธรรมยิ่งชีพ
‘ฉันมาถูกที่แล้ว’
คาร์ลรู้สึกปลื้มใจยิ่งนัก
-เพื่อนของข้า!.ในที่สุดเจ้าก็มาสักที..ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนักผู้ที่เป็นทั้งมิตรและศัตรูของข้า..เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้า——..เอ๊ะ!-
จากนั้นเสียงที่เขาได้ยินก็เปลี่ยนเป็นกระวนกระวายขึ้น
– เอ๋? –
น้ำเสียงฟังดูสับสันขึ้นเรื่อยๆ
– เกิดอะไรขึ้น?-
เสียงทุ้มนุ่มลึกของผู้เป็นเจ้าของศิลายักษ์อันตรายเริ่มตกประหม่าจนคาร์ลสัมผัสได้
– นอกจากจะมีเจ้าขี้งกแล้ว…ยังมีเจ้าหัวขโมย..เจ้าขี้แยและแม้แต้เจ้าตะกละก็อยูที่นี่ด้วย?-
เจ้าขี้งกคือ เจ้าของอัคนีทำลายล้าง
เจ้าหัวขโมยคือ เจ้าของเสียงเรียกของวายุ
เจ้าขี้แยคือ เจ้าของพละกำลังแห่งดวงใจ
ส่วนเจ้าตะกละนั้นคงเป็นเจ้าของโล่นิรันดร์กาล
-เจ้าเป็นใครกัน?-
คาร์ลเริ่มแนะนำตัวเอง
“ข้าชื่อคาร์ล..เฮนิตัส”
ไชโย! ในที่สุดก็เจอแล้ว!