Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 372
TXV – 372 เลือกใคร ?
ในตอนนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญทุกคนได้รับการตรวจเสร็จเรียบร้อยผลที่ออกมาไม่มีปัญหาอะไรเลย พวก เขาสุขภาพดี เรื่องเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่คาดกันไว้ก่อนหน้านี้ไม่มีอยู่ในตัวพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่จู่ๆเรื่องที่น่าแปลกใจก็เกิดขึ้นกับเหล่าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ เมื่อพวกเขาตรวจไปที่ร่างกายของ ศพรัซโซลและเฉินเค่อเฉวียน พวกเขาก็ไม่พบสารพิษ เชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียใดๆเช่นกัน
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
กลับมาที่เซี่ยเหลีย ในตอนนี้เขาไม่เห็นความหวังที่จะเข้าร่วมการสํารวจครั้งต่อไปได้แล้ว ดังนั้นเมื่อ เขาส่งรายงานเรียบร้อยเขาก็ตั้งใจจะกลับทันที
ด้านหวางเหล่ยเมื่อได้รับรายงานของเซี่ยเหล่ย เขารีบตรวจสอบเนื้อหาภายในทันทีพร้อมกับความรู้สึกที่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเซี่ยเหลี่ยเพราะเขาเองก็ไม่ต้องการให้เซี่ยเหลี่ยอยู่ที่นี่อีกแม้เพียงหนึ่งวินาทีก็ตาม
หนิงจิงที่เดินมาหาเซี่ยเหลี่ยและรู้ว่าเขากําลังจะกลับแล้ว เธอรวบรวมความกล้าก่อนจะถามไปว่า “เซียเหล่ย คุณจะกลับมาที่นี่อีกรึป่าว ?”
“ยังไม่แน่ใจแต่คิดว่าคงไม่แล้ว” เซี่ยเหลี่ยตอบเพราะเขาไม่รู้ว่าจะกลับมาที่นี่อีกทําไม
“คือ งั้นฉันค่อยออกจากที่นี่ไปหาคุณเอง” หนิงจึงพูด
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะพูดอย่างจริงจังว่า “จําคําเตือนของผมเอาไว้ถ้าไม่จําเป็นอย่าเข้าไปแตะต้องกับอัลลอยโบราณสองชิ้นนั้นเด็ดขาด”
หนิงจึงพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “อืม…แต่ยังไงซะฉันก็ไม่มีความจําเป็นที่จะไปแตะต้องอัลลอยโบราณ พวกนั้นหรอกนะ เพราะฉันเป็นนักโบราณคดีมีหน้าที่เฉพาะงานทางโบราณคดีเท่านั้น” พูดเสร็จก็ยิ้ม
เซี่ยเหล่ยเองก็ยิ้มเช่นกันจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “จะว่าไม่เกี่ยวมันก็พูดได้ไม่เต็มปากหรอกนะ เพราะคุณเองก็มีส่วนร่วมในโครงการวิจัยนี้ และคุณก็ยังเป็นนักโบราณคดี ไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องใกล้ชิดกับพวกมันอยู่ดี แต่ก็เอาเถอะ ครั้งหน้าโทรหาผมก่อนนะ ผมจะพาคุณไปดื่มชาเอง”
“เอ่อ…. ” หนิงจึงพูดเกริ่นก่อนที่ใบหน้าจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมพูดว่า “กอดฉันหน่อยสิ”
เซี่ยเหลี่ยที่ได้ยินก็รู้สึกตกใจทันที
ด้านหนิงจิงที่พูดเสร็จก็รีบปิดตาลง
นอกจากเรื่องจบแล้ว เซี่ยเหลี่ยไม่คาดคิดมาก่อนว่าหนิงจึงจะมีความกล้าได้มากขนาดนี้
เซี่ยเหลยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่สุดท้ายจะเดินไปกอดเธอพร้อมกับตบหลังเบาๆและพูดขึ้นว่า “คุณเข้าไปเถอะ ผมจะกลับแล้ว”
“แค่ก แค่ก …ไปกันได้แล้ว” หลงบึงพูดพร้อมกระแอ่มในลําคอ
หลังจากล่ําลากันเรียบร้อยพวกเขาก็เดินไปคนละทางด้านหนิงจิง เธอรีบวิ่งกลับเข้าไปในฐานทัพอย่างรวดเร็ว ท่าวิ่งของเธอแปลกมาก มันเหมือนกับม้าที่เพิ่งอาบน้ําเสร็จยังไม่แน่ใจว่าเหตุผลทั้งหมดของเธอคืออะไรจึงรีบวิ่งออกไป แต่ที่มั่นใจได้คือตอนนี้เธอทั้งรู้สึกเขินอายและดีใจอย่างมาก
“นุ่มสินะ” หลงบังพูด
เซี่ยเหลียที่กําลังงงจึงถามเธอออกไปว่า “คุณหมายความว่ายังไง?”
“หน้าอกของเธอไง” หลงบิงตอบ
เซี่ยเหลียเข้าใจเธอทันที เขามองไปที่หลงบึงก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณคิดอะไรของคุณเนี่ย เราก็แค่กอดกันเมื่อจะจากกันก็เท่านั้น ใครๆก็ทํากัน ผมไม่ได้หวังอะไรแบบนั้นซักหน่อย”
หลงบิงหัวเราะเสียงดังก่อนจะพูดว่า “เธอตัวเล็กมากเมื่อเทียบกับขนาดหน้าอกที่ใหญ่โตของเธอ ฉันอยากจะรู้ว่าเธอใส่ฟองน้ําหรืออะไรเพื่อช่วยให้ขนาดดูใหญ่หรือเปล่า? คุณพอจะบอกฉันได้ไหม? ยังไงซะคุณก็น่าจะรู้นะเพราะหน้าอกของคุณก็สัมผัสกับหน้าอกของเธอเต็มๆ”
เซี่ยเหลี่ย” “
“ไม่อยากตอบงั้นเหรอ?” หลงบิงถามซ้ํา
“คุณต้องการอะไรกันแน่?” เซี่ยเหล่ยถามเพื่อความแน่ใจ
“ตัวคุณ!” หลงบังตอบ
“ฮ่าฮ่า …” เซี่ยเหลียหัวเราะ
ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอแต่หลงวิ่งในตอนนี้แตกต่างกันมากจากหลงบึงก่อนหน้านี้
เมื่อออกจากตัวอาคาร เซี่ยเหลี่ยได้รับข้าวของทั้งหมดที่เขาเอาเข้าไปภายในไม่ได้เมื่อตอนที่เข้าไป เมื่อได้รับของทุกอย่างกลับมาแล้ว เขาก็มองไปที่สร้อยคอของตัวเองและรู้สึกลังเลใจเล็กน้อย
แม้ว่าตอนนี้จะออกมาจากฐานทัพแล้วแต่เซี่ยเหล่ยก็ยังคงมีความรู้สึกลังเลใจอยู่ ในครั้งแรกเขาเพียงรู้สึกลังเลใจแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ด้วยการที่คิดเรื่องนี้อยู่ในใจตลอดทําให้ความลังเลของเขาเพิ่มขึ้นว่าจะกินแคปซูล AE ที่อยู่ในจี้ห้อยคอเลยตอนนี้ดีหรือไม่?
มันเป็นเรื่องที่ตัดสินใจยากจริงๆ
“ได้ยินมาจากถ่างหยู่เหยี่ยว่าคุณจะไปรัสเซียเพื่อเข้าร่วมนิทรรศการอาวุธใช่ไหม?” จู่ๆหลงบึงก็ถามขึ้นมาบรรยากาศในรถที่เงียบก่อนหน้านี้ได้หายไปทันที
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “ใช่แล้ว…ตอนนี้ปืนไรเฟิลของเราถือว่าเป็นปืนที่ดีที่สุด เราจะต้องทําให้โลกรู้จักเรามากขึ้นด้วยปืนไรเฟิลที่ผมจะนําไปแสดงด้วยในครั้งนี้”
จังหวะนี้หลงวิ่งได้ถามหยั่งเชิงเซี่ยเหล่ยขึ้นว่า “เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็นหลักหรือเปล่า? ความเป็นจริง คุณต้องการเรียกยอดคําสั่งซื้อจากต่างประเทศไม่ใช่หรอกเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะตอบกลับไปว่า “มันก็ถือเป็นเรื่องที่นี่ที่เราจะได้คําสั่งซื้อจากต่างประเทศ มันจะช่วยให้ประเทศของเราเติมโตมากขึ้น”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี แต่ฉันอยากจะเตือนคุณไว้ก่อนเลยว่าการซื้อขายอาวุธไม่ใช่เรื่องง่ายๆหรอกนะ” หลงบึงพูดก่อนจะพูดอีกว่า “คุณไม่สามารถขายให้กับประเทศที่ไม่เป็นมิตรกับเราหรือเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศ ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ๆ”
“เข้าใจแล้ว ผมจะระวัง ขอบคุณนะ” เซี่ยเหลี่ยตอบ
“นอกจากนี้ ฉันคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้พอสมควร จะเป็นการดีกว่าถ้าคุณไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นจนเกินไป” หลงบึงพูด
เซี่ยเหลี่ยได้แต่ยิ้มแห้งๆ และไม่ได้พูดอะไรต่อ
เมื่อกลับเข้ามาในเขตตัวเมือง หลงทิ้งได้เดินทางกลับไปยังสํานักงานลับ10i ส่วนเซี่ยเหล่ยก็เดินทางไปหาถ่างหยู่เหยี่ยที่บ้านของเธอก่อนหน้านี้ถ่างหยู่เหยี่ยได้บอกให้เขาหาของขวัญติดไม้ติดมือไปบ้าง ทําให้เขาคิดว่าถ้าจะซื้อของราคาแพงๆไปก็จะดูตลกจนเกินไปเพราะถ่างถ่างหลงร่ํารวยพอที่จะซื้อทุกอย่างที่เขาต้องการได้อยู่แล้ว มันคงไม่จําเป็นที่จะต้องซื้ออะไรแพงๆ
เมื่อคิดดังนั้นเซี่ยเหลียจึงเลือกที่จะซื้อของที่ราคาไม่แพงแต่มากด้วยคุณค่าทางจิตใจเพราะเขาเลือก เองกับมือนั่นก็คือกล้วยไม้
เวลาผ่านไปนานพอสมควรเซียเหล่ยก็ขับรถมาถึงบ้านของถ่างหยู่เหยีย ถ่างหยู่เหยี่ยที่รู้ว่าเซียเหล่ยมาถึงแล้วก็เดินออกมาต้อนรับเขา และเมื่อเห็นเขาเดินมาพร้อมกับกล้วยไม้ เธอก็พูดขึ้นว่า “คุณจําที่ฉันบอกไป ก่อนหน้านี้ไม่ได้งั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนตอบกลับไปว่า “นี่ไม่ใช่ดอกไม้ธรรมดาซะหน่อย มันคือกล้วยไม้ ผมขับรถผ่านร้าน ดอกไม้เมื่อกี้และเห็นว่ามันน่าสนใจดี จึงซื้อมาเป็นของขวัญ
“ยังไงมันก็คือดอกไม้อยู่ดี” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดเสร็จก็ยิ้มก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า “แต่คุณก็เชื่อคนง่ายดีเหมือนกันนะ ฉันบอกให้คุณซื้อของขวัญมาคุณก็ซื้อมาจริงๆ “
เซี่ยเหล่ยตอบกลับอย่างงุ่มง่ามว่า “มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่… แต่ในตอนแรกผมคิดว่าจะซื้อของราคาแพงๆ แต่คิดไปคิดมาผมว่าอาวุโสถ่างคงไม่ต้องการของเหล่านั้น ผมคิดว่าเขามีมากพอแล้ว ผมจึงไม่ได้ซื้อมา”
จังหวะนี้เสียงของถ่างถ่างหลงก็ลอยมาจากในบ้านว่า “หยู่เหยี่ย ทําอะไรอยู่ ทําไมไม่ให้เซี่ยเหลี่ยเข้ามาหล่ะ รีบพาเขาเข้ามาได้แล้ว”
ถ่างหยู่เหยี่ยสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะยื่นไปมือรับกล้วยไม้จากมือของเซี่ยเหลียและเดินนําเซี่ยเหลี่ยเข้าไปในบ้านทันที
ภายในบ้านถ่างอุ่นห่ายกําลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องนั่งเล่นรวมถึงถ่างถ่างหลงด้วย เมื่อเซี่ยเหลี่ยเดินเข้าไปทุกคนก็มองไปที่เขา
เซี่ยเหลุ่ยยิ้มก่อนจะพูดทักทายขึ้นว่า “สวัสดีลุงถ่าง สวัสดีอาวุโสถ่าง”
“อืม…มานั่งสิ” ถ่างถ่างหลงพูดทักทายเซี่ยเหล่ยพร้อมบอกให้เขานั่งก่อนจะพูดต่ออีกว่า “หยู่เหยี่ย ไปเตรียมน้ําชามาให้เซี่ยเหลี่ยสิแล้วก็เข้าไปในครัวไปช่วยแม่ของเธอเตรียมอาหารด้วยหล่ะ”
“ค่ะ” ถ่างหยู่เหยี่ยตอบพร้อมเดินไปหยิบน้ําชามาให้เซี่ยเหลี่ย
ในตอนนี้ผู้นําทั้งสองรุ่นของชุมนุมถ่างได้มองไปที่เซี่ยเหลี่ยและถ่างหยู่เหยี่ยในขณะที่พวกเขากําลัง
คุยกัน
ถ่างหยู่เหยี่ยได้ในน้ําชาให้เซี่ยเหล่ยก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “นายท่านเหล่ย ได้โปรดจิบน้ําชาไปก่อน ฉันจะรีบไปเตรียมอาหารมาให้นายท่านอย่างรวดเร็ว”
เซี่ยเหล่ยยิ้มแห้งๆและไม่ได้ตอบอะไรเธอ
“ว่าแต่นั่นทุกคนมองอะไรกัน? เราเพียงแค่หยอกล้อกันตามประสาเพื่อนก็เท่านั้นเองที่เป็นแบบนี้เพราะพวกเราสนิทกันมากขึ้นในขณะที่อยู่อัฟกานิสถาน มิตรภาพของอยู่ในรูปแบบของกระสุนปืน เอาหล่ะ…ตอนนี้ฉันไปช่วยแม่เตรียมอาหารดีกว่า” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดเสร็จก็รีบเดินออกไปอย่างงุ่มง่ามทันที
เซี่ยเหลี่ยยิ้มก่อนตอบไปว่า “ใช่แล้ว ผมและถ่างหยู่เหยี่ยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน “
“เรามาพูดเรื่องของเรากันดีกว่า” ถ่างถ่างหลงพูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า “เบื้องต้นได้รับการอนุมัติแล้ว แต่ก็มีเงื่อนไขที่จําเป็นต้องปฏิบัติด้วย”
“เงื่อนไขอะไรครับ ?” เซี่ยเหล่ยถาม
ถ่างถ่างหลงตอบกลับไปว่า “เงื่อนไขแรกคืออเลน่าไม่สามารถเดินทางไปยังกรุงมอสโกได้ เธอไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ หาก CIA พบเธอเข้า มันอาจจะทําให้เรื่องนี้ลําบากมากขึ้นไปอีกได้”
เซี่ยเหลี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “อืม…ผมจะกลับไปพูดกับเธอเอง ว่าแต่เงื่อนไขอื่นหล่ะ?”
“ปืนไรเฟิลที่บริษัทของคุณผลิตนั้นถือว่ามีประสิทธิภาพอย่างมากแน่นอนว่ามันจะดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้เข้าชมได้ไม่น้อย หากมีผู้คนสนใจมากค่สั่งซื้อก็จะมากตามไปด้วยแต่อย่างไรก็ตามจากที่พูดมามัน ก็มีเงื่อนไขอยู่คือคุณไม่สามารถตกลงซื้อขายได้อย่างอิสระ
เซี่ยเหลียนึกถึงคําพูดของหลงบังทันที เขาทําใจไว้ก่อนหน้านี้แล้วจึงพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “เงื่อนไขนี้ไม่มีปัญหาอะไร ผมเข้าใจ”
ในความเป็นจริง โรงงานผลิตอาวุธของเซี่ยเหลี่ยตอนนี้ก็มีคําสั่งซื้อจํานวนมากอยู่แล้ว เขารู้สึกว่า เงื่อนไขนี้ไม่ค่อยมีผลกระทบมากซักเท่าไหร่ในเชิงรูปธรรม แต่ในเชิงนามธรรมเขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยถึง ความอิสระในการตัดสินใจแต่ยังไงซะก็ยังถือว่ายอมรับได้เพราะเป้าหมายในการไปนิทรรศการที่กรุงมอสโกใน ครั้งนี้ก็เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับโรงงานผลิตอาวุธของเขาเป็นหลักเท่านั้น
“เงื่อนไขต่อไปคือคุณไม่สามารถเดินทางไปคนเดียวได้ คุณต้องมีผู้ช่วยไปด้วย” ถ่างถ่างหลงพูดต่อ
เซี่ยเหลี่ยถามกลับว่า “บริษัทของผมมีคนมากมาย ผม… “
ถ่างถ่างหลงขัดคําพูดของเซี่ยเหลี่ยโดยการพูดแทรกขึ้นมาแทนว่า “ผู้ช่วยในที่นี้ไม่ได้หมายถึงคนของคุณ แต่หมายถึงผู้ช่วยที่จะช่วยคุ้มครองความปลอดภัยให้กับคุณ แน่นอนว่าตัวเลือกของคุณมีหลงทิ้งและถ่างหยู่เหยี่ย คุณจะเลือกใคร? “
“เลือกใครงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถามอย่างงุ่มง่าม
ผู้หญิงสองคนทั้งสองคนนี้มีบทบาทต่อชีวิตเขามากทั้งคู่ เขาไม่รู้ว่าจะเลือกใครดี
จังหวะเดียวกันนี้เสียงของถ่างหยู่เหนี่ยก็ดังออกมาจากห้องครัวว่า “ถ้าคุณเลือกหลงบิง ฉันจะเทเกลีอช้อนใหญ่ลงไปในอาหารของคุณ!”
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนจะพูดเสียงดังขึ้นว่า “โอเค งั้นคุณจะไปรัสเซียกับผม “
“ฮ่าฮ่า…ฉันรู้ว่าคุณจะต้องเลือกฉัน” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมยิ้มอย่างมีความสุข
เซี่ยเหลียรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าการที่ถ่างถ่างหลงให้คนของเขาไปด้วยนั้น ความตั้งใจจริงของเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย คนที่จะไปกับเขาด้วยจะไปในนามของผู้ดูแลและผู้ที่คอยจับตาดูเขาเอาไว้ไม่ว่าจะไปที่ไหน พูดคุยกับใคร หรือทําอะไรก็ตาม ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นหลงบิงหรือถ่างหยู่เหนี่ยก็มีค่าเท่ากัน
“การที่หยู่เหยี่ยไปกับคุณด้วยผมก็โล่งใจ” ถ่างถ่างหลงยิ้มก่อนจะพูดต่ออีกว่า “และก็รีบๆเตรียมตัวให้พร้อมไว้หล่ะ”
“ยังมีเวลาอีกเกือบหนึ่งเดือน ยังไม่ต้องรีบขนาดนั้น อย่ากังวลเลย” เซี่ยเหลยพูดพร้อมนึกในใจว่า “หรือจะเป็นถ่างถ่างหลงที่คอยให้คนติดตามและรายงานเรื่องของเรา?”
“นี่เซี่ยเหลีย ตอนนี้ถึงเวลารับประทานอาหารแล้ว มากับผมดีกว่า เราไปที่สนามหลังบ้านกัน” ถ่างยุนห่ายพูดพร้อมมองไปที่เซี่ยเหลีย
“ขอปฏิเสธได้ไหม?” เซี่ยเหลยลองถาม
“ไม่อยากไปงั้นเหรอเพราะผมมันแก่แล้วใช่ไหม?” ถ่างยนห่ายแสร้งทําเป็นเศร้าพร้อมพูดและพูดต่ออีกว่า “ถ้าทําตามที่ผมบอก บางทีผมอาจจะเผยความลับเล็กๆน้อยๆของตระกูลถ่างให้ก็ได้นะ ไม่ต้องการงั้นเหรอ?”
“ได้โปรด สักเพียงเล็กน้อยก็ยังดี!” เซี่ยเหลี่ยรีบขอร้องทันที
ในห้องครัวแม่ของถ่างหยู่เหยีย จางหยู่เหม่ยได้พูดขึ้นสั้นๆว่า “ไม่มีทางเสียหรอก? ถ้าไม่เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลถ่าง เขาก็ไม่สามารถเรียนรู้อะไรได้ !”
ติดตามตอนต่อไป…