Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 373
TXV – 373 ความหลัง !
การจะพูดให้อเลน่าเข้าใจนั้นแม้ว่าพอจะมีหนทางแต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด
ด้วยตัวอเลน่าเอง เธออยากที่จะไปร่วมงานนิทรรศการในครั้งนี้ให้ได้ เนื่องจากมันถือเป็นความฝันและความสําเร็จของเธอ รวมถึงพ่อของเธอด้วยแต่อย่างไรก็ตามเมื่อชั่งน้ําหนักและคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ดีก็จะรู้ได้ว่า มันเป็นไม่ได้เลยที่เธอจะไปร่วมงานได้เพราะเธออาจจะโดนจับตัวโดย CIA ก็เป็นได้
ตอนนี้การเตรียมการทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง กําลังเริ่มดําเนินการตามลําดับความสําคัญ
เซี่ยเหล่ยต้องรีบเปลี่ยนความคิดในหัวของเขาเอง เขาต้องให้ความสําคัญกับบริษัทของเขามากกว่าอัลลอยโบราณพวกนั้น เพราะเหตุนี้หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมาเขาก็บินไปเมืองปูเพื่อจัดการกับบริษัทสาขาย่อยของเขา
บริษัทที่เมืองอู่ตอนนี้สร้างเสร็จเรียบร้อยและพร้อมสําหรับการผลิตแล้วเช่นกัน และเนื่องจากบริษัทใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่และทันสมัย พวกเขาจึงไม่ต้องกลัวคําสั่งซื้อที่อาจจะมีเข้ามามากขึ้นในอนาคตเลย
เซี่ยเหลียยังคงเดินทางไม่หยุด ไม่กี่วันต่อมาเขาก็เดินทางจากเมืองชูไปยังเมืองห่ายจเพื่อกลับไปยังบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้า
ตอนนี้ต้องบอกได้เลยว่ากวนหลิงชานได้กลายเป็นนักจัดการที่เก่งและยอดเยี่ยมมากเพราะแม้ว่าเซี่ยเหล่ยจะไม่ได้อยู่เพื่อคอยควบคุมและจัดการกับบริษัทเอง แต่เธอก็สามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างเรียบร้อย จนตอนนี้บริษัทมีผลกําไรมหาศาล
บริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าเดิมที่เป็นบริษัทเอกชนขนาดเล็กอาศัยเพียงแค่การผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ หรือที่เป็นผลิตภัณฑ์ของตัวเองก็คือสเก็ตบอร์ดอัตโนมัติที่จําหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ในขณะนั้น แม้ว่าจะมีผลกําไรเข้ามาบ้างแล้วแต่ก็เรียกได้ไม่เต็มปากว่าประสบความสําเร็จ แต่กลับกันตอนนี้แม้ว่าเซี่ยเหลี่ยจะนอนอยู่เฉยๆก็มีเงินจํานวนมากเข้ามาในบัญชีของเขาเอง พูดได้เลยว่าตอนนี้เขาประสบความสําเร็จในระดับที่น่าภูมิใจมาก
แม้ว่าทรัพย์สินของเขาในตอนนี้จะไม่สามารถเทียบได้กับเฉินตูเทียนหยินแต่หากปืนไรเฟิลซุ่มยิง XL2500 ของเขาประสบความสําเร็จในตลาดโลก ความเร็วในการเติบโตของเขาอาจจะเทียบเท่าได้กับเฉินตูเทียนหยินเลยก็ว่าได้ นั่นก็เพราะตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้วธุรกิจด้านอาวุธสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ก็เพราะคนส่วนใหญ่ต้องการมีไว้เพื่อป้องกันตัว เพื่อกีฬา เพื่อล่าสัตว์ หรือแม้แต่สงคราม
ยังไม่แน่ใจว่าบริษัทอุตสาหรรมอาชาสายฟ้าจะเติบโตไปได้ไกลขนาดไหนเรื่องนี้ไม่มีใครรู้ได้แม้ว่า ตอนนี้เซี่ยเหลี่ยจะมีทั้งเงินทุนและความสามารถแต่เขาอายุยังน้อย ประสบการณ์ที่มีก็ถือว่ายังไม่มากแถมอํานาจหรือฐานะทางสังคมยังถือว่ายังไม่ดีพอ!
หลังจากกลับไปถึงเมืองห่ายจสิ่งแรกที่เซี่ยเหลี่ยทําคือการรวมบริษัททั้งสามเข้าด้วยกัน และจดทะเบียนเป็นอาชาสายฟ้าคอร์เปอเรชั่น ซึ่งเขาจะเป็นผู้ถือหุ้นเพียงคนเดียวและเป็นประธานบริหารเพียงผู้เดียวเช่นกัน
นายกเทศมนตรีของเมืองห่ายๆ หูชั่วรู้ว่าเซี่ยเหล่ยกลับมาแล้ว เขาก็พยายามพูดโน้มน้าวให้เซี่ยเหล่ยเปิดรับผู้ถือหุ้นรายอื่นเข้าร่วมบริหาร แต่เซี่ยเหลี่ยไม่ต้องการแบบนั้นเขาปฏิเสธทุกคนส่วนหนึ่ง เพราะเขาไม่อยากให้บริษัทของตัวเองมีคนอื่นมีสิทธิในในการร่วมตัดสินใจทิศทางหรือแนวทางของอนาคตบริษัทที่เขาสร้างขึ้นมา
หลังจากเสร็จสิ้นการรวมบริษัทเข้าด้วยกันพร้อมจดทะเบียนแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ยังท่างานต่อ เขาได้วางแผนเพื่อจะพัฒนากิจการของเขาไม่ว่าจําเป็นทั้งสาขาใหญ่หรือสาขาย่อยเนื่องจากตอนนี้ทุกอย่างดูเป็นทางการขึ้นแล้ว เขาจึงต้องการให้สาขาใหญ่ดูมีความเป็นทางการและน่าเชื่อถือมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ รวมถึงสาขาย่อยของเขาด้วย เพราะนี่จะเป็นส่วนหนึ่งของหน้าตาบริษัทที่คนภายนอกสามารถมองเห็นได้ง่ายที่สุด
สําหรับวันนี้ถือเป็นวันที่วุ่นวายมากของเซี่ยเหลีย เขาทํางานโดยไม่ยอมกลับบ้านจนวันนี้ล่วงเลยเป็นวันที่หกแล้ว เขาพยายามทําทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยในที่เดียวก่อนที่จะกลับบ้านได้อย่างสบายใจ
“ประธานเซี่ย ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะทําอะไรดี คุณมีแผนอะไรอีกหรือเปล่า?” กวนหลิงชานพูดกับเซียเหล่ยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
เมื่อบริษัททั้งหมดถูกรวมเข้าด้วยกันและจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ กวนหลิงชานจึงได้เปลี่ยนคํา เรียกจากหัวหน้าเซียกลายเป็นประธานเซียเพื่อให้เหมาะสมกับตําแหน่งและหน้าที่การงานของเขา กวนหลิงชาน เองก็เหมือนกันเธอก็ได้เลื่อนตําแหน่งขึ้นซึ่งตําแหน่งของเซี่ยเหลี่ยตอนนี้กลายเป็นประธานของบริษัทที่อยู่ใน เมืองห่ายจโดยมีกวนหลิงชานเป็นผู้ช่วยของเขาส่วนจูเสียวหงตอนนี้ได้กลายเป็นประธานในสาขาย่อยคือสาขา ที่เมืองชูส่วนฉิงเสวียงได้กลายเป็นประธานของบริษัทผลิตอาวุธโดยมีอเลน่าเป็นหัวหน้าวิศวกรของบริษัทผลิตอาวุธเช่นกัน
เซี่ยเหลียยิ้มก่อนจะพูดว่า “ไม่น่าจะมีอะไรแล้วหล่ะ ตอนนี้ผมอยากกลับบ้านมาก ผมไม่ได้กลับมานานมากแล้ว “
กวนหลิงชานส่งสายตาที่ผิดหวังออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า “ที่จริงฉันและคนอื่นๆกําลังคิดว่าจะชวนคุณไปร้องคาราโอเกะ คุณสะดวกมั้ย ?”
เซี่ยเหลี่ยตอบกลับว่า “ไว้ครั้งหน้าก็แล้วกันนะ วันนี้ผมอยากจะกลับบ้าน พวกคุณทุกคนด้วยรีบกลับบ้านเพื่อพักผ่อนกันด้วยหล่ะ”
“อื่ม…โอเค” กวนหลิงชานตอบแม้ว่าความจริงเธออยากจะให้เซี่ยเหลี่ยไปด้วย
จังหวะนี้เซี่ยเหล่ยก็มองกลับไปที่กวนหลิงชานก่อนจะยิ้มและพูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว…คุณทํางานได้ดีมาก ผมชื่นชมคุณจริงๆว่าแต่คุณอยากได้อะไรหล่ะ?”
กวนหลิงชานส่ายหน้าก่อนจะตอบกลับไปว่า “ประธานเซี่ย เรื่องนั้นไม่จําเป็นหรอกปีที่แล้วฉันเป็นแค่นักศึกษาปีหนึ่งที่ลาออกจากมหาวิทยาลัยมีเงินเดือนเพียงไม่กี่พันหยวนเท่านั้น แต่ตอนนี้ฉันกลับได้เงินเดือนกว่าล้านหยวน แค่นี้ฉันก็รู้สึกขอบคุณคุณมากแล้ว ฉันไม่ต้องการของตอบแทนอย่างอื่นเลย”
หนึ่งปีที่แล้วเธอเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ลาออกจากมหาวิทยาลัย และได้มีโอกาสทํางานให้กับเซี่ยเหล่ยจนตอนนี้เธอได้กลายเป็นผู้ช่วยของเขาที่รับเงินเดือนมหาศาลอีกต่างหาก แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดๆจากเขาอีก
เมื่อเห็นว่ากวนหลิงชานยืนยันคําเดิม เซี่ยเหลี่ยได้ยิ้มก่อนจะพูดว่า “เอาล่ะ ปลายปีนี้ผมจะให้โบนัสก้อนใหญ่กับคุณแทนก็แล้วกัน”
“ขอบคุณประธานเซี่ยล่วงหน้า” กวนหลิงชานพูด
“ว่าแต่คุณคิดจะหาแฟนบ้างหรือยัง?” เซี่ยเหล่ยพูด
จู่ๆใบหน้าของกวนหลิงชานก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและพูดขึ้นอย่างงุ่มง่ามว่า “ประธานเซี่ย ทําไมจู่ๆถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา? ฉันยังเด็กเกินกว่าที่จะมีความรักนะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มก่อนพูดว่า “ก็ไม่มีอะไรมากหากคุณมีแฟนแล้วผมก็จะได้ให้ซองแดงกับคุณเพิ่มอีกนอกซองจากโบนัส “
“ฉัน .. ฉันขอตัวไปทํางานก่อนแล้วดีกว่า” กวนหลิงชานรีบพูดก่อนจะรีบเดินออกจากห้องทํางานของเซี่ยเหลี่ยทันที
ในตอนนี้ดวงอาทิตย์กําลังจะลับขอบฟ้า ความมืดเริ่มเข้ามาแทนที่แสงสว่างเรื่อยๆแล้ว
เซี่ยเหลี่ยรีบออกจากบริษัทไปขึ้นรถ BMW M6 ก่อนจะรีบออกตัวอย่างรวดเร็วเพื่อมุ่งหน้าสู่เขตชนบท
ภาพที่คุ้นเคยและความรู้สึกที่คุ้นเคยที่เซี่ยเหล่ยกําลังสัมผัสอยู่นี้ทําให้เขารู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก เขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้มาเป็นเวลานานแล้ว
ในเขตชนบทเซี่ยเหลี่ยจอดรถบริเวณที่จอด เขาลงจากรถและเดินไปเรื่อยๆก็เจอเข้ากับกลุ่มป้ากลุ่มหนึ่ง พวกเธอกําลังร้องเล่นและเต้นรําอยู่ตรงมุมถนนเมื่อพวกเธอเห็นเซี่ยเหลีย พวกเธอก็รู้สึกแปลกใจก่อนจะพูดขึ้นว่า “นั่นเซี่ยเหลี่ยใช่ไหม?”
“ป้าจ่าว สวัสดี” เซี่ยเหลี่ยทักทายอย่างสุภาพ
“อัยหยา คุณยังสุภาพเหมือนเดิมเลยนะ” เธอพูดเสร็จก็พูดต่อขึ้นอีกว่า “ว่าแต่เจอคนที่ถูกใจหรือยังหล่ะ? ถ้ายังป้าจะช่วยแนะนําให้เอาไหม? “
เซี่ยเหลี่ยไม่พูดอะไรและเดินไปทันที
หลังจากเซี่ยเหลี่ยเดินไปแล้วกลุ่มป้ากลุ่มนั้นก็ยังกระซิบกันต่อเกี่ยวกับตัวเขา
“เมื่อมองไปที่เซี่ยเหลี่ยแล้ว ตอนนี้เขามีบริษัทเป็นของตัวเองแถมขับรถ BMW อีกต่างหากเทียบกับลูกชายที่บ้านฉันแล้ว นี่ย!! มันน่าหงุดหงิดจริงๆ!” ป้าคนหนึ่งพูด
“บ้านของฉันเองก็เหมือนกันมีลูกไม่ได้ความ ฉันละอยากให้เขาได้ซักครึ่งหนึ่งของเซี่ยเหล่ยก็ยังดี” ป้าคนหนึ่งพูด
“เซี่ยเหล่ยก็เป็นคนดีคนนึงหากใครได้เขาไปเป็นสามีจะต้องโชคดีมากแน่ๆ” ป้าคนหนึ่งพูด
“ฉันละอยากให้ลูกสาวของฉันได้แต่งงานกับคนดีๆแบบเขาจริงๆ” ป้าคนหนึ่งพูดพร้อมถอนหายใจ
เซี่ยเหลี่ยที่ยังได้ยินเหล่าบรรดาป้ากลุ่มนั้นพูดถึงตัวเองก็ทําอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มแห้งๆและเดินต่อไป แต่เมื่อเดินไปต่อได้อีกไม่กี่ก้าวเขาก็ต้องหยุดลงเพราะตรงหน้าที่เขาเห็นอยู่มีบุคคลที่เขาคุ้นเคยนั่นก็คือเจียงหยูยี่
เจียงหยู่ยี่ยืนอยู่บนระเบียงในชุดตํารวจ เธอในชุดเครื่องแบบตอนนี้มีเสน่ห์มาก โดยเฉพาะดวงตาของเธอมันสวยและส่องสว่างแม้จะเป็นช่วงค่ําคืนที่มืดมิดในตอนนี้
เมื่อเจียงหยยี่เห็นเซี่ยเหลีย จู่ๆภาพในวัยเด็กของพวกเธอก็ผุดขึ้นมาพวกเขามีความหลังกันหลาย
อย่าง…..
เหตุการณ์ความหลังระหว่างพวกเขาที่เซี่ยเหลี่ยก็รู้สึกนึกถึงขึ้นมาเหมือนกันนั้นทําให้เขายิ้มอย่างสดใสก่อนจะพูดขึ้นว่า “หึ้ยย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คุณเป็นยังไงบ้าง?”
เจียงหยู่จือปากเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับว่า “ก็เหมือนที่เคยทํางานไปเรื่อยๆและบางครั้งก็คิดถึงคนไม่ดีบางคน”
เซี่ยเหล่ยยิ้มเล็กน้อย เขารู้ว่าคนไม่ดีที่เธอหมายถึงคือใครจากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “เราจะไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้วแต่ทําไมคุณพูดอย่างนั้นหล่ะ?”
“ก็ไม่นะ? ฉัน….. “เจียงหยูยพูดและพูดขึ้นอีกว่า “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคุณหรอกนะ”
เซี่ยเหลยเดินเข้าไปใกล้ขึ้นอีกก่อนจะพูดว่า “ใช่มั้ยหล่ะ? เป็นผู้หญิงควรจะอ่อนโยนสิ”
“ถึงจะอ่อนโยนไปก็ไม่มีใครต้องการฉัน …… ” เจียงหยูพูดด้วยโทนเสียงที่ต่ํามาก
จู่ๆในเวลานี้ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้านและเมื่อเธอเห็นเซี่ยเหลีย ใบหน้าของเธอก็มีรอยยิ้มอย่างสดใสก่อนจะพูดขึ้นว่า “อัยหยา นี่ใช่เซี่ยเหลียหรือเปล่า? ไม่ได้เจอกันทั้งสองปีคุณดูหล่อขึ้นมากเลยนะ ฮ่าฮ่า”
ผู้หญิงคนนี้คือแม่ของเจียงหยูยเธอคือหยางหยุ่นตั้งแต่เด็กเซี่ยเหลียรู้ว่าถ้าอยากจะกินขนมจะต้องไปหาใครแน่นอนว่าหยางหยุ่น เธอทําได้อร่อยมากทั้งเซี่ยเหลี่ยและเซี่ยเสวียรู้จักเธอและสนิทสนมกับเธอตั้งแต่เด็ก พวกเขาทั้งหมดมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
“ป้าหยาง คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เซี่ยเหล่ยกล่าวคําทักทาย
หยางหยุ่นตอบกลับไปว่า “คุณก็รู้ว่าพ่อของหยยตอนนี้สุขภาพไม่ค่อยดีก่อนหน้านี้ฉันได้พาเขาไปพักพื้นแล้วแต่ก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร ฉันจึงต้องพาเขากลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลที่นี่”
“แม่…” เจียงหยูยพูดเสียงดังพร้อมจ้องตาโตไปที่แม่ของเธอ เพราะเธอไม่ต้องการให้เซี่ยเหลยรู้ว่าพ่อของเธอป่วย
หยางหยุ่นตบหัวของหยยี่เบาๆก่อนจะพูดขึ้นว่า “นี่ สาวน้อย จะปล่อยให้เซี่ยเหลียยืนอยู่อย่างนั้นงั้นเหรอ? ทําไมไม่ชวนเขาเข้ามาคุยในบ้านหล่ะ?”
“อื้ม…. ฉันจะไปเปิดประตูให้เขาเข้ามาเอง” เจียงหยูยพูด
ติดตามตอนต่อไป..