The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 155
บทที่ 155 สงบจิตใจ
“จี้ ช่าว เหลย!” ในขณะที่จี้เฟิงและจี้ช่าวเหลยกําลังทําตามขั้นตอนการซื้อขายรถกับเสี่ยวหลิว จู่ๆก็มีเสียงตะโกนเรียกชื่อดังมาจากบันไดชั้นบน และทั้งสามคนก็เงยหน้าขึ้นไปมอง และพบกับผู้ชายอายุประมาณ 30 ปี ยืนอยู่ที่ด้านบนสุดของบันไดกําลังมองมาทางพวกเขาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
ชายคนนี้มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ เขามีพุงและใบหูขนาดใหญ่ แก้มอ้วนๆบีบอัดเข้าหากันจนทําให้ดวงตาของเขาดูเล็กมากยิ่งขึ้น เขามีฟันทองสองซื้อยู่ในปาก การแต่งตัวเหมือนกับเศรษฐีในยุค 90
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขัน ผู้ชายคนนี้ช่างเป็นคนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นมากจริงๆ
“บอส!” เสี่ยวหลิวตะโกนทันที เมื่อเห็นคนที่กําลังเดินลงมา
ทันใดนั้นจี้เฟิงก็รู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้คือเจ้าของร้าน Audi 4s โชว์รูมรถแห่งนี้ และเป็นเพื่อนของจี้ช่าวเหลยที่เขาพูดให้ฟังก่อนหน้านี้
“นายรู้มั้ยว่าฉันมาหานายทั้งทีแต่ต้องมาเจอการกับต้อนรับที่แย่มาก!” จี้ช่าวเหลยตะคอกด้วยน้ําเสียงไม่พอใจ
ชายร่างอ้วนผงะไปชั่วครู่ “ชาวเหลย นายหมายความว่ายังไง ไหนเล่าให้ฉันฟังหน่อยว่าพนักงานคนไหนที่กล้าทําแบบนั้นกับนาย” เขาหันไปมองที่เสี่ยวหลิวและถามว่า “เสี่ยวหลิวมันเกิดอะไรขึ้น ใช่เธอหรือเปล่าที่บริการลูกค้าด้วยทัศนคติที่ไม่ดี?”
“ตู้เหวิน นายต้องมาที่นี่บ่อยๆหน่อยแล้วล่ะ!” จี้ช่าวเหลยยิ้มเหี้ยมและชี้ไปที่พนักงานขายสาวสวยสองสามคนที่ยืนอยู่ตรงแผนกต้อนรับด้านหน้าและพูดว่า “ในตอนที่ฉันกับน้องชายเดินเข้ามาในร้าน นอกจากพวกเธอจะไม่ทําหน้าที่ออกมาต้อนรับพวกเราแล้ว แต่ยังยืนหัวเราะเยาะพวกเราอีกต่างหาก ตู้เหวินฉันเกรงว่าร้านของนายจะอยู่ไม่ยืดนะ ถ้าพนักงานของนายมีทัศนคติกับลูกค้าแบบนี้!”
“ถ้าเป็นอย่างที่นายพูด..” เจ้าของร้านร่างอ้วนตู้เหวินยิ้มอย่างขมขึ้นแล้วพูดว่า “ช่วยบอกฉันทีว่าฉันควรจะจัดการอย่างไรกับพนักงานที่มีตาแต่ดันไม่มีแววพวกนี้ดี!”
ตู้เหวินก็รู้สึกโกรธมากอยู่ในใจเช่นกันที่พนักงานของเขามีทัศนคติการบริการที่แย่ การกระทําของพวกเธอที่มีต่อจี้ช่าวเหลยมันทําให้เขาเวียนหัวจนแทบจะเป็นลม แววตาที่ไร้แววจนไม่ต่างจากคนตาบอดซึ่งมองไม่เห็นว่าเสื้อผ้าที่จี้ช่าวเหลยสวมใส่นั้นหรูหราขนาดไหน แล้วพวกเธอยังจะกล้าไปเหยียดหยามเขาอีก
“ตู้เหวิน พวกเธอเป็นพนักงานของนาย นายควรจัดการตามวิธีการที่เหมาะสมของนายเองไม่ต้องมาถามฉัน” จี้ช่าวเหลยยิ้มและพูดว่า “ที่ฉันกับน้องชายมาที่นี่ในวันนี้ก็เพราะจะมาซื้อรถ ตอนนี้กําลังอยู่ในขั้นตอนการดําเนินการ”
“นายซื้อรถอะไร?!” ตู้เหวินตกใจ
“Audi a6 deluxe ค่ะบอส” เสี่ยวหลิวตอบอย่างรวดเร็ว
ตู้เหวินสะดุ้งเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะถาม “ไหนบอกฉันหน่อยว่านายชอบ Audi ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะเท่าที่ฉันจําได้นายชอบ Maserati (มาเซราติ) มากที่สุด รองลงมาก็พวก BMW, Mercedes-Benz ฉันพูดถูกมั้ย…”
ที่หน้าผากของจี้ช่าวเหลยมีเส้นเลือดสีดําปูดขึ้นมาสองสามเส้น เขาไม่รู้จะทําหน้ายังไงจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ และพูดว่า “มันก็ไม่ขนาดนั้น..”
ตู้เหวินดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจี้ช่าวเหลย เมื่อเห็นสีหน้าของชาวเหลยเขาก็หัวเราะ “แล้วฉันพูดผิดหรือเปล่าล่ะ?”
“โอเคๆ ฉันจะไม่เถียงกับนายอีก!” จี้ช่าวเหลยหัวเราะ “จริงๆแล้วรถคันนี้เป็นสิ่งที่น้องชายฉันต้องการน่ะ อ้อ! ฉันขอแนะนําพวกนายให้รู้จักกันเลยก็แล้วกัน” เขาหันไปหาจี้เฟิงแล้วผายมือไปทางตู้เหวินแล้วพูดว่า “นี่คือ ตู้เหวิน หรือคุณตู้ เจ้าของโชว์รูมรถ 4s 3 แห่ง เขามีหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่อื่นๆอีกหลายแห่งและยังมีทรัพย์สินที่มากมายอย่างเหลือเชื่อ!” เขาหันหน้าไปทางตู้เหวินและอมยิ้มเล็กน้อย “ส่วนนี้คือน้องชายของฉัน จี้เฟิง เขากําลังศึกษาอยู่ที่สหพันธ์มหาวิทยาลัยเจียงโจว”
ตู้เหวินผงะเล็กน้อย แต่เขาก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เขายื่นมือออกไปและยิ้มให้กับจี้เฟิง “คุณเป็นน้องชายของชาวเหลยนี่เอง” จากนั้นเขาหันศีรษะอ้วนๆของเขาไปทางเสี่ยวหลิว “เสี่ยวหลิว ขั้นตอนเสร็จเรียบร้อยหรือยัง?”
“ยังไม่เสร็จค่ะ” เสี่ยวหลิวตอบอย่างนอบน้อม “เพิ่งเริ่ม..”
ตู้เหวินโบกมือ “เคสนี้ให้คํานวณราคาจากราคาตอนรถมาถึงส่วนค่าคอมมิชชั่นของเธอก็เหมือนเดิม”
“ได้ค่ะบอส!” เสี่ยวหลิวตอบรับอย่างรวดเร็วแต่เธอก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หากให้คิดราคาของรถคันนี้ตามที่บอสของเธอบอกและยังมีค่าคอมมิชชั่นของเธออีก เป็นเช่นนั้นแทนที่การขายรถคนนี้จะได้กําไร แต่บอสของเธอยังต้องเสียเงินด้วย อย่างไรก็ตามเธอได้แต่คิดเรื่องนี้อยู่ในใจแต่ไม่กล้าพูดออกไป
ส่วนพนักงานขายที่อยู่ตรงแผนกต้อนรับตอนนี้ต่างหน้าซีดและตกใจเพราะความปากพล่อยและความหยิ่งผยองโง่ๆ ทําให้พวกเธอยังไม่รู้ชะตากรรมว่าเธอจะถูกบอสของพวกเธอจัดการอย่างไร
“บอสต์ ราคาของคุณยุติธรรมมากอยู่แล้ว ไม่จําเป็นต้องลดราคาเพิ่มอีก” จี้เฟิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ผมขอแค่ทําให้ภายในสะดวกสบายมากขึ้นก็พอ”
ตู้เหวินมองไปที่จี้เฟิงและเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดเพื่อรักษามารยาทแต่พูดจากใจจริง ตู้เหวินจึงยิ้มและพูดอย่างเป็นกันเอง “ไม่เป็นไร เรื่องนี้ปล่อยให้ฉันจัดการเอง น้องชายของชาวเหลยมาซื้อรถที่ร้านฉันทั้งที”
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไปสั่งการพนักงานในร้านทันที และพนักงานก็เริ่มขัดสีรถและตกแต่งภายในอย่างรวดเร็ว
“ตู้เหวินเพื่อนฉันคนนี้ เป็นคนที่ดีใช้ได้เลย และความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเขาก็โอเค” หลังจากที่ตู้เหวิน จากไป จี้ช่าวเหลยก็กระซิบ
จี้เฟิงพยักหน้า เขาเห็นแล้วว่าตู้เหวินและจี้ช่าวเหลยนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ยิ่งไปกว่านั้นตู้เหวินยังเป็นคนที่มีระเบียบวินัยมาก เขาไม่ปะปนเรื่องของธุรกิจกับความสัมพันธ์ที่เขามีกับจี้ช่าวเหลย เขาแบ่งแยกอย่างชัดเจนว่ามิตรภาพก็อยู่ส่วนมิตรภาพธุรกิจก็คือธุรกิจ
ด้วยการสั่งการของตู้เหวินจึงทําให้ขั้นตอนต่างๆเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว เพียงครึ่งชั่วโมงต่อมาเสี่ยวหลิวก็มาพร้อมกับกองเอกสารและขอให้จี้เฟิงลงนามในเอกสารเหล่านั้น
หลังจากขั้นตอนทั้งหมดเสร็จสิ้นในที่สุด จี้เฟิงก็ได้เห็นรถคันใหม่ของเขาและแน่นอนว่านี่ก็เป็นรถคันแรกของเขาด้วย Audi a6 ใหม่เอี่ยม
“ปัง!”
จี้เฟิงนั่งลงและปิดประตู
ลานของร้าน 4s มีขนาดใหญ่มาก เพื่อความสะดวกในการทดลองขับ จี้เฟิงสตาร์ทรถอย่างชํานาญและเหยียบคันเร่ง เขาคุ้นเคยกับสมรรถนะของรถในสนามเป็นอย่างดี
“ประสิทธิภาพแย่กว่ายานพาหนะในระบบฝึกมากจริงๆ!” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและหยุดรถ แต่เขาก็เข้าใจดีว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันบนโลกนั้นเทียบไม่ได้เลยกับเทคโนโลยีของกาแลคซีแกมมา อย่างไรก็ตามรถคันนี้ก็ถือว่าดีใช้ได้
อย่างน้อยด้วยสภาพถนนและการจราจรในเจียงโจว ประสิทธิภาพเพียงเท่านี้ก็ดีมากพอ
หลังจากที่จี้เฟิงทดลองขับเรียบร้อยแล้ว จชาวเหลยก็ยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวเฟิง ฉันไม่คิดว่านายจะมีทักษะการขับรถที่ดีขนาดนี้ ส่วนเรื่องใบขับขี่ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนเย็นน่าจะมีคนมาส่งให้ฉัน หรือจะให้ส่งให้นายโดยตรง?”
จี้เฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าว่า “พี่รองส่งมาให้ผมหน่อยก็แล้วกัน ผมจะขับรถกลับไปเลย”
ระหว่างทางไปที่คลับจี้เฟิงได้โอนเช็คไปยังบัญชีธนาคารของเขาแล้ว ดังนั้นเมื่อตอนที่เขาชําระเงิน เขาจึงทําเพียงแค่รูดการ์ดโดยตรง
เนื่องจากตู้เหวิน คิดราคาไว้ที่ระดับต่ําสุด Audi a6 รุ่น Deluxe มีราคารวมเบ็ดเสร็จอยู่ที่ 500,000 หยวน จี้เฟิงคิดว่าตู้เหวินนั้นไม่ได้เก็บเงินสําหรับขั้นตอนการดําเนินการเลยด้วยซ้ํา ดังนั้นความประทับใจของเขาที่มีต่อตู้เหวินจึงดียิ่งขึ้น แต่นั่นไม่ใช่เพราะเรื่องเงินจํานวนเล็กน้อยนี้ แต่เป็นเพราะตู้เหวินคนนี้เป็นคนที่อยู่เป็นและใจกว้างมากกล่าวอีกอย่างคือเขาเป็นคนที่มีไหวพริบดี
แม้ว่าตู้เหวินคนนี้จะอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตัวตนของจี้เฟิงมาก แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรมากจนเกินไป เขาแค่ดึงตัวจช่าวเหลยและจี้เฟิงไว้ด้วยการชวนไปทานอาหารด้วยกันเท่านั้น แต่จี้เฟิงนับเวลาคร่าวๆและพบว่าการฝึกทหารน่าจะสิ้นสุดลงแล้ว และเมื่อคิดว่าเขากําลังจะได้เจอกับองเล่ยและจางเล่ยในวันพรุ่งนี้ เขาจึงปฏิเสธข้อเสนอของตู้เหวิน
ก่อนแยกตัวไปจี้เฟิงได้ส่งหมายเลขโทรศัพท์ของเขาให้กับชาวเหลย เพื่อใบขับขี่มาถึง จะได้ติดต่อเขาได้โดยตรง
อย่างไรก็ตามเมื่อจี้เฟิงเดินทางกลับไปที่มหาวิทยาลัยเขาก็จําอะไรบางอย่างได้ มันเป็นความผิดพลาดที่เขาแทบจะไม่อยากอภัยให้ตัวเอง
การฝึกทหารของมหาวิทยาลัยใช้เวลาหนึ่งเดือน แต่เขาเพิ่งออกจากค่ายทหารมาไม่ถึงสองสัปดาห์
นั่นหมายความว่าเขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนกว่าจะได้พบกับองเลย
“ฉันจะเป็นลม!” จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น เขาไม่เคยทําเรื่องผิดพลาดแบบนี้มาก่อน มันเพิ่งจะผ่านไปเพียงแค่ครึ่งเดือน!
ไม่รู้ว่าคิดถึงถงเลยมากเกินไปหรือเพราะมัวแต่ยุ่งกับการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าหินหยกในวันนี้
จี้เฟิงรู้สึกว่าเขาควรที่จะตั้งสติและสงบจิตสงบใจได้แล้ว เขาเพิ่งได้รับเงินจํานวนมหาศาลมาอยู่ในมือ จากเด็กยากจนที่ใช้ชีวิตอย่างยากลําบากมาโดยตลอดหากจะบอกว่าเขาไม่รู้สึกตื่นเต้นเลยก็คงจะเป็นเรื่องโกหก และตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าผลกระทบของเงินหลายสิบล้านนั้นมีผลต่อจี้เฟิงมากกว่าที่คิด ดังนั้นเขาจึงจอดรถไว้ในสนามเด็กเล่นที่อยู่ไม่ไกลจากอาคารหอพักและพุ่งเข้าไปในหอพักอย่างรวดเร็ว
“ฉันต้องสงบจิตสงบใจ!” จี้เฟิงพึมพํากับตัวเอง
คือการเข้าสู่ระบบฝึกอบรมสายลับอีกครั้ง มันเป็นสถานที่ที่จะทําให้เขาสามารถสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว
จี้เฟิงคิดถึงเรื่องนี้อย่างละเอียดและพบว่าตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจนถึงตอนนี้ นับรวมก็เป็นเวลาเกือบห้าเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เข้าสู่ระบบฝึกเลย
เขารีบอาบน้ําและจัดการทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยรวมถึงตรวจสอบว่าประตูหอพักนั้นล็อกเรียบร้อยดีหรือไม่จากนั้นเขาก็นอนลงบนเตียงและตั้งสมาธิเพื่อเข้าสู่ระบบฝึกอบรมสายลับระดับสูง
“ยินดีต้อนรับการกลับมาครับมาสเตอร์!” สมองกล่าวอย่างร่าเริงเมื่อจเพิ่งเข้ามา
จี้เฟิงไม่ได้เห็นสมองมานานแล้วและเขาก็ไม่ค่อยได้สื่อสารกับมันเท่าไหร่ในระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้การที่เขาได้เห็นลูกบอลแสงเล็กๆนี้จะทําให้เขารู้สึกดีใจมาก เขายิ้มและพูดว่า “สมอง ผมไม่ได้มาตั้งนานคุณเหงาหรือเปล่า”
ใครจะรู้สมองตอบว่า “มาสเตอร์ฉันเป็นปัญญาประดิษฐ์แม้ว่าจะมีอารมณ์ของมนุษย์ แต่ก็ถูกควบคุมโดยโปรแกรมเท่านั้น ดังนั้นฉันจะไม่รู้สึกถึงความเหงา”
จี้เฟิง “……”
“มาสเตอร์ คุณยังมีทักษะอีก 123 รายการที่คุณยังไม่ได้เรียนรู้ คุณต้องการที่คุณยังไม่ได้เรียนรู้ คุณต้องการทํารายการต่อหรือไม่?” สมองดูเหมือนจะไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของจี้เฟิง เขาจึงเข้าประเด็นสําคัญอย่างรวดเร็ว
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะกลอกตา “นอกเหนือจากการฝึกแล้วคุณเคยนึกถึงอะไรอย่างอื่นบ้างมั้ยเนี่ย?”
“ไม่ครับ!” สมองตอบอย่างเรียบง่าย “การดํารงอยู่ของฉันคือการช่วยให้มาสเตอร์กลายเป็นสุดยอดสายลับระดับสูงที่ดีที่สุด และตั้งค่าโปรแกรมขั้นพื้นฐานที่ดีสุด มันคือหน้าที่หลักของฉัน”
จี้เฟิงพูดไม่ออก
แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดขึ้นว่า “อืม.. ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยแสดงทักษะทั้งหมดที่ผมยังไม่ได้เรียนรู้ให้ดูหน่อย!”
“ได้ครับมาสเตอร์!” สมองตอบเรียบๆ
หลังจากนั้นบนพื้นที่ด้านหน้าของจี้เฟิง ก็มีต้นไม้เล็กๆค่อยๆเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ละกิ่งก้านมีแสงสว่างเกิดขึ้นเป็นตัวอักษรต่างๆมากมาย
จี้เฟิงไล่มองไปทีละส่วนอย่างช้าๆ และการจ้องมองของเขาก็หยุดลงตรงที่เขียนไว้ว่า “ทักษะเครือข่าย”
จี้เฟิงจําได้อย่างชัดเจนว่าเขาเคยเรียนรู้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาก่อน แต่ตอนนั้นเขาเรียนรู้แค่เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์จากการสอนของระบบคอมพิวเตอร์ที่เก่าแก่ที่สุดในกาแลคซี่แกมมาและเรียนรู้เรื่องเดียวกันนี้กับคอมพิวเตอร์มาตรฐานบนโลกและหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อีก สําหรับเรื่องเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีชั้นสูงอื่นๆ จี้เฟิงยังไม่ได้เริ่มต้นที่จะเรียนรู้มันด้วยซ้ํา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความรู้เกี่ยวกับด้านอาวุธและเครื่องจากกลต่างๆที่เขาเรียนรู้ไปก่อนหน้านี้ยังทําให้เขารู้สึกเข็ดขยาด และที่สําคัญเขาก็ไม่กล้าที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆเร็วเกินไป
…จบบทที่ 155-2