The Ultimate Student สุดยอดนักเรียนสมองอัจฉริยะ - ตอนที่ 156
บทที่ 156 ยิมนาสติกชุดที่สอง…?!
“ในฐานะสายลับที่ดีจําเป็นจะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสมและจะต้องเชี่ยวชาญเทคโนโลยีการสื่อสารและเครือข่ายขั้นพื้นฐาน มาสเตอร์ในตอนนี้ยังไม่ได้เป็นสายลับที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและมาสเตอร์ยังต้องเรียนรู้ต่อไป!” จี้เฟิงมองไปที่ชื่อของทักษะนั้นและมันก็ทําให้เขารู้สึกงุนงง จนกระทั่งสมองหมายเลข 1 ได้อธิบายและ เตือนเขา
“ก็จริงของคุณ!” จี้เฟิงพยักหน้า หลังจากหลายเดือนของการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธและเครื่องจักรกลที่เขาได้เรียนรู้มาก่อนหน้านี้แม้จะเหลือสาขาแยกย่อยอีกเล็กน้อยแต่เขาก็ได้เรียนรู้เกือบจะทั้งหมดแล้ว “ถ้าอย่างนั้น เราก็มาเรียนรู้กันต่อเถอะ แต่ว่าผมจะเรียนรู้ยังไงดีในเมื่อผมไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ แล้วระหว่างการสื่อสารกับทักษะเครือข่ายเราควรจะเรียนรู้เรื่องไหนก่อนดี?”
สมองหมายเลข 1 กล่าวว่า “เนื่องจากมาสเตอร์ไม่เคยสัมผัสกับความรู้นี้มาก่อน สมองขอแนะนําว่ามาสเตอร์ควรเริ่มจากการวางแผนการเรียนรู้โดยให้เรียงจากความรู้ขั้นพื้นฐานที่สุด”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปที่สมองหมายเลข 1 เขาเพิ่งจะบอกอยู่ว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เลย แล้วยังจะให้เขาวางแผนอะไรได้อีก?
“มาสเตอร์ มีวิธีเกี่ยวกับการวางแผนการเรียนรู้อยู่ในระบบ มาสเตอร์ต้องการจะใช้ข้อมูลนี้ในการอ้างอิงและจัดทําขึ้นหรือไม่” สมองพูดขึ้นเหมือนจะรู้ว่าจี้เฟิงกําลังคิดอะไรอยู่
เมื่อมองไปที่ท่าทางที่ดูระมัดระวังของสมอง จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม เขาคิดอยู่ในใจว่าแม่ว่าก่อนแสงที่มีรูปร่างเหมือนกับเด็กชายนี้จะเป็นเพียงโปรแกรมที่ถูกตั้งขึ้นมาอย่างชาญฉลาด แต่ก็ไม่ได้ปราศจากความรู้สึกของมนุษย์อย่างแน่นอน หรือบางทีอาจจะเป็นโปรแกรมมานุษยวิทยาประเภทหนึ่งก็เป็นได้ นี่สินะที่เรียกว่าปัญญาประดิษฐ์!
“ผมให้คุณช่วยผมตัดสินใจเลือกแผนการเรียนที่เหมาะสมกับผมและเป็นความรู้พื้นฐานที่คลอบคลุมด้วยระยะเวลาที่สั้นที่สุด” จี้เฟิงไม่ได้วางแผนที่จะไปไกลมากนัก เขาจึงเลือกที่จะเรียนรู้จากเรื่องพื้นฐานที่สุดก่อนตามที่สมองแนะนํา เช่นเดียวกันกับเมื่อตอนที่เขาเรียนรู้เรื่องอาวุธและเครื่องจักรกล เมื่อถึงเวลาที่ต้องเรียนรู้ขั้นสูงมันจะช่วยให้เขาผ่านพ้นไปโดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตามหากเขาต้องเรียนรู้ทั้งหมด นอกจากสมองจะต้องใช้พลังงานอย่างมากแล้วบางที่อาจจะทําให้ความสามารถในการเรียนรู้ช้าลงหรืออาจถึงขั้นเรียนรู้ไม่ได้ด้วยซ้ํา
อันที่จริงสิ่งที่จี้เฟิงสนใจอยู่ในตอนนี้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเครือข่าย นั่นเป็นเพราะเขามักจะเคยได้ยินมาว่า แฮกเกอร์คนดังในตํานาน ที่อยู่ในสถานที่ห่างไกลใช้เพียงแค่คอมพิวเตอร์และสายสัญญาณโทรศัพท์ก็เพียงพอที่จะทําลายไฟร์วอลล์ของผู้อื่นและสอดแนมความลับของผู้อื่นได้
แม้ว่าโดยนิสัยส่วนตัวของจี้เฟิงจะไม่ใช่คนที่ชอบสอดแนมความลับของผู้อื่น แต่ตามที่สมองหมายเลข 1 บอก สิ่งนี้เป็นวิธีการหาข้อมูลที่ชาญฉลาดและยังเป็นวิธีที่รวดเร็ว หากจี้เฟิงต้องการก้าวเข้าสู่การเป็นสายลับที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเขาจึงต้องเรียนรู้ทักษะนี้
จนถึงตอนนี้ จี้เฟิงยังไม่แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงตัวเองจากการที่เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆจะนําเขาไปสู่หนทางแบบใด แต่เมื่อเขาลองมองย้อนกลับไป เขาก็ค้นพบว่าสิ่งที่เขาได้เลือกจนมาถึงปัจจุบัน มันทําให้เขามีความรู้และประสบความสําเร็จในสิ่งที่คนอื่นได้แต่ใฝ่ฝัน!
ประสิทธิภาพของสมองยังคงทํางานได้อย่างดีเช่นเคย หลังจากได้รับคําสั่งของจี้เฟิงเพียงไม่กี่นาที สมองหมายเลข 1 ก็พูดว่า “มาสเตอร์ สมองได้ทําแผนการเรียนรู้เสร็จเรียบร้อยแล้วมาสเตอร์โปรดตรวจสอบ”
จากนั้นก็มีข้อความที่อัดแน่นปรากฏต่อหน้าของเฟิง
รายการแรกคือการเรียนรู้พื้นฐานของเทคโนโลยีเครือข่ายและการสื่อสาร รายการที่สองคือความเชี่ยวชาญเบื้องต้น…
จี้เฟิงมองดูแผนการเรียนรู้ที่อัดแน่นไปด้วยตัวอักษร เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม มันเยอะจนละลานตามากจริงๆ ชีวิตในวันข้างหน้าเขาคงยุ่งอยู่กับสิ่งเหล่านี้อีกครั้ง จี้เฟิงไม่ได้เป็นกังวลเกี่ยวกับการเรียนที่น่าเบื่อ เพราะผลงานที่ผ่านมาของสมองหมายเลข 1 ได้พิสูจน์แล้วว่า ปัญญาประดิษฐ์แสนฉลาดนี้จะไม่มีวันปล่อยให้เขา ได้เรียนด้วยความเบื่อหน่ายอย่างแน่นอน ทุกทักษะหรือเทคโนโลยีใหม่ๆที่เขาต้องเรียนรู้ สมองหมายเลข 1 จะ ช่วยให้เขาสามารถเข้าใจในทฤษฎีและเข้าถึงการปฏิบัติได้อย่างดีเยี่ยม
ยกตัวอย่างเช่นเมื่อตอนที่เพิ่งเริ่มเรียนหมากรุกและบิลเลียด ระบบฝึกอบรมได้สร้างโค้ชเพื่อใช้ในการฝึกฝนจี้เฟิงโดยตรง
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อถึงตอนที่เรียนรู้ทักษะการต่อสู้ ปรมาจารย์ผู้สอนมีความเหมือนจริงมากจนยากที่จะแยกแยะว่าเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงหรือเป็นเพียงภาพจําลอง แม้แต่จี้เฟิงเองในตอนฝึกยังลืมไปแล้วว่าปรมาจารย์ผู้ฝึกสอนเป็นเพียงแค่ร่างเสมือนที่ถูกสร้างขึ้นไม่ใช่คนจริงๆ
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับความรู้สึกที่แท้จริงของจี้เฟิงด้วย เนื่องจากในระบบฝึกอบรมสายลับระดับสูงนั้นเป็นจริงราวกับว่าคุณได้ไปอีกโลกหนึ่ง
จี้เฟิงอ่านแผนการเรียนเหล่านี้อย่างละเอียดและในที่สุดเขาก็พยักหน้าและพูดว่า “โอเค! แค่ทําตามแผนนี้สินะ งั้นเรามาเริ่มเรียนกันเลยเถอะ!”
“ยังไม่ได้ครับมาสเตอร์” จี้เฟิงรู้สึกแปลกใจที่สมองหมายเลข 1 ไม่เห็นด้วยในทันทีกับเขา
“ก่อนที่มาสเตอร์จะเริ่มต้นทําการเรียนรู้ทักษะตามแผนการศึกษานี้ มาสเตอร์จะต้องวางรากฐานก่อน!”
“คุณหมายถึงอะไร?” จี้เฟิงรู้สึกงุนงง
“มาสเตอร์ได้เรียนรู้ชุดยิมนาสติกท่าแรกไปแล้ว ตอนนี้ได้เวลาเรียนรู้ยิมนาสติกชุดที่สองแล้ว!” สมองหมายเลข 1 กล่าว
จี้เฟิงเคยเข้าใจว่าเขาได้สําเร็จการฝึกยิมนาสติกทั้งหมดอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นแม้ว่าในระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาเขาจะไม่ได้เข้าสู่ระบบฝึกอบรมเลย แต่ทักษะของเขาก็ไม่ได้ด้อยลง เป็นเพราะยิมนาสติกชุดแรกที่เขาฝึกทําให้ร่างกายของเขามีความคงที่ และมีกระแสไฟฟ้าชีวภาพถูกสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติทุกคืน เพื่อทําการกระตุ้นร่างกายให้เซลล์ทุกเซลล์เต็มไปด้วยพลัง
แล้วมันมียิมนาสติกชุดที่สองมาได้ยังไง?
จี้เฟิงถามข้อสงสัยนี้ทันที “สมองหมายเลข 1 ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าถ้าฝึกฝนยิมนาสติกชุดนี้ แล้วจะมีคุณสมบัติพื้นฐานที่เหมาะสมสําหรับการเป็นสุดยอดสายลับ แล้วทําไมจู่ๆถึงมียิมนาสติกชุดที่สองโผล่มาได้?”
“ครับมาสเตอร์!”
สมองหมายเลข 1 กล่าวว่า “แม้ว่าทักษะของมาสเตอร์ในปัจจุบันจะทําให้มีคุณสมบัติสายลับขั้นพื้นฐานแล้ว แต่การเรียนรู้เทคโนโลยีเครือข่ายและการสื่อสารจะทําให้มาสเตอร์มีคุณสมบัติที่เหมาะสมยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ระบบของสมองเป็นระบบฝึกอบรมสายลับระดับสูง ไม่ใช่ระบบฝึกสายลับขั้นพื้นฐาน กล่าวคือสายลับที่ได้มาตร ฐานไม่ใช่เป้าหมายของสมองแต่เป็นเพียงแค่ทางผ่านเท่านั้น เป้าหมายสูงสุดของสมองคือการทําให้มาสเตอร์เปรียบได้กับสุดยอดสายลับระดับสูง!”
“โอ้ มาย ก๊อด!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาดังๆ เขารู้สึกเหมือนถูกสมองหมายเลข 1 หลอกให้ฝึกอย่างนักและคิดว่าเขาได้มาถึงเป้าหมายแล้ว เพราะทักษะและความรู้ต่างๆในปัจจุบันของเขามันทําให้เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขานั้น แข็งแกร่งเพียงพอแล้ว
“มาสเตอร์ ตามข้อมูลร่างกายในปัจจุบันของมนุษย์เมื่อเปรียบเทียบกับมาสเตอร์ในเวลานี้แล้ว มาสเตอร์ถือได้ว่าเป็นระดับปรมาจารย์อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับสุดยอดสายลับระดับสูงแล้วมาสเตอร์ยังคงเรียกได้ว่าล้าหลังอยู่มาก!” สมองหมายเลข 1 กล่าวเสียงเรียบแต่ทําให้จี้เฟิงรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก
มุมปากของจี้เฟิงกระตุกสองสามที เขาสงสัยว่าข้อมูลร่างกายมนุษย์ที่สมองหมายเลข 1 เก็บรวบรวมมานั้น หมายถึงคนธรรมดาที่อยู่รอบๆตัวเขาด้วยหรือไม่? แล้วถ้าเขายังไม่สามารถถูกเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์เมื่อเปรียบเทียบกับคนธรรมดาทั่วๆไปแล้วการฝึกฝนสุดโหดที่เขาทุ่มเทตลอดระยะเวลาผ่านมามันจะไม่เท่ากับไร้ประโยชน์งั้นหรือ?
สิ่งที่จี้เฟิงสนใจจริงๆคือคําว่าสุดยอดสายลับที่สมองหมายเลข 1 กล่าวถึง
เขาจึงถามว่า “สุดยอดสายลับของกาแลคซี่แกมมานั้นเก่งขนาดไหน?”
สมองหมายเลข 1 ตอบว่า “สุดยอดสายลับที่แท้จริงจะสามารถใช้กระแสไฟฟ้าชีวภาพเพื่อทําลายหินภูเขาได้ด้วยหมัดเดียวและพุ่งขึ้นไปในอากาศได้ไกลกว่า 30 เมตรอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า”
“แบบนั้นไม่น่าจะเรียกว่ามนุษย์แล้วล่ะนะ…” จี้เฟิงได้แต่ทําหน้าเหวออยู่ครู่หนึ่งในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกสงสัยอยู่เล็กน้อย “เป็นไปได้มัยว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในกาแลคซีแกมมาจะไม่ใช่มนุษย์แบบมนุษย์บนโลก แต่เป็นเหมือนพวกสัตว์ประหลาดบางชนิด..”
แต่โดยปกติแล้วมนุษย์ต่างดาวก็ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอยู่แล้ว! จี้เฟิงกําลังคิดอยู่ว่าคนที่สามารถต่อยหินก้อนใหญ่ให้แตกได้ด้วยหมัดเดียวก็น่าจะมีแต่ในภาพยนตร์เท่านั้น ส่วนเรื่องที่บอกว่าพุ่งขึ้นไปในอากาศได้ 30 เมตร.. มันแทบจะเรียกว่าบินได้แล้วไม่ใช่เหรอ?!
“มาสเตอร์ครับ มนุษย์ที่กาแลคซี่แกมมานั้นมีโครงสร้างร่างกายเหมือนกับมนุษย์โลกที่มาสเตอร์เป็นอยู่ มีข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวนั้นก็คือมนุษย์ในกาแลกซีแกมมาเรียนรู้ที่จะควบคุมกระแสไฟฟ้าชีวภาพตั้งแต่แรกเกิด ดังนั้นมนุษย์ในกาแลกซีแกมมาจึงมีการพัฒนาร่างกายที่ไกลเกินกว่ามนุษย์บนโลกมาก” สมองหมายเลข 1 อธิบายเสริม
จี้เฟิงรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง “แล้วทําไมมนุษย์บนโลกถึงควบคุมกระแสไฟฟ้าชีวภาพไม่ได้? แล้วผมจะสามารถควบคุมกระแสไฟฟ้าชีวภาพได้หรือเปล่า?”
กระแสไฟฟ้าชีวภาพเป็นสิ่งที่ดีมากอย่างแท้จริง มันช่วยให้ดวงตาของเฟิงสามารถมองทะลุได้เมื่อต้องการเสริมสร้างพลังให้กับแขนและขา ให้มีหมัดที่รุนแรงแข็งแกร่งและช่วยให้การวิ่งมีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างมาก แต่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ด้วยการที่จี้เฟิงตั้งสมาธิในจิตใจและสมอง จนเกิดการกระตุ้นของพลังงานกระแสไฟฟ้าชีวภาพ
ส่วนเรื่องการควบคุมกระแสไฟฟ้าชีวภาพในร่างกายของเขานั้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ําว่าพลังของกระแสไฟฟ้าชีวภาพนั้นอยู่ที่ไหน เมื่อสมองหมายเลข 1 เปิดใช้งานกระแสไฟฟ้าชีวภาพเขาถึงจะสัมผัสได้ถึงพลังงานความร้อนที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย แต่ถ้าในเวลาปกติเขาจะไม่รู้สึกถึงพลังงานเหล่านั้น
“ตราบใดที่มาสเตอร์เรียนรู้ท่วงท่าของยิมนาสติกชุดที่สอง มาสเตอร์ก็จะสามารถควบคุมพลังงานไฟฟ้าชีวภาพได้อย่างอิสระ” สมองหมายเลข 1 อธิบาย “สาเหตุที่มาสเตอร์ไม่สามารถรู้สึกถึงพลังงานไฟฟ้าชีวภาพได้ในปัจจุบันเนื่องจากมาสเตอร์อ่อนแอเกินไปและยังไม่ได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับเทคนิคการควบคุมพลังงานชีวภาพในปัจจุบัน”
ยิ่งจี้เฟิงได้ฟังเขาก็ยิ่งรู้สึกสับสนและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “แล้วทําไมไม่บอกมาเลยว่า ถ้าผมได้เรียนรู้ยิมนาสติกชุดที่สองแล้วผมจะสามารถไปได้ถึงระดับไหน!”
ไม่ว่าจะเป็นยิมนาสติกสุดโหดที่สมองหมายเลข 1 บอกว่าเป็นยิมนาสติกเพื่อสุขภาพ เขาก็ทําสําเร็จมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่ายิมนาสติกชุดที่สองนี้เขาก็จะทําสําเร็จได้เช่นเดียวกัน
สมองหมายเลข 1 กล่าวว่า “เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและความประทับใจให้กับมาสเตอร์ ได้โปรดดูวีดิโอต่อไปนี้”
จากนั้นก็มีม่านแสงปรากฏขึ้นตรงหน้าของจี้เฟิง บนม่านแสงมีภาพปรากฏขึ้นซึ่งดูสมจริงมาก
จี้เฟิงถึงกับอึ้ง “มันคือภาพยนตร์ 3 มิติเหรอ?”
สมองหมายเลข 1 กล่าวทันที “นี่ไม่ใช่ภาพยนตร์ 3 มิติธรรมดา แต่เป็นเทคโนโลยี 3 มิติเสมือนจริงที่ล้ําหน้ากว่าเทคโนโลยี 3 มิติบนโลก และเป็นอุปกรณ์ฉายภาพของคนทั่วไปในกาแลคซี่แกมมา”
“คุณกําลังจะบอกว่า ในกาแลคซี่แกมมาพวกเขามีทีวีแบบนี้อยู่ในบ้านของคนทั่วไปงั้นเหรอ?” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและชื่นชม “เทคโนโลยีนี้น่าทึ่งจริงๆ”
ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากม่านแสงที่ฉายภาพออกมา แต่มันคือโทรทัศน์ธรรมดาทั่วไปของชาวกาแลคซี่แกมมาไม่รู้ว่าอีกกี่ปีบนโลกถึงจะมีเทคโนโลยีที่กาแลคซี่แกมมามีอยู่ในทุกครัวเรือนแบบนี้..
“ถ้ามาสเตอร์เรียนรู้เทคโนโลยีการสื่อสารและเครือข่าย มาสเตอร์ก็จะสามารถสร้างม่านแสง 3 มิติเสมือนจริงแบบนี้ได้เช่นกัน!” สมองหมายเลข 1 กล่าว
ทันใดนั้นดวงตาของจี้เฟิงก็สว่างขึ้น มันเป็นเรื่องที่ดีอย่างแน่นอน เมื่อเขาได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้เขาจะสามารถสร้างทีวีจอเบาแบบนี้ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งดีกว่าทีวีขนาดใหญ่มาก
ในตอนนี้ภาพในม่านแสงค่อยๆเปลี่ยนไป จี้เฟิงเลิกคิดฟุ้งซ่านและตั้งใจดูภาพที่ปรากฏขึ้นบนม่านแสง
เป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่าแห่งหนึ่ง มีเพียงบรรยากาศที่เงียบสงัดอยู่โดยรอบ เช่นเดียวกับภาพของดาวเคราะห์ต่างๆที่จี้เฟิงมักจะเห็นในทีวี ที่มีพื้นดินเป็นหลุมและไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิต
จากนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา ด้านหน้าของเขามีภูเขาลูกเล็กๆ และบนยอดเขานั้นมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่สองสามคํา ถึงแม้จี้เฟิงจะได้ยินบทสนทนาเหล่านั้นทั้งหมดแต่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ แม้แต่คําเดียวแต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสําคัญ เพราะในช่วงเวลาต่อมาจี้เฟิงก็ได้เห็นสิ่งที่ทําให้ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
ในเวลาต่อมาเขาเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ที่เชิงเขาดูเหมือนจะโกรธ เขาชกไปที่ภูเขาอย่างรุนแรงเหมือนกับขีปนาวุธที่ตกลงบนภูเขาทําให้พื้นดินและภูเขาลูกนั้นสั่นสะเทือน
ในเวลาเดียวกันชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่บนภูเขาก็กระโดดขึ้นไปกลางอากาศสูงหลายร้อยเมตร!
…จบบทที่ 156-2