The Daily Life of the Immortal King - ตอนที่ 209
ตอนที่ 209 ไอเจ้าโง่!
ทันทีที่โทยะเห็นหวังลิ้งสมองของเขาก็หยุดสั่งการเสียอย่างงั้น โชคยังดีที่เขาไม่ได้เป็นคนที่ล้มง่าย ไม่เช่นนั้นรูปปั้นซึ่งวางอยู่ข้างหน้าโรงเรียนกว่าพันปีคงได้พังพินาศ ร้ายแรงที่สุดคงเป็นบริเวณโดยรอบโรงเรียนหลายที่จะฟังจากแรงสั่นสะเทือนตอนล้ม
ผู้ฝึกตนที่มีระดับแก่นแท่วิญญาณล้มลงนั้นมันน่ากลัวเกินกว่าจะจินตนาการ…
แต่โทยะนั้นนึกถึงคําที่เทพมือระเบิดได้เคยบอกเขาไว้ว่าหลิงเจินเหรินนั้นกําลังเรียนรู้ระดับมัธยม เพื่อที่จะเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิต… มันก็แค่เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลิงเจินเหรินจะเลือกโรงเรียนแสนจะธรรมดาแห่งนี้ซึ่งไม่ได้เป็นโรงเรียนประจําเขตด้วยซ้ํา
แต่จะพูดก็พูดไป คนธรรมดาคงไม่เข้าใจความคิดของคนอย่างหริงเจินเหรินได้
หรือบางที่นี่จะเป็นความแตกต่างระหว่างเขาและหริงเจินเหริน…
ครูใหญ่หรืออาจารย์ใหญ่เห็นได้ยืนรออยู่ที่หน้าทางเข้าอาคารเรียนอยู่นานแล้ว เมื่อเขาเห็นโทยะที่ยืนหยุดอยู่ที่แถวของนักเรียน เขาจึงรีบเดินลงมาจากบันได “คุณโทยะ มีอะไรงั้นหรือ?”
เมื่อโทยะได้ยินคําถามของอาจารย์ใหญ่เซ็น ชายหนุ่มผมสีเทาก็รู้สึกตัว เขารีบส่ายหัวเมื่อเขาเห็นอาจารย์ใหญ่เป็นที่มองเขาด้วยความสงสัย “อ่า…ผมไม่เป็นไร ผมบังเอิญนึกอะไรขึ้นมาได้นิดหน่อย…”
มันไม่ใช่เรื่องอะไรของเขาที่จะต้องเปิดเผยตัวตนของหลิงเจินเหริน
โดยไม่จําเป็นต้องคิดอะไร โทยะตอบสนองโดยการพูดประโยคธรรมชาติที่ดูเข้ากับสถานการณ์มากที่สุด
ยังคงมีผู้ฝึกตนเก่าแก่ผู้ซึ่งไม่สามารถตามหาอนุเสาวรีย์ของพวกเขาได้อีกแล้ว หลังจากที่ก่อตั้งประเทศขึ้นมา เหล่าพรรคต่างๆก็แยกย้าย เหลือเพียงไม่กี่พรรคที่ได้รับการอนุญาตจากรัฐบาลและเข้าร่วมกับกลุ่มพรรคฝ่ายธรรมะ
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เพราะหวังสิ่ง เขาก็รู้สึกภูมิใจ
เพราะถึงอย่างนั้น โรงเรียนแห่งนี้ก็มีอายุยืนยาวกว่าพันปี
…………………………………..
08:00 ตรง ขบวนรถบัสก็เริ่มเคลื่อนที่ออกจากโรงเรียนอันดับที่60อย่างตรงเวลา
ระหว่างทาง เสี่ยวหัวเฉิงได้ถามคําถามที่สําคัญออกมา: “พวกของวิเศษหรืออาวุธไปอยู่ในสนามได้ยังไง?”
ในตอนประลองกระบี่วิญญาณในโรงเรียนอันดับที่59นั้น นายพลย์เป็นคนจัดการอุปกรณ์เหล่านั้นด้วยตัวเอง
มันถือว่าเป็นคําถามที่ดี โดยที่อาจารย์ดังนั้นคิดไว้แล้วว่าจะต้องพูดถึงมันเมื่อเดินทางถึงจุดหมาย แต่ในเมื่อมีเด็กนักเรียนพูดถึงมันขึ้นมาแล้วมันก็คงไม่เป็นอะไรที่เขาจะอธิบายไประหว่างทาง
“ของวิเศษที่จะปรากฏในสนามนั้นก็ถูกออกแบบและสร้างโดยนายพลย แต่เพราะว่านี่คือการฝึกทหารร่วมระหว่าง6โรงเรียนรวมไปถึงมีการแข่งขันเกมเซอร์ไววอลด้วย นายพลยเริ่มมองหาทีมสร้างเมื่อ 3 เดือนก่อนเพื่อที่จะสร้างอาวุธและของวิเศษ เนื่องจากขนาดของสนามนั้นค่อนข้างใหญ่ มันมีของวิเศษโดยประมาณก็เป็นหมื่นชิ้น” อาจารย์ดังอธิบาย
“หมื่นชิ้น?”
มีเพียงเด็กจํานวนหนึ่งเท่านั้นที่ไม่แสดงอาการตกใจ
ถ้าไม่นับของวิเศษระดับสูง สร้างแค่ของวิเศษระดับต่ําหมื่นชิ้นภายในระยะเวลา 3 เดือนนั้นเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง
กัวหาวยกมือขึ้นแตะที่ค้างและดันแว่นขึ้นเหมือนเขานึกอะไรบางอย่างออก “เท่าที่ฉันรู้มา มันมีแค่เพียง 2 ตระกูลใหญ่ที่สามารถสร้างของวิเศษได้จํานวนมากมายขนาดนี้”
“ตระกูลไหนงั้นเรอะ?” เซ็นเฉาถาม
กัวหาวตอบแทบจะในทันที “Lanxiang และ New Orient”
เซ็นเฉาประหลาดใจกับสองชื่อที่ได้ยิน “ไม่ใช่ว่าเขาขายรถขุดและเปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษเรอะ?”
“พวกเขาเปลี่ยนสายการผลิต”
กัวหาวผายมือออก “ทุกวันนี้พวกเขาไม่สามารถหาเงินได้จากการขายรถขุดและสอนภาษาอังกฤษได้อย่างเดียว ผู้ฝึกตนระดับแก่นแท้ปราณทองคําคนไหนก็สามารถทําลายตึกได้ แล้วจะต้องการรถขุดไปทําไม? และ เรื่องภาษาอังกฤษ หลังจากที่ประเทศจีนได้กลายมาเป็นประเทศมหาอํานาจ กว่าครึ่งค่อนโลกก็ฝึกพูดภาษาจีนกันหมดแล้ว!”
ทุกคน: …
หลังจากที่รถเริ่มออกวิ่งไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดรถบัสของโรงเรียนอันดับที่60ก็เดินทางมาถึงศูนย์ฝึกทหารทางตะวันตกของเมืองซ่งไห่
ศูนย์ฝึกทหาร
ใช้งานกว่า 5 วันและการแข่งขันเซอร์ไววอลอันแสนสําคัญ มันแรกของการฝึกจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ สําหรับวันนี้เป็นวันเดินทางของโรงเรียนทั้ง 6 โรงเรียน
ประตูเหล็กของศูนย์ฝึกแห่งนี้ซึ่งความกว้างกว่าหลายเมตรค่อยๆเปิดเพื่อให้รถบัสได้วิ่งเข้าไปยังศูนย์ฝึก ที่แห่งนี้เป็นศูนย์ฝึกพิเศษซึ่งทางเมืองซ่งไห่จัดตั้งขึ้นมาสําหรับเหล่านักเรียน ภายในมีสิ่งอํานวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นตึกเรียน หอพัก สนามกีฬากลางแจ้งและสนามกีฬาในร่มที่หรูหรา
ภายในศูนย์ฝึกแห่งนี้ หอพักนั้นสามารถพักได้ถึง 6 คนต่อห้อง หวังลิ่ง เซ็นเฉา กัวหาว และเสี่ยวหัวเฉิงนนถูกจับให้มาอยู่ด้วยกันโดยไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือไม่ พวกเขาได้ห้องเลข 101 ในชั้น 1 หอพัก
แต่สิ่งที่น่าแปลกก็คือเมื่อหวังสิ่งมองไปยยังรายชื่อสําหรับห้อง 101 นั้นเขาเห็นแค่เพียง 4 ชื่อเท่านั้น
“หรือมันจะมีแค่เพียงสองเตียง?”
หวังลิ่งส่ายหัวให้กับขอสันนิฐานแรก เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้เพราะทุกห้องต่างมี 6 รายชื่อ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขานั้นอยู่ในห้องแรกของหอพักแห่งนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเพียงแค่2เตียง
กัวหาวนั้นอาสาที่จะเป็นหัวหน้าของห้องพักนี้ เมื่อเขาจะออกไปหาเสบียงเขาก็ได้ลากเซ็นเฉาออกไปกับเขาด้วย
หวังลิ่งและเสี่ยวหัวเฉิงซึ่งมีกุญแจอยู่ในมือก็เดินไปยังห้องพักของตน เมื่อเขาเดินเข้าใกล้ห้องพักเขาก็รับรู้ได้ถึงไอพลังวิญญาณจากภายในห้อง – มันต้องมีคนอยู่ในห้องอย่างแน่นอน!
“ดูเหมือนว่าจะมีคนอยู่ในห้อง…” เสี่ยวหัวเฉิงพูดด้วยน้ําเสียงเบาหวิว
อันที่จริงหวังสิ่งนั้นรู้มาก่อนแล้วตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามายังภายในตึกนี้
เขาสามารถรับรู้ได้ว่ามีคนแอบอยู่ภายในหอพักแห่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่มีใครบางคนวางแผนไว้
สิ่งสําคัญก็คือเขาคุ้นเคยกับไอพลังวิญญาณของบุคคลที่อยู่ภายในห้อง
หวังลิ่งบอกให้เสียวหัวเฉิงยืนหลบอยู่อีกด้านของประตู
จากนั้นเขาจึงเสียบกุญแจเข้าไปไขประตู
ทันทีที่เขาเปิดประตูออกมา ก็มีเงาคนพุ่งออกมมาจากประตูอย่างรวดเร็ว!
“หวังลิ่งระวัง!”
เสี่ยวหัวเฉิงร้องเตือนหวังสิ่งอย่างตกใจ
ในการเผชิญหน้ากับเงาดับปริศนานั้น หวังลิ่งแทบจะไม่แสดงสีหน้าใดออกมา
ในเสี้ยววินาทีที่เงาดํานั้นจะสัมผัสตัวเขา เขาเพียงแค่เอี้ยวตัวหลบเขาก็หลบการปะทะได้อย่างสวยงาม
หลังจากนั้นจึงเกิดเสียงดัง “ปัง!!” เงาดําที่พุ่งพรวดออกมาจากห้องนั้นพุ่งชนเข้ากับกําแพงฝั่งตรงข้ามอย่าง
หลังจากที่ทุกอย่างสงบหลง เสี่ยวหัวเฉิงจึงมองเงาปริศนานั้นอย่างพินิจพิเคราะห์เขาจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นคนคนหนึ่ง
คนผู้นั้นซึ่งพุ่งออกมาจากประตูก่อนหน้าสวมใส่หมวกนิรภัยและเนื่องจากกระแทกแรงมาก หัวของเขาทั้งหัวจึงปักคาอยู่บนกําแพง…
เสี่ยวหัวเฉิงเห็นคนคนนั้นพยายยามเอาหัวออกมาจากหมวกนิรภัยอยู่นานแต่ก็เอาไม่ออก
“….”
ท้ายที่สุดคนคนนั้นก็ยอมแพ้และร้องขอความช่วยเหลือ “หวังหลิงฉันผิดไปแล้ว! ช่วยฉันหน่อยเถอะ…”
หวังลิ่งถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ….หวังหมิงไอเจ้าโง่!”