The Daily Life of the Immortal King - ตอนที่ 210
ตอนที่ 210 นายพลทั้งสิบ
หวังลิ่งรู้สึกว่าการมาเข้าค่ายฝึกครั้งนี้จะเต็มไปด้วยเรื่องประหลาดใจ ถ้าไม่นับโทยะที่เป็นหัวหน้าครูฝึก แม้แต่หวังหมิงก็ยังมาโผล่ที่นี่…
คําถามก็คือ ทําไมหวังหมิงจึงมาโผล่ที่นี่ได้? และอีกคนที่เหลือในห้องนั้นคือใคร?
ในขณะที่เขากําลังคิดถึงปัญหาเหล่านั้น หวังลิ่งมองไปยังหวังหมิงที่ทั้งหัวนั้นอยู่ในหมวกนิรภัยซึ่งติดอยู่ในกําแพง เขาถอนหายใจออกมาก่อนที่จะค่อยๆแงะหัวหวังหมิงออกมาจากกําแพง
ถ้าหากเขาไม่ดึงหวังหมิงออกมาจากกําแพง มันก็มีโอกาสที่เซลล์สมองในหัวของหวังหมิงจะตายเนื่องจากขาดอากาศ
ถึงจะบ้าๆบอๆ แต่สิ่งที่มีค่าที่สุดสําหรับหวังหมิงก็คือสมองของเขานั่นแหละ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายแทบจะไม่แสดงความฉลาดออกมาเลยในทุกครั้งที่พวกเขาพบกัน!
หวังหมิงที่หลุดออกมาได้ ก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆราวกับว่าขาดอากาศหายใจมาเป็นเวลานาน หลังจากนั้น เขาจึงกําหมัดแน่นด้วยความแค้นใจ “ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่า”ค้อนสายฟ้า”ของฉันที่วางแผนมานานจะพลาด…”
หวังลิ่ง: “…”
เสี่ยวหัวเฉิง: “…”
“นายคงเป็นเพื่อนของหวังลั่งสินะ?” หวังหมิงปัดฝุ่นออกจากตัวและลุกขึ้นยืนก่อนที่จะจับมือเสี่ยวหัวเฉิง “ฉันชื่อหวังเสี่ยวเอ้อ เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนใหม่ ยินดีที่ได้รู้จัก!”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เสี่ยวหัวเฉิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก นักเรียนที่จะสามารถเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ตอนกลางเทอมได้ เขานั้นจะต้องไม่ใช่นักเรียนธรรมดาอย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่สามารถจับไอพลังวิญญาณใดๆจากตัวของหวังหมิงได้เลย สัญชาตญาณของเขาบอกว่าผู้ชายคนนี้ต้องเป็นคนที่อันตรายเอามากๆ ในการที่จะปกปิดพลังวิญญาณได้หมดจดขนาดนี้…คนคนนี้จะต้องเป็นอัจฉริยะอย่างแน่นอน!
ในขณะที่จับมือกันนั้นเสี่ยวหัวเฉิงได้จินตนาการไปถึงความเก่งกาจของหวังหมิงไปจนกู่ไม่กลับเสียแล้ว
หวังหมิง “…”
“บางที่ก็เว่อไปนะ”
…………………………………..
หวังลิ่งยื่นกุญแจให้เสี่ยวหัวเฉิงและทิ้งยันต์ธาตุดินเอาไว้เพื่อให้เสี่ยวหัวเฉิงทําการปิดรูบนผนังที่หวังหมิงทําเอาไว้ หวังลิ่งคิดว่าเขาควรจะต้องหาสถานที่ที่จะได้คุยกับหวังหมิงอย่างส่วนตัว
หอพักสําหรับนักเรียนในศูนย์ฝึกทหารแห่งนี้นั้นเป็นของรัฐบาล และพวกเขาก็อาจจะถูกดําเนินคดีที่ไปทํารูบนกําแพงแบบนั้น แน่นอนว่าหวังลิ่งนั้นไม่มีทางที่จะโดนลงโทษโดยครูฝึกให้วิ่งรอบสนาม นักเรียนจากทั้ง6โรงเรียนนั้นมีมากกว่าพันคน…มันดูเด่นเกินไป
หวังลิ่งลากหวังหมิงขึ้นไปยังดาดฟ้าของหอพักโดยการเทเลพอร์ท
หลังจากการลอบโจมตีเมื่อสักครู่ หวังหมิงก็ถอดหมวกนิรภัยออก จากนั้นเขาจึงชี้ไปที่สปริงที่พันอยู่รอบข้อเท้าของเขาด้วยความรู้สึกแสนภูมิใจ “ฉันได้รับผลึกคริสตัลดําต้นกําเนิดมา มันเป็นโลหะที่แข็งที่สุดในโลก และ ฉันก็คิดว่ามันสามารถทําให้ประสาทการรับรู้ของนายปั่นป่วน! แต่ฉันไม่คิดเลยว่ามันจะไม่ได้ผลแบบนี้!”
ผลึกคริสตัลดต้นกําเนิด?
หวังลิ่งจองไปยังหมวกนิรภัยครู่หนึ่ง ก่อนที่จะยื่นมือออกไป “แกร๊ก!” หลังจากนั้นเองหมวกนิรภัยก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
“…..”
หวังหมิงกรีดร้องภายในใจอยู่ครู่ใหญ่…
หวังหมิงอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ําตาไหลออกมา “หวังลิ่ง…นายช่วยไว้หน้าพี่ชายคนนี้หน่อยได้ไหม?! ฉันรู้สึกว่าตัวเองดูโง่ทุกครั้งที่ฉันมาหานาย”
หวังลิ่งไม่ได้ตอบอะไรกลับ เขายืนกอดอกและมองไปทางหวังหมิงด้วยใบหน้าที่ถามประมาณว่า “มีเรื่องอะไร?
โดยไม่จําเป็นต้องใช้โทรจิต หวังหมิงก็สามารถรับรู้ได้ว่าหวังลิ่งต้องการจะถามว่าอะไร
เขาผายมือออก “อย่ามองฉันอย่างนั้น คราวนี้ฉันมาทํางาน นายพลจ้างโรงงานผลิตของวิเศษจํานวนมาก ภายในเวลาสามเดือน มันก็เป็นไปได้ที่ของบางอย่างอาจจะมีปัญหา ฉันมาอยู่ที่นี่กับทีมเพื่อที่จะคอยซ่อมแซมของวิเศษที่เสียหายในระหว่างการแข่งขัน”
สิ่งที่หวังหมิงพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นความจริง หวังหมิงรู้ว่าหวังลิ่งนั้นสามารถอ่านใจเขาได้ดังนั้นเปล่าประโยชน์ที่จะโกหกออกไป
หลังจากได้รู้เหตุผลว่าทําไมหวังหมิงถึงมาอยู่ที่นี่ หวังลิ้งก็รู้สึกโล่งใจ อย่างไรแล้วหวังหมิงก็ไม่ได้เป็นผู้ฝึกตน และเมื่อไม่นานมานี้โรงเรียนอันดับที่60ก็ไม่ค่อยปลอดภัยนัก ดังนั้นมันจึงค่อนข้างอันตรายสําหรับเขาที่มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนในโรงเรียนอันดับที่60
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ สิ่งที่ปลอดภัยที่สุดของหวังหมิงก็คือยอมรับการปกป้องจากรัฐบาล มีเพียงแค่พระเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ว่าน้องสาวคนเล็กของหัวหน้าองค์กรเงาสายธารจะกลับมาลักพาตัวเขาอีกครั้ง…
“อ้าใช่แล้ว! หลิงหลิง มีอีกอย่างที่นายอาจจะสนใจ” จู่ๆหวังหมิงก็พูดขึ้นมา “แม้ว่าเหตุผลหลักคือฉันและทีมจะต้องคอยซ่อมแซมของวิเศษ พวกเรายังมีอีกงานนึ่ง เมื่อสองปีก่อนทีมนักวิจัยของฉันนั้นตรวจพบความผันผวนของมิติผิดปกติ เมื่อไม่นานมานี้เครื่องมือนี้ตรวจพบสัญญาณแปลกประหลาด เบื้องต้นเราสันนิษฐานว่าเป็นสัญญาณที่เกี่ยวข้องกับประตูระหว่างมิติ”
ตาของหวังลิ่งลุกวาวขึ้นมา มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเคยพบเจอประตูมิติซึ่งประตูนี้เป็นต่อเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และปีศาจ เขาหวนนึกถึงคนซึ่งอยู่รอบตัวเขา คนเหล่านั้นก็ล้วนแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประตูมิติ
ลุงยามหลีซึ่งหวังลิ่งซึ่งหวังลิ่งได้เคยช่วยออกมาจากประตูมิติเมื่อสามปีก่อนเป็นตัวอย่างได้ดี และอีกอย่างก็คือเจ้าสองสี ปีศาจคางคกซึ่งหล่นมากจากท้องฟ้าเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว และตอนนี้มันก็กลายเป็นสุนัขไปเรียบร้อยแล้ว
“หลังจากที่กองทัพปีศาจถอยกลับไป6ปีที่แล้ว นายพลยก็ได้ร่วมมือกับนายพลอีกเก้าคนที่เหลือในการปิดผนึกประตูมิติ หรือจะพูดให้ถูก มันไม่ควรจะปรากฏตัวขึ้นมาอีกภายในระยะเวลาสั้นแค่นี้ จากบันทึกประวัติศาสตร์ ประตูมิติอันก่อนๆมันจะปรากฏออกมาในทุกๆ 100 ปี หรือมากกว่านั้น”
หวังหมิงหยุดพูดไว้ที่ตรงนี้จากนั้นเขาจึงพูดขอสันนิษฐานของเขาออกมา “ดังนั้น ฉันคิดว่ามันไม่ปกติที่เราจะตรวจจับความผันผวนของมิติจากประตูมิติได้ ฉันสงสัยว่ามันอาจจะมีใครบางคนที่อัญเชิญมันมาเพื่อที่จะวางแผนทําอะไรสักอย่างที่ไม่ดี”
เขามีหลักฐานบางอย่างในการสนับสนุนความคิดของเขา นั่นก็เพราะการปรากฏตัวของประตูมิตินั้นมันค่อนข้างแปลก นายพลยเป็นใครงั้นเหรอ? เขาเป็นหนึ่งในสิบนายพลผู้ก่อตั้ง และตอนนี้เขาเป็ฯเหมือนทูตที่คอยรักษาความสงบสุข
ต่อให้มีนายพลยเพียงคนเดียวในตอนนั้น เขาก็สามารถที่จะผนึกประตูมิติได้เป็นเวลา100ปี
แต่ในกลุ่มที่ช่วยนายพลยิผนึกประตูนั้น ยังมีอีกเก้านายพลซึ่งเก่งกาจพอๆกับนายพลย
สิบผู้ก่อตั้งนั้นทําการผนึกประตูด้วยกัน! ผนึกนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหน? เป้าหมายของพวกเขานั้นก็คือทําให้ประเทศปลอดภัยจากประตูมิติกว่าพันปี
แต่ผ่านไปเพียง 6 เดือน ความผันผวนมิติของประตูก็ถูกตรวจพบ หวังหมิงก็คิดไปไกลว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลัง
แต่หวังลิ่งก็สามารถเดาได้ว่าใครกันที่จะอยู่เบื้องหลังแบบนี้ได้ มันเป็นคนที่อยากจะสร้างความปั่นป่วนเพื่อที่จะปกปิดความจริงที่เขาต้องการจะฟื้นคืนชีพ…
โดยหวังลิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้เขาควรจะต้องสนใจและใส่ใจกับมันไปสักนิด