(One Useless Rebirth) เกิดใหม่อีกครั้งอย่างไร้ [Yaoi] - ตอนที่ 84
เขาปรับสีหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในขณะที่เหอไป่ไม่พอใจ ดังนั้นเต๋อชูเหอจึงเริ่มหมดความอดทนพร้อมกับขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ร่างกายของเขาเครียดขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความหดหู่ ในขณะที่เขาคิดว่าทำตัวไม่ถูก
แชะ.
“เยี่ยมมาก” เหอไป่วางกล้องลงและลูบไล้เส้นผมของเต๋อชูเหอเหมือนกับตบเขาเบา ๆ เหมือนกับกำลังตบศีรษะสุนัข ที่กำลังยิ้มกว้าง ทำให้เขาหัวเราะออกมา “เด็กโง่เต๋อ ขอมือซ้าย”
เต๋อชูเหอจ้องมองไปที่ฝ่ามือขาว ๆ และจับโดยสัญชาตญาณ ในขณะที่เลิกคิ้วขึ้น เมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จากนั้นเขาก็มองอยากจริงจัง พร้อมกับกัดฟันแน่นอีกครั้ง “เจ้าลูกหมา!”
ในขณะนั้น เหอไป่ยกกล้องขึ้นและกดชัตเตอร์อย่างว่องไว
เต๋อชูเหอรู้สึกแข็งกระด้างกับท่าทางที่โหดร้าย
“เสร็จแล้ว” เหอไป่วางมือที่ไหล่ของเต๋อชูเหอ และมองลงเพื่อตรวจสอบภาพเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อได้เห็นรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจของเขา ความโกรธของเต๋อชูเหอก็หายไป เขาสงบลง เอาล่ะ ตอนนี้เขาอายุมากกว่าหมาน้อยหลายปี มันเป็นความรักผิดชอบเขาที่ต้องอดทนเอาไว้
เหอไป่รู้สึกยินดี เขาปิดกล้องแล้วยื่นมือไปดึงเต๋อชูเหอซึ่งยังคงนั่งยอง ๆ เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นเก้าอี้ตัวอื่นอีกเลย เขาจึงนั่งลงเคียงข้างเต๋อชูเหอ และถามเขาว่า “ตอนนี้ผมมาถึงที่นี่ ได้ยินเขาพูดกันว่ากำลังจะมีวันหยุด คุณมีวันหยุดด้วยหรือเปล่า?”
เก้าอี้พักผ่อนของเต๋อชูเหอค่อนข้างสบาย เพียงพอต่อการรองรับชายทั้งสองคนได้ แต่เพราะเต๋อชูเหอมีความคิดอย่างอื่นแอบแฝง เขาจึงทนนั่งต่อไปไม่ได้ เขาลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อรู้สึกว่าลมหายใจของอีกฝ่ายพ่นลงบนไหล่ของเขา เขาปกปิดความกังวลใจด้วยการหยิบขวดน้ำจากถังน้ำข้าง ๆ และส่งให้เหอไป่ จากนั้นก็เอนตัวอิงกับเสาข้าง ๆ และพายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติ “ใช่ ได้วันหยุดมา 3 วันล่ะ มีเวลาให้นายมากพอเลยล่ะ”
เหอไป่ถือขวดน้ำดูเต๋อชูเหอพิงเสาแล้วยิ้ม “เยี่ยมเลย ผมมีวันหยุด 5 วัน มากพอที่จะทำงานให้เสร็จและไปเที่ยวเล่นกับคุณ”
หวังบ่อกี้เข้ามาในเวลาที่เหมาะสม เขาวางเก้าอี้ไว้ข้าง ๆ เหอไป่
เหอไป่มองไปที่หวังบ่อกี้ กล่าวขอบคุณพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตร
เต๋อชูเหอมองไปที่หวังบ่อกี้ในทำนองเดียวกัน จากนั้นเขาก็ก้าวไปนั่ง และพูดแนะนำสั้น ๆ เกี่ยวกับหวังบ่อกี้ จากนั้นเขาก็หันไปพูดว่า
“คุณและผู้ช่วยอันก็ควรพักผ่อนด้วยเหมือนกัน กลับมาที่สตูดิโอให้ตรงเวลาล่ะ ถ้ามีอะไรเร่งด่วนก็โทรหาฉันได้”
“ครับ คุณเต๋อ” หวังบ่อกี้ตอบด้วยความเคารพ พยักน้าอย่างสุภาพให้กับเหอไป่และหันกลับไป
เหอไป่มองดูคนที่กำลังจากไป แล้วหรี่ตา ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจากนั้นเขาก็หันกลับมาและถามว่า “คุณหวังคนนี้เป็นผู้ช่วยที่พ่อของคุณหาให้หรือเปล่า? คุณติดสินบนเขาเหรอ?”
“อืม” เต๋อชูเหอพยักหน้าและตอบด้วยความจริงใจว่า
“ฉันตรวจสอบข้อมูลของเขาและพบความลับของเขาเข้า ตอนนี้เขาเลยทำงานให้กับฉัน”
เหอไป่ประหลาดใจ “คุณหลอกล่อให้เขาทำงานให้งั้นเหรอ”
เต๋อชูเหอค่อนข้างสับสนเมื่อเขาอธิบายให้เหอไป่ฟัง เขาชอบเหอไป่และหวังว่าเหอไป่ก็สนใจเขาเหมือนกัน เขาไม่เคยปิดบังความอาฆาตพยาบาท แม้แต่เรื่องที่วางแผนต่อครอบครัวของเขา เขาไม่เคยคิดจะปิดบังเรื่องเหล่านี้จากเหอไป่เลย คงจะดีหากเหอไป่ยอมรับเขาที่เป็นเช่นนี้ได้เช่นกัน ไม่เช่นนั้น เขาคงต้องหาวิธีอื่นที่จะได้รับการยอมรับจากเขาทีละขั้น โชคดีที่เหอไป่ตอบรับเขาเป็นอย่างดี
“อืม วิธีเอาผลประโยชน์มาหลอกล่ออาจเป็นวิธีที่ล้าสมัย แต่ก็ได้ผล” เขาอดไม่ได้ที่จะมีความสุขมากขึ้น เขามองไปที่ผู้ชายที่เขารัก หมาน้อยเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจผู้อื่น เขาเป็นคนดีกว่าที่คิด
เหอไป่เลิกคิ้วขึ้นเพื่อแสร้งทำเป็นว่าเขาหงุดหงิดเมื่อเห็นท่าทีของเต๋อชูเหอ แต่เขากลืนคำพูดล้อเลียนลงบนปลายลิ้นของตัวเองเสีย เมื่อเขาเห็นว่ามีเจ้าหน้าคนอื่น ๆ เดินเข้ามาลาผู้กำกับเจียงทีละคน จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นและวางขวดน้ำลง “ผมจะไปทักทายผู้กำกับเจียงสักหน่อย คุณจะมาด้วยกันไหม?”
เต๋อชูเหอมองกลับไปที่ผู้กำกับเจียง ยับยั้งตัวเองและลุกขึ้นจากนั้นก็เดินไปกับเหอไป่
หยางเวิ่นเถียนเพิ่งคุยกับเจียงกวางซานเสร็จ และเดินจากไป เขาพับกับเหอไป่และเต๋อชูเหอระหว่างทาง เต๋อชูเหอเริ่มทักทายหยางเวิ่นเถียน ดูพวกเขาค่อนข้างจะสนิทกัน
เหอไป่มองไปที่เต๋อชูเหออย่างอยากรู้อยากเห็น ซึ่งดูเหมือนคนที่แตกต่างไปจกาเดินโดยสิ้นเชิง เสียใจจริง ๆ ที่เขาไม่ได้พากล้องถ่ายรูปมาด้วย ไม่อย่างนั้น เขาคงได้ถ่ายรูปสีหน้าของเต๋อชูเหอในตอนนี้ได้
เจียงกวานซานกำลังคุยกับผู้ช่วยผู้กำกับ เขาเห็นเต๋อชูเหอเดินเข้ามาใกล้ เงยหน้าขึ้น จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้น โบกมือให้กับเต๋อชูเหอ ก่อนที่คนนั้นจะเข้ามาใกล้และพูดว่า “ชูเหอ มาได้จังหวะพอดี ฉันลืมบอกนายไปว่า ตงหนีจะมาที่กองถ่ายหลังวันหยุด การถ่ายทำตอนแรกหลังจากวันหยุดจะเป็นฉากที่ต้องใช้สลิง ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเลยล่ะ ดังนั้นช่วงหยุดนี้ก็พักผ่อนให้เยอะ ๆ อย่างใช้พลังงานมากเกินไปล่ะ งานถ่ายทำจะหนักขึ้นหลังจากที่ตงหนี่มากลับไปแล้ว”
เมื่อได้ยินชื่อตงหนี่ เต๋อชูเหอก็หันไปมองเหอไป่ที่อยู่ข้าง ๆ จากนั้นเขาก็หลบสายตาอย่างรวดเร็ว เมื่อสังเกตเห็นเหอไป่ที่สงสัย เขามองกลับไปที่เจียงกวานซาน และตอบกลับ “เข้าใจแล้วครับ ผู้กำกับเจียง”
จากนั้นเจียงกวานซานก็สังเกตเห็นเหอไป่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เต๋อชูเหอ ซึ่งดูไม่คุ้นเคยและขมวดคิ้วเล็กน้อย
เหอไป่ยิ้มทันทีจากนั้นหยิบนามบัตรพร้อมกับ usb ยื่นให้กับเจียงกวานซานอย่างน้อบน้อม ด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นกล่าวแนะนำตัวเองอย่างสุภาพ
“ยินดีที่ได้รู้จักครับผู้กำกับเจียง ผมชื่อเหอไป่. นี่เป็นของที่อาจารย์ซวีอิ๋นหลง อาจารย์ของผม ขอให้ผมนำมามอบให้คุณครับ ขอโทษที่ทำให้คุณต้องรอนานครับ”
เจียงกวานซานผ่อนคลายลงเมื่อเขาได้ยิน และมองเขาด้วยสายตาที่เมตตา เขารับนามบัตรและมองไปที่มัน จากนั้นเขาก็ยื่น usb ให้กับผู้ช่วยผู้กำกับ ยื่นมือให้กับเหอไป่
“เธอเป็นลูกศิษย์ของเหลาซวี่สินะ ขอบใจมากสำหรับการเดินทางที่ยากลำบาก ฉันได้ยินจากจากเหลาซวี่แล้วว่า เธอต้องการทำงานที่ได้รับมอบหมายในกองถ่ายนี้ ตามสบาย แต่อย่าใช้แฟลชล่ะ”
เหอไป่จับมือกับเจียงกวานซานด้วยทั้งสองมือ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่น่าพึงพอใจ ขอบคุณเจียงกวานซานสำหรับโอกาสในการถ่ายทำ จากนั้นก็สัญญาด้วยความจริงใจว่าจะไม่สร้างปัญหาใด ๆ ให้กับทีมงาน
เต๋อชูเหอคิดว่าเหอไป่กำลังทักทายอย่างง่าย ๆ เขามองไปที่เหอไป่พร้อมกับบรรดาทีมงานคนอื่น ๆ
หลังจากแยกจากเจียงกวานซาน พวกเขาก็ออกจากที่นั่น เหอไป่กลับไปที่โรงแรมพร้อมกับเต๋อชูเหอ
“นายยอมรับอย่างเป็นทางการแล้วเหรอว่าผู้อาวุโสซวี่เป็นอาจารย์” หลังจากกลับไปที่ห้อง เต๋อชูเหอผู้ซึ่งระงับความอยากรู้อยากเห็นของเขามาตลดทาง ก็อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามขึ้น
เหอไป่ถอดเสื้อคลุมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาแล้วพยักหน้า “อืม ไม่นานนี่เอง”
เต๋อชูเหอเหลือบมองไปที่เอวและขายาว ๆ ของเหอไป่ เขาเลื่อนกระเป๋าเดินทางของเหอไป่ไปไว้ข้างตู้เสื้อผ้า จากนั้นเขาก็หันกลับมาและนั่งลงที่ขอบเตียง ทำหน้ามุ่ยใส่เขา ในที่สุดก็ตั้งคำถามที่สะเทือนใจขึ้น
“นายไม่ได้มาที่นี่เพื่อฉัน แต่มาที่นี่เพื่อคุณเจียงงั้นเหรอ?”
เหอไป่ประหลาดใจมองไปที่เต๋อชูเหออย่างสนุกสนาน และเตะเขาด้วยเท้า
“นั่นเป็นสาเหตุทำให้คุณหน้าบูดเบี้ยวมาตลอดทางงั้นเหรอ คุณนี่มันไร้เดียงสาแค่ไหน ที่ต้องมาใส่ใจกับเรื่องนี้”
เต๋อชูเหอหนีบของเขาไว้ เพื่อไม่ให้เขาผละออก โดยไม่พูดอะไรสักคำ พร้อมกับทำหน้าบึ้งตึง
ด้วยอารมณ์เช่นนี้ของเขา ทำให้เหอไป่คิดว่าอายุจิตใจของเต๋อชูเหอน้อยกว่าอายุจริงไป 3 ปี!
เหอไป่รู้สึกผิดหวัง เขาหยุดดิ้นรนและขยับร่างกาย จากนั้นเขาก็อธิบายว่า
“จริง ๆ ผมตั้งใจมาหาคุณและก็มาส่งของให้คุณเจียงด้วย สองสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมัวแต่ยุงกับการถ่ายปกอัลบั้มให้กับจุนเฉิน อาจารย์เขาได้ยินว่าผมจะมาหาคุณในช่วงวันหยุดวันชาติ เขาเลยฝากของมากับผม แล้วยังมอบหมายงาใหม่ให้ผม หลังจากที่ได้ปรึกษากับทางคุณเจียงแล้ว”
หลังจากได้ยินคำอธิบาย เต๋อชูเหอก็อารมณ์ดีขึ้น เขาเห็นเหอไป่นอนอยู่ตรงหน้า จากนั้นคิ้วของเขาก็คลายและปากก็โค้งงออย่างเจ้าเล่ห์ถามว่า “นายถ่ายรูปฉันทันทีที่มาถึงที่นี่ งั้นก็แปลว่าการถ่ายรูปฉันเป็นงานชิ้นใหม่ของนายงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่.” เหอไป่ตอบอย่างไร้เยื่อใย
เต๋อชูเหอทำหน้าตายทันที ที่เขารู้สึกหงุดหงิด เขาคลายขาของเหอไป่ ก้มลงเพื่อจับข้อเท้าของเขา แล้งดึงมันวางบนหัวเข่าของเขา จับมันไว้ไม่ให้เขาเคลื่อนไหว
“เฮ้!” เหอไป่ตกใจ เขาจึงใช้ขาอีกข้างเตะไปที่เต๋อชูเหอ พร้อมกับตำหนิออกไปว่า “คุณทำตัวเป็นเด็กไปได้ยังไง เจอกันครั้งแรกคุณไม่ได้เป็นแบบนี้นี่…ปล่อยนะ! งานของผมในครั้งนี้คือการถ่ายตัวละครเอกในทีมของคุณ จากนั้นนำมาจัดวางให้อยู่ในภาพเดียว เพื่อสร้างโปสเตอร์ แล้วก็ถ่ายทำทีมงานที่เกี่ยวข้องระหว่างการถ่ายทำ ใช่แล้วล่ะ ผมกำลังถ่ายรูปคุณ แต่ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวเข้าใจไหม?”
เต๋อชูเหอจับขาทั้งสองข้างของเหอไป่ลง พร้อมกับลากเขาลงจากโซฟา
“อะไรน่ะ!” เหอไป่ผละจากโซฟาและกำลังจะล้มลง
เต๋อชูเหอเหยียดแขนออกเพื่อพยุงหลังของเหอไป่ ขยับขาไปข้างหน้าและยื่นมือกลับมาวางไป่ไว้ที่ขาของเขาอย่างมั่นคง
เหอไป่ : “…”
เต๋อชูเหอยิ้มอย่างพอใจด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “นายไม่จำเป็นต้องถ่ายคนอื่นหรอก เพราะว่าฉันเป็นนักแสดงนำในช่วงสองวันหลังจากวันหยุด ถ่ายฉันคนเดียวก็พอแล้ว”
เหอไป่คลายมือของเขา ซึ่งอยู่ที่เอวของเต๋อชูเหอ เพื่อรักษาสมดุลของร่างกายออก จากนั้นจึงยกเสื้อของเต๋อชูเหอขึ้นทันที