(One Useless Rebirth) เกิดใหม่อีกครั้งอย่างไร้ [Yaoi] - ตอนที่ 83
แผนการโฆษณาจบลงอย่างยอดเยี่ยม และความนิยมของเหอไป่ก็พุงสูงขึ้นกว่าเดิม หลังจากการพูดคุยกันอย่างเผ็ดร้อนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำให้แฟน ๆ ของจุนเฉินท่วมท้น!
นอกจากนี้ในที่สุด เหอไป่ก็ก้าวขึ้นสู่สถานที่สำคัญในวงการบันเทิงและได้เป็นช่างภาพที่ยอดเยี่ยมและเป็นที่นิยมซึ่งสามารถทำงานถ่ายภาพี่โดดเด่นในฐานะช่างภาพหน้าใหม่ผู้มีพรสวรรค์
จากการรีทัชรูปภาพไปยังช่างภาพตั้งแต่การถ่ายภาพพิธีกรหน้าใหม่ของสถานีโทรทัศน์ ไปจนถึงการถ่ายภาพปกอัลบั้มของนักร้องสุดฮิต เหอไป่มีชื่อเสียงมากขึ้นและดึงดูดความสนใจของผู้คนที่อยู่ในระดับแนวหน้าของวงการบันเทิง หลินเซี่ยวางสาย เป็นสายที่ห้าแล้ว พวกเขาต่างติดต่อเพราะอยากได้ความคิดเห็นจากยี่เค่อ เขาถอนหายใจด้วยความสุขปนความทุกข์
น่าดีใจที่อัลบั้มของจุนเฉินได้รับความนิยมอย่างมาก ก่อนที่จะเปิดตัวเป็นทางการเสียอีก และทางแบรนด์เงือกน้อยก็กลายเป็นที่นิยมอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เมื่อปกอัลบั้มประสบความสำเร็จ เหอไป่คงจะออกจากยี่เค่อในไม่ช้า
เธอถอนหายใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและกดโทรออกหาจู้เค่อ ถามอย่างทำอะไรไม่ถูก “พี่คะ เรื่องหาช่างภาพคนใหม่เป็นยังไงบ้างคะ…”
วันชาติ (วันหยุดของจีน) กำลังจะมาถึง เหอไป่ได้ส่งมอบบัญชีเว่ยป๋อของเขาให้กับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบบัญชีชั่วคราว และขึ้นเครื่องบินไปยังเมือง D พร้อมกระเป๋าเดินทางในวันที่ 30 กันยายน
อากาศเย็นลงหลังจากที่ย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง เหอไป่ยืดคอมเสื้อปรับแมสและแว่นกันแดด ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง
การถ่ายทำละครเรื่องใหม่ของเจียงกวานซาน ถูกปิดเป็นความลับ ทีมงานทุกคนต่างได้ทำสัญญาห้ามเปิดเผยข้อมูล ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีชายหนุ่มแปลกหน้าถือกระเป๋าเดินทางโผลออกมานอกฐานที่ตั้งเพียงลำพังอย่างนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจสอบเขาอย่างมาก เพราะกลัวว่าชายคนนี้จะเป็นปาปารัสซี่ของหนังสือพิมพ์ไหนสักแห่ง พวกเขาจึงเดินเข้ามาขับไล่เขาออกไป โดยอ้างว่า “ข้างหน้าเป็นงานก่อสร้างถนน รบกวนใช้ทางอ้อมด้วยครับ”
เหอไป่ถอดแว่นกันแดดและแมสออกส่งยิ้มให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พร้อมกับกล่าวว่า “สวัสดีครับ อาจารย์ของผม ซวีอิ๋นหลง มอบหมายให้ผมเอาเอกสารมาส่ง นี่คือบัตรของผมครับ รบกวนแจ้งผู้กำกับเจียงว่าผมมาที่นี่ด้วยครับ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคน รับบัตรของเหอไป่ มองดูด้วยความตะลึงงัน จากนั้นพวกเขาก็ยิ้มอย่างเป็นมิตร “คุณเป็นลูกศิษย์ของคุณซวีนี่เอง ผู้กำกับกำลังรอคุณอยู่ โปรดตามผมมาครับ”
เหอไป่พยักหน้า ลากประเป๋าเดินทางและตามพวกเขาเข้าไปในอาคาร
ในกองถ่าย เต๋อชูเหอเพิ่งถ่ายทำเสร็จ เขารับโทรศัพท์มือถือจากหวังบ่อกี้และเปิดเครื่อง พบว่าเหอไป่ยังคงไม่ตอบกลับข้อความของเขา คิ้วของเขาร่วงต่ำลงโดยไม่รู้ตัว
เป็นเวลาหลายวันนับตั้งแต่การโทรคุยกันครั้งสุดท้าย จู่ ๆ หมาน้อยก็ยุ่งและไม่รับโทรศัพท์หรือส่งข้อความแม้จะไม่ได้บอกว่าเขาจะมาที่เมือง D ดูเหมือนว่าเขาจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว
เขาคงยังโกรธอยู่แน่ ๆ เลย…
เต๋อชูเหอมองไปที่มุมหนึ่งของฉากและตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า
พรุ่งนี้เป็นวันชาติ หมาน้อยคงได้กลับบ้านแล้ว แม้ว่าเขาจะรีบกลับไปที่เมือง B แต่ก็คงจะคลาดกันกับเหอไป่…
“คุณเต๋อครับ ผู้กำกับเจียงบอกว่า อีกหลายวันจะมีนักท่องเที่ยวมาที่นี่จำนวนมาก เพื่อให้สถานที่ถ่ายทำเป็นความลับ เขาจึงให้เราหยุดงานได้สามวัน ผมจะจองตั๋วเครื่องบินกลับเมือง B ให้คุณเลย โอเคไหมครับ” หวังบ่อกี้เพิ่งถามเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ด้วยอย่างสุภาพ
เต๋อชูเหอเข้าไปใกล้เขา เหลืองมอบหน้าจอมือถือแล้วส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่ต้อง ฉันกำลังรอ…”
“รออะไรอยู่เหรอ?”
เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหลังสองก้าว
เต๋อชูเหอหยุดและหันหน้าไปทางที่ต้นเสีย เพราะเขาไม่เชื่อหูของตัวเอง ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความคาดหวังเมื่อเขาผลักหวังบ่อกี้ไปข้าง ๆ และเดินตรงไปหาชายหนุ่มที่ถือกระเป๋าเดินทาง เขายังคงทำหน้าแปลกพร้อมกับกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
“ทำไม ทำหน้าแปลกใจอย่างนี้ล่ะ?” เหอไป่เลิกคิ้วเอื้อมมือไปจับคอเสื้อของเต๋อชูเหอให้ตรง และบีบกล้ามเนื้อมที่ปูดบนแขนของเขา พลางถามอย่างจงใจว่า “กำลังจะต่อสู้งั้นเหรอ?”
เต๋อชูเหอจ้องไปที่เขา ส่วนที่เหอไป่สัมผัสมีอุณหภูมิที่ไม่สามารถควบคุมได้
เขากระแอมในลำคอทันใดนั้นเขาก็ยืดแขนขึ้นเพื่อจับตัวเหอไป่มาไว้ในอ้อมแขน พร้อมกับลูบหัวของเขา แล้วพูดขณะกัดฟันว่า “หมาน้อย ฉันไม่ชอบเซอร์ไพรส์แบบนี้เลย”
“คุณเรียกนี่ว่าเซอร์ไพรส์งั้นเหรอ?” เหอไป่ขยับร่างกายเล็กน้อย เพราะยังไม่คุ้นเคยกับวิธีการแสดงความดีใจของเขา เขาเงยหน้าไปข้างหลังและพูดว่า
“ผมบอกไปแล้วนี่ ว่าผมจะมาหาคุณในวันชาติ ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลย”
เต๋อชูเหอยกมือขึ้นจับด้านหลังศีรษะของเหอไป่ ดึงเขากลับมาที่แขนพร้อมกับพาเขาไปที่เก้าอี้ โดยไม่คำนึกถึงการขัดขืนและเสียงตะโกนของเขา จากนั้นเขาก็นั่งยอง ๆ วางมือบนแขนเงยหน้าขึ้นมองเหอไป่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “หมาน้อย ฉัน…”
“เดี๋ยวก่อน!” เหอไป่ตบศีรษะเต๋อชูเหอ พร้อมกับหันหน้าไปส่งสัญญาณให้หวังบ่อกี้ยกกระเป๋าเดินทางไป
เมื่อเดาได้ว่าเขาเป็นใคร ตามปฏิกิริยาของเต๋อชูเหอ หวังบ่อกี้ก็ช่วยเขายกกระเป๋าเดินทางอย่างเชื่อฟัง
เหอไป่ขอบคุณเขา ก้มลงเปิดกระเป๋าเดินทางและหยิบกล้องออกมาจากข้างใน
เมื่อเปิดและตั้งค่ากล้อง เขาโฟกัสกล้องไปที่เต๋อชูเหอ ที่กำลังนั่งยอง ๆ อยู่ตรงหน้าเขา
เขายกมือขึ้นลูบศีรษะเขาแล้วบอกกับชายคนที่อยู่ตรงหน้า
“ทำแบบเมื่อกี้อีกครั้งสิ มันมีเสน่ห์มากเลยนะราวกับหมายป่ามองเห็นเหยื่อ ดูเหมือนว่าคุณจะแสดงได้เข้ากับบทบาทที่คุณเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมจริง ๆ อาจารย์ของผมให้ผมมาถ่ายภาพนี้ล่ะ เร็วเข้า!”
เต๋อชูเหอที่แทบจะแยกเขี้ยวด้วยแรงกระตุ้น “…”
“อืม” เหอไป่วางกล้อลงและมองเขาอย่างไม่พอใจ “ผมไม่ควรรีบยกย่องคุณเร็วเกินไปเลย ดูสิ เปลี่ยนจากหมาป่าเป็นหมาทั่วไปซะละ ทำไมไม่ทำให้มันดี ๆ หน่อย ให้เห็นฟันด้วย เร็วสิ!”
เต๋อชูเห่อจ้องมองเขา
“เร็วเข้า ไม่งั้นวันหยุดผมก็พังโดยไม่มีงานส่งกันพอดี” เหอไป่ยกกล้องขึ้นอีกครั้ง
“…”
“เจ้าเด็กบ้านี่!” เหอไป่ตะโกนด้วยน้ำเสียงคุกคาม
หวังบ่อกี้ขมวดคิ้วและรู้สึกว่านักศึกษาคนนี้ดูจะไม่สุภาพเอาเสียเลยและพร้อมที่จะเข้าไปห้ามปราม
เต๋อชูเหอก้มศีรษะของเขา มือของเขาจับและคลายออกอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองเหอไป่และยิ้มออกมา
“…อย่างนี้เหรอ?”
หวังบ่อกี้หยุดที่จะเข้าไปแทรกและตักเตือนเหอไป่ “…”
ดี…ก้าวร้าวกว่านี้อีกหน่อยได้ไหม”
เต๋อชูเหอลดศีรษะลงเล็กน้อยและยักคิ้วถามว่า “โอเคไหม?”
“ยัง” เหอไป่แสดงความกระตือรือร้นน้อยลง
เต๋อชูเหอรีบเปลี่ยนท่าทีเพื่อตอบสนองความต้องการของเขา
หวังบ่อกี้ที่มองดูอยู่อย่างเงียบ ๆ มันทำให้เขารู้สึกว่า เจ้านายของเขา เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเพื่อนรุ่นน้องร่วมมหาวิทยาลัย ดูค่อนข้างเหมือนสุนัขจริง ๆ เลย