God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 998
ตอนที่ 998
หลังมื้อเย็น ลั่วฉวน เหยาซือเย่ว์ และเหยาซือหยานจึงเริ่มเล่นไพ่
พิชิตแลนด์ลอร์ด
ขณะที่เหยาซือหยานชนะไปไม่ทราบกี่ตา ลั่วฉวนก็พลันจมดิ่งใน
ความคิด
นี่เรากำลังทำอะไรอยู่?
เล่นไพ่กับเทพธิดาแห่งโชคลาภ แส่หาความอับอายไม่ใช่หรือไงกัน?
มันก็ไม่ใช่แพ้ตลอด ยังมีครั้งที่เขากับเหยาซือเย่ว์ผลัดกันชนะบ้าง
แต่นั่นก็ยากลำบากไม่ใช่น้อย
ลั่วฉวนมองทางเหยาซือเย่ว์ที่นั่งอยู่ด้านข้าง นางยังคงเผยสีหน้าสน
อกสนใจอย่างเปี่ยมล้น
กลายเป็นว่าเขามานั่งคิดหาสาเหตุว่าทำไมจึงเริ่มเล่นไพ่พิชิตแลนด์
ลอร์ดเสียได้
หลังแพ้อยู่หลายครั้ง ลั่วฉวนค่อยลุกขึ้นยืน
“เถ้าแก่ไม่เล่นต่อแล้วหรือ?” เหยาซือหยานเอ่ยถาม
“ใช่” ลั่วฉวนพยักหน้ารับ จากนั้นจึงมองไปยังฝนที่ตกหนักราวไม่
คิดหยุด “จะไปดูเก๋อหลัวสักหน่อย ไปด้วยกันไหม?”
“ไป” เหยาซือหยานตอบรับก่อนจะหันมองทางเหยาซือเย่ว์
เหยาซือเย่ว์โบกมือตอบก่อนจะมองทางก้อนดำน้อย “พวกท่านไป
ข้าจะอยู่เล่นกับก้อนดำน้อย”
รับชมทั้งสองหายเข้าโลกเสมือนไปแล้ว เหยาซือเย่ว์จึงถอนสายตา
กลับมา
นางจิ้มที่ก้อนดำน้อยพร้อมกล่าวเสียงเบา “ทำไมทั้งสองคนนี้ยังไม่
เปลี่ยนไปทางไหนสักทางเลยกันนะ”
ก้อนดำน้อยหันไปมาอย่างไม่เข้าใจว่าเหยาซือเย่ว์กล่าวถึงอะไร
ต้นไม้โลกที่ตั้งอย่างเงียบงันตรงมุมร้าน ตอนนี้ใบไม้พลิ้วไหวเกิดเป็น
เงาเคลื่อนไปมาบนพื้น มันยังคงทำหน้าที่ไม้กระถางอย่างแข็งขัน
ที่ออรันตอนนี้คือเวลาแห่งการเลือกซื้อ
เมื่อเดินไปตามท้องถนนของออรันในยามกลางคืน อาหารและขนม
มากมายที่ไม่ทราบชื่อจะถูกซื้อมาจนเต็มมือ
แสงส่องสว่างเส้นทางทั้งสองฟากข้างใช้พลังงานเวทมนตร์เป็น
แหล่งพลังงาน มันมากพอที่จะส่องสว่างถนนโดยทิ้งเงาของผู้สัญจร
ที่เดินไปมา
ขณะเดินไปเรื่อย ขนาดของเงาก็จะแปรเปลี่ยนไปตามทิศทางของ
ต้นกำเนิดแสงและวัตถุ เด็กหลายคนต่างเล่นไล่จับเงากันอย่าง
สนุกสนาน
“คึกคักดีจริง” เหยาซือหยานกล่าวออก
“ยังไงแล้วก็เป็นเมืองใหญ่นี่นะ” ลั่วฉวนตอบรับอย่างราบเรียบ
เขาไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่นัก แต่ไม่ช้าก็ต้องเงยหน้ามองขึ้นไปยัง
สองดวงจันทร์สุกสว่างด้านบน
สองดวงจันทรา มันมีเหตุผลใดหรือไม่ที่อยู่เคียงคู่?
บางทีอาจมีโอกาสขึ้นไปรับชม…
ทั้งสองพูดคุยกันไม่กี่คำขณะเดินไปตามทางอย่างไร้เป้าหมาย
และก็ไม่ทราบว่าเมื่อใดเสียงที่ได้ยินจึงเริ่มลดทอนลง
เมื่อหันไป ก็พบว่าแทบไม่มีคนสัญจรแล้ว
แสงสว่างส่องเส้นทางยังคงทำงานแม้ไม่มีคน เป็นผลให้อาคารข้าง
ทางทั้งหลายดูดำมืดสลับสว่าง
ภาพฉากเช่นนี้ดูคุ้นเคยอย่างประหลาด
ร่างเงาเคลื่อนไปมาก่อนที่ชายวัยกลางคนในชุดดำจะปรากฏ
“ทำไมหาข้าเจอทุกครั้งเลยกัน?” ลั่วฉวนเกิดสงสัย
แม้อีกฝ่ายไม่ใช่อ่อนด้อย แต่ก็ยังไกลเกินกว่าจะเรียกว่าต่อต้านสวรรค์
เอลวิสชะงักไปครู่ก่อนจะตอบคำกลับ “ไม่ขอปิดบัง นี่เป็นเรื่องบังเอิญ
ทุกครั้งที่ท่านมาเยือนออรันมักจะเป็นตอนกลางคืน เพราะอย่างนั้น
ข้าจึงได้ทราบข่าวคราวจากทหารลาดตระเวน”
ลั่วฉวนพอเข้าใจได้ อย่างไรทั้งเขาและเหยาซือหยานก็ไม่ได้คิด
ปิดบังตัวตนแต่อย่างใด
และเขาก็ไม่สนด้วยว่าทำไมคนในหน่วยลาดตระเวนของอีกฝ่ายจึง
ต้องรายงานอยู่เสมอ
“ครั้งนี้มีอะไรหรือ?” ลั่วฉวนกล่าวถามเรียบง่าย
เขาไม่คิดว่าเอลวิสจะลงแรงถ่อมาถึงที่นี่เพียงเพื่อกล่าวคำทักทาย
หากเป็นเช่นนั้น จ้าวเมืองออรันก็ว่างงานเกินไปแล้ว
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” เอลวิสเกิดลังเล “ข้าเพียงอยากสอบถาม ว่า
เหตุใดจำนวนของผู้มาเยือนจึงน้อยลงกว่าก่อนหน้านี้”
เพราะลูกค้าบางส่วนไปเล่นกลอรี่ยังไงล่ะ
ลั่วฉวนทราบสาเหตุและกำลังเรียบเรียงคำพูด “เกิดเรื่องราวขึ้น
เล็กน้อย แต่ไม่ได้กระทบอะไรกับโลกแห่งนี้”
แม้เหยาซือหยานสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน แต่ภายในก็อดไม่ได้ที่จะ
หัวเราะเบา
ท่าทีจริงจังของเถ้าแก่นั้นหาชมได้ยากไม่น้อย
เมื่อได้ยินถ้อยคำครึ่งแรกของลั่วฉวน เอลวิสเกิดร้อนใจ แต่อีก
ครึ่งหนึ่งก็ทำเขาวางใจ
เรื่องราวจะเกิดขึ้นที่โลกอื่น ก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจแต่อย่างใด
สมแล้วกับที่เป็นผู้มาเยือนที่เดินทางระหว่างโลกไปมาได้ตามใจชอบ
ซึ่งก็รวมถึงบุคคลตรงหน้าด้วย
“เป็นเช่นนี้นี่เอง” เอลวิสพยักหน้ารับ
“มีเรื่องอื่นอีกหรือไม่?” เหยาซือหยานกล่าวถาม
“ไม่มีแล้ว” เอลวิสส่ายศีรษะ “ผู้มาเยือน หวังว่าจะสนุกสนานกับ
การมาเยือนที่นี่”
หลังถอยไปไม่กี่ก้าว เขาก็หายกลับเข้าเงาของอาคารข้างทางราวกับ
กลมกลืนหายวับไปในพริบตา
“เวทมนตร์ช่างน่าทึ่ง แตกต่างจากวิชายุทธ์อย่างสิ้นเชิง” เหยาซือ
หยานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจขณะรับชม
การหายตัวไปในเงา มันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ฝึกตนจะสามารถกระทำ
“พลังเวทมนตร์ รวมถึงพลังวิญญาณนั้นเป็นสองพลังที่แตกต่าง
ความสามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ก็แตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน” สีหน้า
ลั่วฉวนไม่เปลี่ยนแปลง
ในความเห็นของเขา มันก็เป็นเพียงสองพลังงานที่ไม่เหมือนกัน
เสียงที่เลือนหายไปเริ่มปรากฏอีกครั้ง กลุ่มคนค่อยปรากฏบนถนน
“เหมือนว่าจะเป็นเวทมนตร์สำหรับใช้กันคนออกไป ผลลัพธ์ที่ได้คือ
ผู้คนจะทำเหมือนที่ตรงนี้ไม่มีอยู่” เหยาซือหยานเผยยิ้ม
การปรากฏตัวของเอลวิสก็แค่เรื่องราวเล็กน้อย ไม่ได้ส่งผลกระทบ
ใดมาก
ตอนนี้ทั้งสองจึงเดินรับชมกันต่อไป
ลั่วฉวนใช้โอกาสนี้สอบถามระบบถึงความคืบหน้าการวิเคราะห์
ระดับโลก แต่คำตอบก็ยังคงคลุมเครือ มันไม่อาจบอกเป็นตัวเลข
ก็ไม่ใช่ว่าผิดคาดหรืออะไร
อย่างไรแล้วตอนนี้สิ่งที่ยังคงเหมือนกันก็คือเวลา
และเพราะการคงอยู่ของหายนะ ในช่วงเวลาอันยาวนานของเก๋อหลัว
นั้นแทบไม่มีความสงบคงอยู่ แต่มันก็มีเว้นช่วงให้มากพอที่เผ่าพันธุ์
ทั้งหลายจะฟื้นคืนกลับมา
นอกจากนี้แล้ว จนกระทั่งถึงตอนนี้กองกำลังใหญ่ทั้งหลายยังไม่ทราบ
สาเหตุแท้จริงถึงพลังงานที่หายนะนำมาใช้ รวมถึงการหดตัวของ
แดนโกลาหลด้วย
แนวคิดที่ว่าจะเข้าไปยังแดนโกลาหลและสืบหาสาเหตุ มันต้อง
พังทลายไป
แดนโกลาหลตอนนี้คือพื้นที่อันตรายโดยสมบูรณ์ มันมีแต่สัตว์
ประหลาดมากมายคงอยู่ พลังแห่งการทำลายล้างกระจายเกิดขึ้นไม่
หยุดหย่อนทั่วพื้นที่
หากเร่งร้อนส่งหน่วยสำรวจเข้าไป ต่อให้แบกรับความอันตราย
ทั้งหลายเหล่านั้นก็ยังถือว่าประมาทเกินไป ต่อให้มีเก้าชีวิตก็คงตาย
เรียบ
ตำแหน่งของสองดวงจันทร์สุกสว่างบนฟากฟ้ากำลังเคลื่อนตัวสูง
ขณะเวลาผันผ่านไป
เมื่อออกมาจากโลกเสมือน ลั่วฉวนจึงหาวอย่างง่วงงุน
เหยาซือเย่ว์ยังไม่กลับ คืนนี้นางคิดนอนค้างที่นี่
ลั่วฉวนกลับขึ้นชั้นบนก่อน จากนั้นจึงอาบน้ำและกลับเข้าห้องไป
เมื่อนอนลงบนเตียง เขาจึงนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมา
ได้เล่นโทรศัพท์สักพักก็น่าจะทำให้ง่วงจนหลับไปได้เช่นกัน
เขาเลือกที่จะเข้ากลุ่มแชท
แม้เป็นเวลาค่ำคืนก็ยังคงมีคนพูดคุยกันอย่างคึกคัก
เว้นแต่ชาวไซเรนที่ไม่รู้เรื่องเวลา ผู้อื่นต่างก็เป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่ง
ที่แม้นอนน้อยก็ไม่เป็นไร
สำรวจมองดูหน้าจออยู่พักหนึ่ง ลั่วฉวนจึงได้ข้อสรุปว่าหัวข้อสนทนา
ตอนนี้ไม่พ้นเรื่องหยวนก่วยรับตัวศิษย์
ในบรรดาหลายคนเหล่านั้น ลูกค้านามโนริเอลค่อนข้างกระตือรือร้น
พิมพ์พูดคุยที่สุด