God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 996
ตอนที่ 996
จากถ้อยคำอันเรียบง่าย เอวานน่ารับรู้ได้ถึงอันตรายซ่อนลึก
“ไม่นึกเลยว่าทางด้านนั้นจะเผชิญเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้” นางกล่าว
ออกพร้อมจับจ้องที่ราชินีไซเรนซึ่งอยู่ไกลห่างผ่านทางหน้าจอด้วย
ความโกรธเคือง “ไฉนไม่ให้ข้าไปช่วย?!”
ราชินีไซเรนเผยยิ้มอันสงบตอบรับ “วิกฤตนั้นคลี่คลายแล้ว ก็ให้มัน
จบไปไม่ดีกว่าหรือ?”
ท่าทีโกรธเคืองของเอวานน่าเลือนหาย นางถอนหายใจด้วยอาการ
อับจน “ก็ได้ ยังไงประเด็นก็คือปัจจุบัน เมื่อใดไปยังร้านต้นตำรับได้
ต้องขอบคุณเถ้าแก่แล้ว”
ราชินีไซเรนยิ้มตอบ “ถัดจากนี้พูดกล่าวกันถึงการก่อสร้างค่ายอาคม
เคลื่อนย้าย ตามคำของเถ้าแก่ ชาวทะเลในนครใต้สมุทรจะไปยังร้าน
ต้นตำรับผ่านทางประตูแสงของนครไซเรน สองเมืองนี้มีระยะห่าง
ต่อกันไกลโพ้น พวกเราจำเป็นต้องสร้างค่ายอาคมเคลื่อนย้ายอัน
ซับซ้อน”
“เจ้าเชี่ยวชาญด้านมิติอยู่แล้ว คงต้องฝากด้วย” เอวานน่าขยิบตาตอบ
รับ…
ลั่วฉวนนั้นไม่ทราบเรื่องบทสนทนาระหว่างสองราชินีต่างเผ่าพันธุ์
เพราะเขากำลังงีบหลับ
การงีบหลับคือความสุขสบายหลังมื้อกลางวัน ในความเห็นลั่วฉวน
คือการได้พักอันหาได้ยาก แม้ว่าช่วงเช้าเขาจะไม่ค่อยได้ยุ่งอะไรเลย
ก็ตาม
เมื่อลั่วฉวนตื่นขึ้น ท้องฟ้าด้านนอกร้านก็เริ่มหม่นแสงแล้ว
ทั้งร้านสว่างขึ้นด้วยแสงที่สบายตาอย่างไม่ทราบว่าต้นตอแสงมาจาก
ตรงใด ภายในร้านยังมีลูกค้าอยู่มาก
เหมือนว่าจะยังไม่ถึงเวลาปิดร้าน
ท้องฟ้าข้างนอกหม่นแสงนั้นไม่ใช่เพราะตะวันตกดิน แต่เป็นเพราะ
มีเมฆหนา แต่อย่างไรก็ดูเย็นพอสมควรแล้ว
ลั่วฉวนลุกขึ้นยืนเตรียมไปยังหมู่บ้านซากุระจิบกาแฟสักถ้วย
อีกทั้งเขายังคิดอยากได้เห็นว่าพวกชิงหยินเรียนรู้การเล่นเปียโนถึง
ไหนกันแล้ว
ประตูไม้ถูกผลักเปิด จากนั้นจึงเดินเข้าไปยังหมู่บ้านซากุระ
ในอากาศตอนนี้ปรากฏกลิ่นหอมซากุระอ่อนจางพร้อมเสียงเพลงที่
บรรเลงไป
ลั่วฉวนเข้ามา หลายคนในหมู่บ้านซากุระหันมองมาด้วยความสนใจ
และหลายสายตานั้นเกิดความสงสัย
เพราะลั่วฉวนไม่ค่อยมีเวลามาที่หมู่บ้านซากุระสักเท่าใดนัก
ตามตัวเลือกแนะนำ ลั่วฉวนรับเอากาแฟมาถ้วยหนึ่งโดยไม่สนว่าที่
หยิบมานั้นมันคืออะไร
หลังลิ้มรส เขาจึงค่อยพยักหน้ารับด้วยความพอใจ
รสชาติที่ดี
พร้อมเสียงเปียโนที่บรรเลงใกล้จบเพลง
เมื่อเสียงหยุดลง กลุ่มลูกค้าที่อยู่ในที่นี้ยังรู้สึกประหนึ่งเสียงเปียโน
ยังคงบรรเลงอยู่ในโสดประสาทรับฟัง
ลั่วฉวนหยุดนิ่งและครุ่นคิด
หากปรบมือตอนนี้ก็คงไม่ผิดแปลกอะไร
กระนั้นเขาครุ่นคิดและเดินไป
“เหมือนว่าจะเรียนเพลงเอนดิ้งอีได้ครบถ้วนแล้วสินะ” ลั่วฉวนกล่าว
ถาม
“เพิ่งเรียนได้ครบไม่นานมานี้เอง ยังห่างไกลหากจะพูดว่าสมบูรณ์
แบบ” ชิงหยินลุกขึ้นยืนพร้อมส่ายศีรษะตอบคำ
“เถ้าแก่มีเพลงใหม่หรือ?” หลิวลู่อวี่เกิดสงสัย
“มี” ลั่วฉวนพยักหน้ารับ
เมื่อนั่งลงตรงหน้าเปียโน แผ่นกระดาษโน้ตเพลงจึงปรากฏในห้วง
ความคิดของเขา
บรรดาลูกค้าในหมู่บ้านซากุระพอพบเห็น ตอนนี้ต่างนำเอาโทรศัพท์
วิเศษออกกันมา
“รีบมาที่หมู่บ้านซากุระ! เถ้าแก่กำลังจะเล่นเปียโน!”
“จะเริ่มแล้ว และยังเป็นเพลงใหม่ด้วย!”
“…”
หลังข้อความถูกส่งออกไป ความวุ่นวายจึงบังเกิดในกลุ่มแชท
“??!”
“เพลงใหม่งั้นหรือ? แย่นัก ข้าไม่ได้อยู่ที่นครจิ่วเหยา คงไม่ได้ฟังแล้ว”
“เพิ่งออกจากร้านเมื่อกี้นี้เอง กลับไปจะทันไหมเนี่ย?”
“กำลังไป จะถึงแล้ว!”
“ใครก็ได้ถ่ายทอดสดทีได้หรือไม่? ให้พวกเราได้มีส่วนร่วม!”
“ใช่ ใช่ ถ่ายทอดสด!”
“…”
นอกจากนี้แล้วยังมีลูกค้าบางส่วนเดินออกจากหมู่บ้านซากุระไปแจ้ง
ข่าวที่ภายในร้าน
หลายคนกระทั่งเลิกเล่นกลอรี่กลางคัน ถอดหมวกออก และรีบลุก
เหยาซือหยานเงยหน้าขึ้นมองทางบรรดาลูกค้าในร้านที่เกิดวุ่นวาย
ขึ้นมาอย่างไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
“พี่หญิง เถ้าแก่กำลังจะเล่นเปียโนเพลงใหม่!” เหยาซือเย่ว์เดินมา
ตรงหน้าโต๊ะรับเงินพร้อมบอกกล่าว
“งั้นก็ไปรับชม” เหยาซือหยานเกิดสนใจ โทรศัพท์วิเศษถูกเก็บก่อน
จะเดินไปยังหมู่บ้านซากุระ
ไม่ใช่ลูกค้าทุกคนจะไปยังหมู่บ้านซากุระ เพราะอย่างไรแล้วก็ไม่ใช่
ทุกคนจะสนใจฟังเรื่องดนตรี
ยกตัวอย่างในคอนเสิร์ต ก็จะมีบางคนที่ยินดีที่ได้รับฟัง ขณะที่บาง
คนซึ่งโดนลากมาอาจจะเบื่อหน่าย
ลูกค้าของร้านต้นตำรับก็ไม่แตกต่างกัน
พื้นที่ของหมู่บ้านซากุระจะเล็กกว่าภายในร้าน
ด้วยจำนวนลูกค้ามากมายไหลหลั่งเข้ามายังหมู่บ้านซากุระ ส่วน
ใหญ่จึงทำได้เพียงแต่ยืน
เสียงรบกวนปรากฏขึ้นระดับหนึ่ง
แต่ยามที่โน้ตดนตรีแรกถูกเล่น ลูกค้าทุกคนก็พร้อมที่จะปิดปากรับ
ฟังอย่างสงบ
เสียงดนตรีดำเนินไป มันแตกต่างจากสองบทเพลงที่เคยได้ยิน
ราวกับมันเป็นภาพวาดอันตระการตาจากห้วงอดีต
แม้ไม่ทราบเรื่องราวพื้นพลัง แต่มันก็มากพอที่จะทำให้เกิดภาพนึก
คิดในจิตใจผู้คน
ในโลกที่โกลาหล หลายสถาบันเริ่มฝึกสอน แต่ละชาติต่างรวมมือ
กัน เป็นการรวมใจกันต่อสู้
โลกที่ไม่เที่ยงแท้ กระนั้นความอ่อนโยนของสตรีก็ไม่ได้ขาดหาย
เมื่อบทเพลงจบลง ลูกค้าหลายคนยังคงดื่มด่ำกับภาพที่บทเพลงวาด
ขึ้น
“เถ้าแก่ นามของเพลงนี้ว่าอะไร?” ชิงหยินถอนหายใจเสียงเบา ในใจ
นางนั้นประหลาดใจจนแทบไม่อาจสงบใจไว้ได้
“จันทราสุกสว่าง” ลั่วฉวนเองก็รับรู้ได้ถึงความอาจหาญที่ปรากฏ
จากบทเพลง
“เหมือนว่าทุกคนไม่ว่าใครก็เป็นตัวเอกได้” ชิงหยินกล่าวคำเสียงเบา
“ใช่” ลั่วฉวนพยักหน้ารับ
ในชีวิตนี้ ทุกคนต่างก็เป็นตัวเอกของตนเอง นี่ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่
หรือ?
ลูกค้าหลายคนเริ่มดึงสติกลับคืนมากันได้ สีหน้าพวกเขานั้นยังคง
ประหลาดใจไม่หาย
“จักรพรรดิผู้นี้รู้สึกเลือดในกายเริ่มเร่าร้อนขึ้นมาแล้ว!” ดวงตาสีทอง
ของจักรพรรดิปีศาจเผยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
“บทเพลงสามารถสะท้อนถึงผู้ฟัง ข้าค่อยทราบก็ตอนนี้” หลิวลู่อวี่
ถอนหายใจ
เฉิงเหยียนไม่กล่าวอะไรออก สายตานั้นกำลังตื่นเต้นเหมือนกับผู้อื่น
“เถ้าแก่ จันทราสุกสว่างนี้สมควรมีเรื่องราวที่น่าทึ่งด้วยใช่ไหม”
เหยาซือหยานกล่าวถาม
“เป็นเรื่องราวของเจ็ดแคว้นที่ห้ำหั่นต่อกัน” ลั่วฉวนกล่าวบอก
เรื่องราวนั้นเรียบง่าย สุดท้ายเวลาทำการของร้านต้นตำรับก็แทบ
หมดลง
เมื่อลูกค้ากลับจากหมู่บ้านซากุระ สีหน้าพวกเขายังคงครุ่นคิด
ในใจของพวกเขา โลกอันกว้างใหญ่ได้ปรากฏจากท่วงทำนองของ
บทเพลง
รับชมลูกค้าคนสุดท้ายกลับไป ลั่วฉวนจึงไปหยิบโคล่ามาดื่ม
เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ช้าสมควรมีการพูดกล่าวต่อไปเป็นแน่
“เถ้าแก่ เหตุใดท่านทราบเรื่องราวมากมายนัก?” ดวงตาสีม่วงของ
เหยาซือเย่ว์เผยความสงสัย
ใช่ วันนี้นางเลือกจะอยู่ที่ร้านต่อ
“เถ้าแก่ได้ไปพบเห็นมากับตาตนเองหรือ?” เหยาซือหยานร่วมถาม
เขาจะไปเห็นเรื่องราวเช่นนั้นกับตาตนเองได้ยังไงกัน
“ไม่ได้เห็นกับตาตนเอง” ลั่วฉวนส่ายศีรษะตอบกลับ “แต่มันเคย
เกิดขึ้น”
“ในโลกอันโกลาหล เจ็ดแคว้นเกิดการต่อสู้ เช่นนั้นสุดท้ายผู้ใดชนะ?”
เหยาซือหยานเกิดสงสัย
ลั่วฉวนไม่ตอบ แต่เลือกที่จะปล่อยให้ค้างคา
[ประวัติศาสตร์คือกระดูก ศิลปะคือปีก เหล่านี้คือสิ่งที่นำพาอารย
ธรรมมาโดยตลอด]