God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1017
ตอนที่ 1017
คำของเหยาซือเย่ว์ทำให้ลั่วฉวนต้องครุ่นคิด
ตามที่เฮเลนเวียส่งข้อความมา ประตูมิติจะแล้วเสร็จในวันพรุ่งนี้
ชาวทะเลที่จะมาเยือนระลอกแรกน่าจะยังมีจำนวนไม่มาก
กระนั้นแผนการขยายร้านต้นตำรับก็ควรมีการพิจารณาได้แล้ว
และยังมีแผนการอัพเดทกลอรี่ สินค้าใหม่ รวมถึงแอพพลิเคชั่นใหม่…
มากมายเหลือเกิน
ช่างมัน คืนนี้ค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน
พบเห็นลั่วฉวนไม่ต่อบทสนทนา หู่ขวงและคณะจึงได้แต่เงียบและร้องบ่นในใจ
หลังจากที่ปิงชวงใช้เวลาเล่นเกมของวันนี้หมด อานเหวยหยาก็ไม่ได้เข้าไปเล่นต่อคนเดียวแต่อย่างใด
เป้าหมายของนางวันนี้คือระดับสี่สิบ และมันก็สำเร็จผลเรียบร้อยแล้ว
โทรศัพท์วิเศษค่อนข้างดึงดูดปิงชวงไม่ใช่น้อย เวลาที่เหลือของวันนี้นางจึงดื่มด่ำไปกับแอพนักอ่าน
“เวลาผ่านไปรวดเร็วนัก” อานเหวยหยามองทางลูกค้าที่กำลังกลับกันไป จากนั้นจึงยื่นมือไปคว้ามือของปิงชวง “ไปกัน เดี๋ยวพาไปหาอะไรอร่อยกิน”
นางคิดอ่านในใจว่ามื้อเที่ยงวันนี้จะไปทานที่ร้านของหยวนก่วย
แต่เรื่องราวเกินคาดคิด ปิงชวงที่เดินผ่านหน้าโต๊ะรับเงินพลันหยุดเท้า
“มีอะไรหรือ?” อานเหวยหยาพบเห็นสายตาของปิงชวงมองที่เหยายซือหยาน “อยากอยู่ต่อ?”
ลั่วฉวนที่ถือโทรศัพท์วิเศษเล่นอยู่พบเห็นเรื่องราว ในใจเขาตอนนี้เกิดความรู้สึกยากอธิบาย
ปิงชวงไม่พูดกล่าว แต่ความหมายการกระทำนั้นเด่นชัด
“เถ้าแก่” เหยาซือหยานเผยยิ้มหันมองทางลั่วฉวน
“ตามสะดวก” ลั่วฉวนหันกลับไปสนใจโทรศัพท์วิเศษต่อ
อานเหวยหยาเผยอาการประหลาดใจ หลังลังเลอยู่ครู่ นางจึงตัดสินใจกล่าวคำออก “เถ้าแก่ ข้าก็อยากลองอาหารฝีมือเหยาซือหยานบ้าง”
ลั่วฉวนจึงมองทางเหยาซือหยาน
เหยาซือหยานทราบความหมายของลั่วฉวน “ได้ คงต้องรอสักเดี๋ยว”
ขณะนางกำลังจะขึ้นบันได อานเหวยหยาพลันเดินตามพร้อมกล่าวออกด้วยความกล้า “ให้ข้าช่วย!”
อานเหวยหยากับเหยาซือหยานขึ้นไปชั้นบน ในร้านตอนนี้จึงเหลือเพียงลั่วฉวนกับปิงชวง
ปิงชวงมองที่ลั่วฉวน จากนั้นจึงเป็นต้นไม้โลกที่มุมร้าน ราวกับในใจนางกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ถัดจากนั้นจึงเดินไปยังหน้าต้นไม้โลกและหยุดยืนนิ่งที่ตรงนั้น
ลั่วฉวนเงยหน้าขึ้นมอง
เขายังคงสงสัย ว่าปิงชวงและต้นไม้โลกมีความสัมพันธ์อันใดต่อกัน
ตั้งแต่มาถึงร้านต้นตำรับเมื่อคืนนี้ ปฏิกิริยาตอบสนองของนางต่อต้นไม้โลกนั้นไม่ธรรมดา มันน่าจะต้องมีความเชื่อมโยง
หลังครุ่นคิด ลั่วฉวนวางโทรศัพท์วิเศษลงก่อนจะเดินเข้าไปหา
“รู้จักกันหรือ?” ลั่วฉวนกล่าวถาม
ปิงชวงส่ายศีรษะ “ไม่ทราบ”
ต้นไม้โลกไม่มีอาการตอบสนอง
ตามที่ลั่วฉวนเข้าใจ นั่นคือการปฏิเสธ
เหมือนว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่รู้จักซึ่งกันและกัน
“งั้นทำไมถึงชอบมองที่ต้นไม้โลกกัน?” ลั่วฉวนเลือกที่จะถามต่อ
“ต้นไม้โลก…” ปิงชวงพึมพำ จากนั้นจึงส่ายศีรษะ “ข้าไม่ทราบ”
ลั่วฉวนจึงคร้านจะถามต่อ
ช่างมัน กลับไปดูโทรศัพท์วิเศษจึงดีกว่า
เมื่อกลับไปยังที่นั่งและหย่อนกายลง ลั่วฉวนที่กำลังจะหยิบโทรศัพท์วิเศษพลันเห็นก้อนดำน้อยบนโต๊ะ
ตามปกติแล้วมันจะอยู่บนกิ่งของต้นไม้โลก
ไฉนวันนี้อยู่ที่นี่ได้?
หรือเพราะปิงชวง?
ลั่วฉวนหยิบก้อนดำน้อยขึ้นมาและหันไปทางต้นไม้โลก
ก้อนดำน้อยเกิดปฏิกิริยาปฏิเสธตอบสนอง
“ทำไมกัน?” ลั่วฉวนเอ่ยถามคำเบา
ก้อนดำน้อยเองก็ไม่ทราบ ดังนั้นมันจึงไม่อาจให้คำตอบที่แม่นยำแก่ลั่วฉวน
ช่างเป็นความสัมพันธ์อันซับซ้อน
ช่างมัน ไว้ภายหน้าคงได้ทราบเอง
จากนั้นเขาจึงเข้าห้องถ่ายทอดสดเอาตัวรอดในป่า
เด็กหนุ่มยังคงเผยแพร่ความรู้แก่บรรดาผู้ชมไม่ขาด
“…หากบังเอิญหลงทางในป่า เช่นนั้นอย่าได้ตกใจ สิ่งสำคัญคือสงบใจลง เพราะหากแตกตื่นตกใจต่อสถานการณ์มันจะยิ่งอันตราย ทางที่ดีคืออยู่กับที่ อย่าเดินไปไหนและรอคอยความช่วยเหลือ เพราะหากเดินไปไม่ทราบทิศทางอาจพบเจอสัตว์อสูรบุกโจมตี…”
“ผู้ชมท่านนี้มีคำถามน่าสนใจ ตอนนี้ทุกคนต่างก็มีโทรศัพท์วิเศษที่เชื่อมต่อถึงกันได้ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ไม่เกินเลยหากจะกล่าวว่าร้านต้นตำรัรบได้นำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่ทวีปเทียนหลัน…”
ด้วยเพราะช่องได้รับความนิยมอยู่แต่เดิม ตอนนี้ยังมีการช่วยโฆษณาให้ร้านต้นตำรับ ข้อความแชทสดจึงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
“เห็นด้วย ตอนนี้ขาดโทรศัพท์วิเศษไม่ได้สักวัน หากลืมคงรู้สึกเหงาแย่”
“ไม่ว่าจะทั้งกระดานข่าวสารหรือแอพแชทล้วนแล้วแต่สะดวก”
“แอพวิดีโอก็น่าสนใจ!”
“เถ้าแก่สุดยอด!”
“…”
ลั่วฉวนรู้สึกว่าเด็กหนุ่มคล้ายจะยึดติดกับการถ่ายยอดสดเป็นอาชีพเสียแล้ว
เวลาเปลี่ยนผ่าน ผู้บุกเบิกที่ออกนำก่อนใครมักจะได้รับผลประโยชน์ก้อนใหญ่
หลังยืนอยู่ตรงหน้าต้นไม้โลกพักหนึ่ง ปิงชวงจึงหันกลับมองทางลั่วฉวนที่กำลังถือโทรศัพท์วิเศษ
หลังครุ่นคิด นางเดินเข้ามาและนั่งลง
จากนั้นจึงนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมาเช่นเดียวกัน
แอพที่นางเลือกเปิดคือแอพนักอ่าน
“ชั้นสองของที่ร้านเป็นเช่นนี้นี่เอง!” เมื่อมาถึงชั้นสอง อานเหวยหยาสำรวจมองรอบด้วยความสนใจ “หากเทียบกับชั้นล่างแล้วเล็กกว่ามากเลย”
“ชั้นล่างมีสินค้าวางขาย ชั้นบนสำหรับพักอาศัย ดังนั้นจึงไม่ต้องใช้พื้นที่มากมายแต่อย่างใด” เหยาซือหยานอธิบายให้ฟัง
“นั่นสินะ เป็นเช่นนี้นี่เอง” อานเหวยหยาพยักหน้ารับ
เมื่อมาถึงห้องครัว นางสำรวจมองรอบด้านภายในห้องก่อนจะอุทานร้อง
หลายสิ่งอย่างแปลกตา นางแทบไม่เคยได้เห็นมาก่อนด้วยซ้ำ
“ทั้งหมดนี้คือเครื่องครัว” เหยาซือหยานเผยยิ้ม
ท่าทีของอานเหวยหยาที่ได้เห็นเป็นครั้งแรกนั้นทำให้เหยาซือหยานต้องช่วยอธิบาย
“ให้ข้าช่วยทำนะ!” อานเหวยหยาม้วนแขนเสื้อขึ้นเผยแขนเรียบเนียน
“อืม…” เหยาซือหยานพยักหน้ารับ “งั้นนำสิ่งนี้ไปล้างก่อน”
“ได้ เชื่อมือข้าได้เลย…”
ผ่านไปครู่หนึ่ง
“กลิ่นหอมมาก… เหยาซือหยาน เจ้าน่าทึ่งเกินไปแล้ว ข้ายิ่งอิจฉาชีวิตประจำวันเถ้าแก่แล้วสิ”
อานเหวยหยาตอนนี้ขยับเก้าอี้น้อยไปนั่งรับชมพลางเท้าคางเอาไว้ สายตานางมองที่เหยาซือหยานอย่างนึกอิจฉา
เว้นเรื่องช่วยทำความสะอาดวัตถุดิบตอนแรก ที่เหลืองานในครัวก็ไม่มีใดให้นางทำแล้ว
อานเหวยหยารับชมเหยาซือหยานทำอาหารไปเรื่อย ภายในใจนั้นเกิดคิดอยากช่วยแต่ไม่ทราบว่าควรทำยังไง
แม้ตอนแรกไม่ทราบว่าการทำอาหารที่นี่ทำยังไงบ้าง แต่ไม่ช้านางก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้าง
ตอนนี้นางจึงเพียงนั่งเพลิดเพลินรับชม เช่นนี้จะได้ไม่ก่อเรื่องยุ่งยากใดขึ้น
“หือ? สิ่งนี้คืออะไร?” อานเหวยหยาพบเห็นอุปกรณ์ที่มุมห้องก่อนจะเอ่ยถาม
“เป็นเครื่องปรับการไหลเวียนของเวลา มันจะทำให้อัตราการไหลของเวลาเปลี่ยนแปลงได้” เหยาซือหยานมองตามว่าเป็นอะไรก่อนจะอธิบาย
“ปรับอัตราการไหลของเวลา? เป็นเช่นนี้นี่เอง” อานเหวยหยาตอบรับเรียบง่าย
สำหรับมังกรแล้วก็มีอุปกรณ์อื่นที่สามารถใช้ควบคุมเวลาได้
กระนั้นหากเทียบกับทวีปเทียนหลัน การควบคุมเวลาออกจะเป็นเรื่องที่เกินกว่าอารยธรรมในตอนนี้จะคาดคิดถึง
จนกระทั่งถึงตอนนี้ยังไม่เคยมีค่ายอาคมที่เกี่ยวข้องกับเวลาปรากฏ มันราวกับมีโซ่ตรวนบางอย่างที่คอยจำกัดเอาไว้