God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1018
ตอนที่ 1018
หลังจากที่ปิดแอพถ่ายทอดสด ลั่วฉวนจึงเปิดแอพวิดีโอเข้าไปรับชม
วิดีโอสาธยายเม็ดยาของเหยาฮุยเฉินคล้ายว่าจะต้องใช้เวลาไปอีก ตอนนี้ยังไม่มีปล่อยออกมา
ทางด้านความคิดเห็นทั้งหลายต่างก็กล่าวเร่งกันแล้ว
“หลายวันแล้วยังไม่มีออกมาอีกหรือ?”
“คาดหวังนะว่าจะได้เห็นหุบเขาโอสถสร้างความประหลาดใจอะไรให้”
“นั่งรอแล้ว”
“…”
แน่นอนว่าในความเป็นจริงไม่มีใครกล่าวคำเหล่านี้ออกมาแน่
แต่เพราะโทรศัพท์วิเศษ มันคืออะไรที่ทำให้บรรดาลูกค้าพูดกล่าวกันออกมาจากใจได้
ตราบเท่าที่พูดกล่าวถึงด้วยดี ไม่พาดพิงหรืออะไร เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหา
หลังอ่านความคิดเห็นทั้งหลาย เขาจึงย้ายไปเล่นแอพแชทแทน
ในช่วงเวลาพักกลางวัน กลุ่มแชทค่อนข้างคึกคัก
หลายครั้งผู้คนจะส่งภาพอาหารเข้ามาพร้อมคำอธิบาย
ปู้หลี่เกื๋อ : “ส่งภาพ”
ในภาพคือปู้หลี่เกื๋อที่กำลังจะทานอาหาร แน่นอนว่าก่อนทานต้องมีการอวด
เหมือนว่าจะเป็นอาหารย่างเสียบไม้บาบีคิว
ลั่วฉวนพิจารณามองให้ใกล้ก่อนสีหน้าจะต้องแปรเปลี่ยนไป
ปู้หลี่เกื๋อ : “มีใครอยากลองมื้อพิเศษของภัตตาคารเซียนหงส์อมตะหรือไม่?”
กลุ่มแชทถึงกับเงียบงันไปครู่
ไม่กี่วินาทีถัดจากนั้นข้อความค่อยปรากฏ บรรดาผู้ที่กำลังทานอาหารอยู่ต่างถล่มข้อความกันเข้ามา
“??!”
“อาหารตรงหน้าข้าเหมือนกลิ่นหายไปหมดแล้ว ทั้งยังอิ่มจนกินไม่ลง!”
“ข้ากำลังทานข้าวอยู่ไม่รู้หรือ ปู้หลี่เกื๋อเจ้าเล่นบ้าอะไร?!”
“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ นั่นไม่ใช่เมนูแมลงพิเศษที่กล่าวขานหรอกใช่ไหม?”
“แด่ปู้หลี่เกื๋อ ข้าจะฆ่าเจ้า”
“…”
ณ ภัตตาคารเซียนหงส์อมตะ
ภายในห้องส่วนตัว ปู้หลี่เกื๋อกำลังถือโทรศัพท์วิเศษพลางยิ้มแย้ม
“ข้าขอกล่าว เจ้าทำเช่นนี้ไม่แย่เกินไปหรือ?” เจียงเฉิงจวินได้เห็นภาพในกลุ่มแชทแล้ว
“นี่จึงเป็นของสมนาคุณพิเศษ น่าเสียดายที่ผู้อื่นไม่ได้มาลิ้มลอง” ปู้หลี่เกื๋อส่ายศีรษะพลางถอนหายใจก่อนจะวางอาหารลงบนโต๊ะ
“พอฟังเจ้ากล่าวแล้วดูมีเหตุผลอย่างไรชอบกล” เจียงเฉิงจวินใช้นิ้วจรดคางตนเองเผยสีหน้ายอมรับ
“แหงอยู่แล้ว…” ปู้หลี่เกื๋อรับคำพลางดื่มชา “อาหารสุดยอดเช่นนี้มีน้อยคนที่จะได้เพลิดเพลินไปกับมัน”
“เถ้าแก่หยวนบอกงั้นหรือ?” เจียงเฉิงจวินเกิดสงสัย
“ไม่ใช่ แต่เป็นข้าเอง” ปู้หลี่เกื๋อยืดอก…
อานเหวยหยาและเหยาซือหยานลงมาจากชั้นบน ลั่วฉวนจึงเก็บโทรศัพท์วิเศษ
ปิงชวงจับจ้องอาหารในมือคนทั้งสองไม่วางตา
“เหมือนว่าจะเยอะกว่าปกติไม่น้อย” ลั่วฉวนกล่าวบอกขณะมองอาหารที่วางเต็มโต๊ะ
“มีหลายคนเลยต้องทำเพิ่มเยอะหน่อย” เหยาซือหยานยิ้มตอบ
อานเหวยหยาตอนนี้กลืนน้ำลายไปอึกใหญ่
“กล่าวไปแล้ว เจ้าเป็นมังกรไม่ใช่หรือ? เท่านี้พอกินหรือไม่?” เหยาซือหยานค่อยนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
“ในร่างมนุษย์ก็ไม่ได้ผิดปกติจากผู้อื่นสักเท่าไหร่” อานเหวยหยาตอบกลับ
“งั้นก็ดีแล้ว” เหยาซือหยานถอนหายใจโล่งอก
เริ่มทานมื้อเที่ยงกันได้
“อันนี้น่าสนใจ ขอลองก่อน”
“อันนี้ก็น่าอร่อย”
“อันนี้ด้วย…”
อานเหวยหยาหยิบอาหารให้ปิงชวง
ทางด้านปิงชวงมองอาหารในจานตนเองที่เพิ่มขึ้นไปเรื่อย สีหน้านั้นไม่เปลี่ยนแปลงใดแม้แต่น้อย
กระนั้นเหมือนว่าในดวงตาสีแดงจะมีความผิดปกติคงอยู่
“ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเจ้าดูดีต่อกันไม่น้อย” เหยาซือหยานรู้สึกสนุกสนานยามได้เห็นอานเหวยหยาเผยท่าทีเช่นนี้
“เรื่องนี้… เป็นงั้นหรือ?” อานเหวยหยาครุ่นคิด
“ข้าคิดว่าให้ปิงชวงเลือกว่าอยากทานอะไรเองจึงดีกว่า” ลั่วฉวนอดไม่ได้ที่จะช่วยบอกนาง เพราะเขาเห็นในจานของปิงชวงมีแต่ผัก
“นั่นสินะ ข้าลืมตัวไป” อานเหวยหยาพยักหน้ารับ
ปิงชวงจึงมองอาหารกองโตตรงหน้า จากนั้นจึงมองอาหารจานอื่นบนโต๊ะ นางใช้ส้อมจิ้มอย่างเงียบงัน
เหยาซือหยานเข้าใจว่าอานเหวยหยาไม่อยากต่อบทสนทนาที่นางส่งให้ ดังนั้นจึงเริ่มพูดกล่าวถึงเรื่องอื่นแทน
ทั้งสองพูดคุยไปพลางหัวเราะ ขณะที่ลั่วฉวนก็มีกล่าวบ้างเป็นครั้งคราว
“กล่าวไปแล้ว ปิงชวงน่าจะดื่มน้ำแร่เข้าไปเรียบร้อย แต่เหมือนไม่มีความเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก” เหยาซือหยานมองปิงชวงด้วยความสงสัยขณะที่ทานอาหารใกล้หมด
“ไม่ทราบเลย” ปิงชวงส่ายศีรษะ
น้ำแร่มีสรรพคุณช่วยเสริมศักยภาพที่มี ส่วนจะได้รับมากหรือน้อยนั้นแตกต่างไปตามแต่ลูกค้า
บางคนได้รับอย่างมหาศาล บางคนก็ได้มาเล็กน้อย เรื่องนี้ลูกค้าทุกคนทราบดี
แต่อย่างไรสรรพคุณก็ต้องเกิด แต่เหตุการณ์ตอนนี้คือสงบเงียบไม่อาจรับรู้ถึงอะไรได้ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ระบบ?” ลั่วฉวนคาดหวังให้ระบบช่วยคลายข้อสงสัย
“น้ำแร่ไม่อาจส่งผลต่อชีวิตที่ก้าวถึงความสมบูรณ์แบบแล้ว” ระบบตอบกลับมา
ลั่วฉวน : ??!
ก้าวถึงความสมบูรณ์แบบแล้ว?
หลังดื่มน้ำแร่เข้าไป อานเหวยหยาที่เป็นมังกรยังรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลง แม้ไม่ชัดแต่ก็มี
เพราะครั้งนั้นนางบอกลั่วฉวนผ่านทางโทรศัพท์วิเศษ ถ้อยคำของนางเปี่ยมด้วยความประหลาดใจและยินดี
กระนั้นน้ำแร่ไม่อาจส่งผลกับปิงชวง นี่จึงแสดงให้เห็นชัดว่าปิงชวงเป็นตัวตนที่แม้แต่มังกรก็ไม่อาจเทียบเปรียบได้
กระนั้นนางคล้ายไม่ทราบว่าเกิดเรื่องราวใดขึ้น
ลั่วฉวนมองปิงชวงที่กำลังทานอยู่
แถ้มนั้นเคี้ยวตุ้ย แม้ไร้ซึ่งสีหน้าแสดงให้เห็น แต่หากเทียบกับตอนแรก ถือว่าตอนนี้น่ารักขึ้นมากแล้ว
อานเหวยหยาน่าจะทราบอะไร แต่เห็นชัดว่านางไม่คิดพูดกล่าว
ช่างมัน ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ทานมื้อเที่ยงก่อนก็แล้วกัน
ลั่วฉวนไม่พูดกล่าวต่อ ทางด้านเหยาซือหยานก็ไม่ได้ต่อบทสนทนาเพิ่มเติมแต่อย่างใดอีก
มื้อเที่ยงจบลง
ช่วงเวลาทำการของร้านในตอนบ่ายจึงเริ่มขึ้น
ปู้หลี่เกื๋อและเจียงเฉิงจวิน หลังทานมื้อเที่ยงที่ภัตตาคารเซียนหงส์อมตะแล้วไม่ได้กลับบ้าน แต่มุ่งตรงมายังร้านต้นตำรับ
เมื่อเดินผ่านร้านของหยวนก่วย เขายังแวะเข้าร้านไปกล่าวทักทาย
“หือ? ทำไมวันนี้มาถึงเร็วจัง?” เมื่อเดินผ่านประตูร้านเข้ามา ปู้หลี่เกื๋อจึงได้เห็นปิงชวงและอานเหวยหยานั่งอยู่
เขาซือหยานเพิ่งเก็บกวาดโต๊ะนำสิ่งของไปทำความสะอาดที่ชั้นบน
“เพราะข้าไม่ได้ออกไปไหน” อานเหวยหยาตอบกลับ
“ไม่ได้ไปไหน?” เจียงเฉิงจวินเผยดวงตาเบิกกว้าง “ทานมื้อเที่ยงที่นี่งั้นหรือ?”
“ใช่” อานเหวยหยาพยักหน้ารับ
ปู้หลี่เกื๋อและเจียงเฉิงจวินต่างมองหน้ากันเอง จากนั้นสายตาจึงมองที่ลั่วฉวนพร้อมกัน
ปู้หลี่เกื๋อกล่าวคำออกอย่างตื่นเต้น “เถ้าแก่ ร้านต้นตำรับมีโรงอาหารกลางวันแล้วหรือ?”
“พรุ่งนี้ให้ข้าทานด้วย!” เจียงเฉิงจวินเกิดตื่นเต้นยินดีขึ้นมา
“ไม่ได้” ลั่วฉวนส่ายศีรษะ
หากครั้งคราวก็ไม่ใช่ปัญหา แต่จากสีหน้าคนทั้งสอง เห็นชัดว่าคิดฝากท้องที่ร้านต้นตำรับระยะยาว ลั่วฉวนไม่อาจตอบรับคำขอนี้ได้
หากยกเว้นให้ขึ้นมา เช่นนั้นลูกค้าที่เหลือย่อมต้องอยากทานด้วย ถึงตอนนั้นจะกลายเป็นภาระงานของเหยาซือหยาน
“เถ้าแก่ปฏิเสธได้แห้งแล้งเกินไปแล้ว” ปู่หลี่เกื๋อส่ายศีรษะอย่างอับจน
“ไม่เป็นไร ไปซื้อไอศกรีมดีกว่า” เจียงเฉิงจวินเดินไปยังเครื่องทำไอศกรีม
สาเหตุว่าทำไมพวกเขายอมรับเรื่องนี้ได้โดยง่าย ก็เพราะว่ามีร้านน้อยหยวนก่วยเปิดอยู่
อย่างไรแล้วจากที่พวกเขาทราบ ฝีมือการทำอาหารของหยวนก่วยกับเหยาซือหยานก็ไม่มีใครยิ่งหย่อนไปกว่ากัน