God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1016
ตอนที่ 1016
พลังงานสีเลือดในมือของปิงชวงนั้นราวกับมีอำนาจกัดกร่อนอันพิเศษ
กระทั่งคริสตัลธาตุที่งูเหลือมแห่งป่าใหญ่ใช้เป็นเกราะยังไม่อาจต่อต้าน ทันทีเมื่อสัมผัสต่อกัน มันจะพลันสูญเสียสีสันกลับกลายเป็นสีเทา
เพราะปิงชวงโดนข้อจำกัดของระดับ ดังนั้นพลังงานสีเลือดจึงไม่อาจสร้างความเสียหายรุนแรงอะไรได้ แต่มันก็ฝากรอยสีเทาเอาไว้บนร่างงูเหลือมแห่งป่าใหญ่ได้
กำลังหลักที่สร้างความเสียหายจึงเป็นอานเหวยหยา หากเทียบกับตอนแรก สภาพของงูเหลือมแห่งป่าใหญ่ตอนนี้จึงอเนจอนาถ
เกราะที่เกิดขึ้นจากคริสตัลธาตุตอนนี้มีแต่รอยหมัดฝากประทับเอาไว้พร้อมรอยแตกร้าว รวมเข้ากับพลังงานสีเลือดที่มีฤทธิ์กัดกร่อน คริสตัลหลายส่วนจึงร่วงหล่นลงมา
พื้นรอบด้านกลับกลายเป็นยุ่งเหยิง เมื่ออยู่ต่อหน้างูเหลือมแห่งป่าใหญ่ ต้นไม้ใหญ่ก็มีสภาพไม่ต่างกับแผ่นกระดาษ อากาศตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นควันและพืชทั้งหลาย
“วิธีการต่อสู้เช่นนี้… ป่าเถื่อนนัก อาชีพนักรบคลั่งงั้นหรือ?”
“เหมือนว่าจะเป็นความสามารถส่วนตัวเสียมากด้วย เพราะไม่เห็นใช้ทักษะเลย…”
หลากหลายความเห็นจากลูกค้าที่รับชมเริ่มปรากฏ พวกเขาไม่เคยได้เห็นการต่อสู้แนวนี้
งูเหลือมแห่งป่าใหญ่คือนายเหนือแห่งป่า ตอนนี้สภาพไม่ต่างอะไรกับกระสอบทราย และที่มันทำได้คืออดทนแบกรับการโจมตีพร้อมเผยเสียงคำรามดังต่อเนื่องกับร่างกายที่บิดเบี้ยวไปมา
อีกหนึ่งสิ่งที่ดึงดูดความสนใจคืออีกหนึ่งคนที่อยู่ร่วมสมรภูมิรบ มือของปิงชวงยังคงมีพลังงานสีเลือดปรากฏ สีหน้านั้นเฉยชา ราวกับนางพร้อมจะมอบความตายอันโหดร้ายให้
“เถ้าแก่ มีอาชีพอะไรที่มีพลังเช่นนั้นด้วยงั้นหรือ? หรือว่าจะเป็นทักษะพิเศษ?” กู่หยุนซีหันมองทางลั่วฉวนด้วยความสงสัย
“เป็นผลสะท้อนจากความเป็นจริง” ลั่วฉวนกล่าวตอบ หรือก็คือเป็นสิ่งที่ระบบแจ้งให้เขาทราบ
“ผลสะท้อนจากความเป็นจริง? งั้นก็หมายความถึงความสามารถอันหลากหลายในความเป็นจริงของผู้เล่นสามารถนำไปใช้ยังโหมดทั่วไปได้ด้วย? เหมือนดังที่ทักษะซึ่งได้รับในเกมก็สามารถนำมาใช้ในความเป็นจริง?” กู่หยุนซีตอนนี้ค่อยพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว”
“เหตุใดข้าไม่เห็นอะไรทำนองนั้นเลย? จำได้ว่าตอนครั้งแรกเข้าโหมดทั่วไป สภาพที่เป็นไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดา” ปู้หลี่เกื๋อเกาศีรษะ
คำของปู้หลี่เกื๋อกระตุ้นความสนใจของหลายคนขึ้นมา พวกเขาต่างหันมองทางลั่วฉวนอย่างรอคอยคำตอบ
“ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้” ลั่วฉวนหยุดไปครู่หนึ่ง “นั่นก็เพราะมันขึ้นอยู่กับโชค”
“เหมือนที่เคยกล่าวเอาไว้… กาแฟงั้นหรือ?” เฉินโม่เผยสีหน้าจริงจัง
ตอนนี้ลูกค้าหลายคนจึงนึกขึ้นได้ ว่ากาแฟในหมู่บ้านซากุระสามารถเพิ่มโชค และสรรพคุณที่จะได้รับนั้นจะเกิดขึ้นอย่างสุ่ม
นี่ก็ค่อนข้างนานแล้วตั้งแต่ร้านต้นตำรับเปิดขายกาแฟ ลูกค้าหลายคนต่างได้ยืนยันกันแล้ว ว่าหลังดื่มเข้าไปมันเพิ่มโชคได้จริงไม่ใช่เพียงคำกล่าวอ้าง
แม้ว่าไม่อาจตรวจพบค่าของโชคด้วยตนเองได้ แต่การที่มีโชคมากขึ้นก็เป็นของจริง เรื่องราวยืนยันได้ด้วยอัตราการสำเร็จหลังกระบวนการสกัดยา รวมถึงความเร็วในการทำความเข้าใจวิชาและการฝึกฝน
“จะว่างั้นก็ได้” ลั่วฉวนพยักหน้ารับ
แท้จริงแล้วเรื่องราวนี้ไม่มีความแม่นยำใดแม้แต่น้อย ผู้เล่นที่จะคว้าเอาโชคตรงนี้มาได้ก็จะมีความพิเศษในโหมดทั่วไปขึ้นระดับหนึ่ง
ทางด้านลั่วฉวนมองว่ายังรับได้ และรายละเอียดอื่นใดไม่จำเป็นต้องอธิบายเพิ่มเติม ทางด้านลูกค้าตอนนี้ต่างได้เห็นถึงประโยชน์ของ “โชค” ที่เพิ่มขึ้นกันแล้ว
แม้ว่าจะเกิดความอิจฉาในใจ แต่ก็เท่านั้น อย่างไรแล้วในโลกนี้ก็ไม่มีความเท่าเทียมอันสมบูรณ์แบบอยู่จริง
ระหว่างบทสนทนา การต่อสู้ในป่าก็ใกล้ถึงจุดสิ้นสุด
เมื่อสิ้นเสียงร้องคำรามอันกราดเกรี้ยว ร่างงูเหลือมแห่งป่าใหญ่อันหนักอึ้งร่วงหล่นกับพื้นเสียงดังก่อนออร่าแห่งชีวิตจะเลือนหาย
“ภารกิจเสร็จแล้ว?”
“น่าทึ่งนัก”
“ทำไมมันดูง่ายดายเช่นนี้? งูเหลือมแห่งป่าใหญ่ราวกับไร้เรี่ยวแรงก็ไม่ปาน”
“ไม่ใช่งูเหลือมแห่งป่าใหญ่ที่อ่อนแอ แต่คู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไปต่างหาก…”
การสังหารงูเหลือมแห่งป่าใหญ่ได้ไม่ทำให้ลูกค้าในร้านประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะพวกเขาคาดคิดไว้ได้ตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ
“ในที่สุดก็ระดับสี่สิบจนได้” อานเหวยหยาพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจขณะมองที่ม่านแสงตรงหน้า จากนั้นนางจึงกำหมัด “กำลังเริ่มฟื้นคืนแล้ว แต่ยังห่างไกลจากความพร้อมสูงสุดอยู่”
ในมุมมองของอานเหวยหยา การเลื่อนระดับในโหมดทั่วไปก็เหมือนการปลดผนึก แต่ละครั้งที่ระดับเพิ่มขึ้น ผนึกก็จะคลายตัวออกทีละน้อย
กระนั้นหากพิจารณาตามสภาพ ผนึกนั้นไม่อาจเป็นไปได้ที่จะคลายออกอย่างสิ้นเชิง
พลังงานสีเลือดในมือของปิงชวงปรากฏ นางเงยหน้าขึ้นมองอานเหวยหยา “พลังนี้แข็งแกร่งขึ้นแล้ว”
“นั่นจึงเป็นกฎของโลกใบนี้ ระดับที่ช่วงแรกจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้ แต่ภายหลังจะมีแต่ยากมากขึ้น” อานเหวยหยาครุ่นคิดก่อนจะพึมพำออกมา “ที่นี่คืออีกโลกอย่างสิ้นเชิง… แทบไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเถ้าแก่คิดทำอะไรกัน”
เมื่อไม่มีอะไรให้รับชมแล้ว ลั่วฉวนจึงไปร่วมเล่นเกมกับหู่ขวงและคณะ
วันนี้เพราะโชคดี เขาชนะได้มากกว่าแพ้
“ระเบิด” ลั่วฉวนโยนไพ่สี่ใบลงไป จากนั้นในมือจึงเหลือเพียงไพ่แค่สองใบ
“ระเบิด!” ทางด้านหู่ขวงไม่คิดอะไรมาก ตอนนี้โยนไพ่สองใบออกมาโดยตรง
อวี่เว่ยย่นหน้าผากอย่างอับจนก่อนจะถอนหายใจ “ข้าว่าเจ้าไม่เหมาะกับเกมนี้ อย่าได้เล่นแล้ว”
“ระเบิดราชา” ลั่วฉวนโยนไพ่ที่เหลืออีกสองใบลงไปก่อนจะหันมองทางด้านหลัง
ปิงชวงยืนขึ้นแล้ว และดวงตาสีแดงของนางจับจ้องมายังเขา
อานเหวยหยาอยู่ข้างกายนาง
“ไม่เล่นต่อแล้วหรือ?” ลั่วฉวนกล่าวถาม
ปิงชวงไม่ตอบ ทางด้านอานเหวยหยายักไหล่ “เวลาเล่นเกมของปิงชวงหมดแล้ว”
ลั่วฉวนค่อยได้ตระหนัก ว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะมีกำหนดใช้เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงอย่างจำกัดต่อวัน เขาไม่เคยใส่ใจจนกระทั่งถึงตอนนี้จนลืมเลือนไป
“โอ้” ลั่วฉวนพยักหน้ารับโดยไม่กล่าวอะไรเพิ่ม
อานเหวยหยาจับจ้องลั่วฉวนพร้อมกล่าวออก “เถ้าแก่ไม่สามารถเพิ่มเวลากว่านี้ได้เลยหรือ? แบ่งเวลาข้าให้ปิงชวงก็ได้”
ลั่วฉวนยิ่งสงสัยต่อความสัมพันธ์ระหว่างอานเหวยหยากับปิงชวง เพราะมันทำให้เขารู้สึกเหมือนครั้งที่นางเจอชาวไซเรน
ทางด้านปิงชวงไม่เผยสีหน้าใดตอบกลับ เพียงแต่จับจ้องเขาด้วยดวงตาสีแดงชาด
ลั่วฉวนส่ายศีรษะ
ไม่ทราบว่าเพราะอะไร แม้เพียงเล็กน้อยแต่ในใจเขาก็เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา
แต่หากยกเว้นให้คราวนี้ เช่นนั้นกฎที่ตั้งไว้จะโดนตั้งคำถามขึ้นมา
แม้ลั่วฉวนทำตัวเกียจคร้านไปในแต่ละวัน เขาก็ยังคงยึดมั่นในเรื่องนี้
“นั่นสินะ” อานเหวยหยาถอนหายใจก่อนจะจูงมือปิงชวงเดินกลับไป
มองแผ่นหลังคนทั้งสองออกไป ลั่วฉวนยิ่งเกิดความรู้สึกผิดในใจเพิ่มมากขึ้น
“เถ้าแก่ ไม่มีวิธีอื่นเพิ่มระยะเวลาเล่นเกมอีกแล้วหรือ? เวลาส่วนใหญ่ไม่ค่อยพอเอาเสียเลย” เสียงหู่ขวงดังปรากฏ สติของลั่วฉวนค่อยถูกดึงกลับก็ตอนนี้
“จำนวนของเครื่องเล่นก็ควรต้องเพิ่มขึ้นด้วย โนริเอลในกลุ่มแชทกล่าวไว้ไม่ใช่หรือว่าพรุ่งนี้ชาวทะเลจะมาถึง?” เหยาซือเย่ว์เผยความเห็นออกมาเช่นกัน