God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1014
ตอนที่ 1014
“มันก็จริง” หลังการครุ่นคิด จี้อู๋ฮุยพยักหน้ารับ
แม้ความสามารถการวิดีโอคอลของแอพแชทสะดวกสนทนา
แต่มันก็ยังไม่อาจดีเยี่ยมเท่าการพูดคุยกันต่อหน้า
“หลังจากวันนี้ไปจะยกเลิกการใช้พระราชสาร”
ในกลุ่มแชทของจักรวรรดิเทียนชิง จี้อู๋ฮุยที่เป็นผู้นำกลุ่มแชทได้เผยแพร่ข่าวคราวออกไป
ในช่วงเวลาปกติ เหล่าขุนนางภายในกลุ่มแชทจะพูดคุยกันอย่างคึกคัก
แม้ว่าการกวาดล้างนครจิ่วเหยาเมื่อครั้งก่อนจะยังสร้างความประทับใจฝังลึกในหัวใจผู้คนนับไม่ถ้วน
แต่ในยามปกติ ภาพลักษณ์ของจี้อู๋ฮุยก็ยังดีเยี่ยม ตราบเท่าที่ไม่ล่วงเกินเส้นแบ่งความอดทน เช่นนั้นก็พูดกล่าวด้วยได้
หลังการประกาศออกไป หลายคนต่างแสดงตัวตนกันออกมา
“?!”
“องค์เหนือหัว!”
“คำนับองค์เหนือหัว!”
“…”
ขุนนางบริหารเหล่านี้ค่อนข้างได้รับอิทธิพลจากกลุ่มแชททางการของร้านต้นตำรับไม่น้อย ข้อความที่ใช้พูดคุยกันไปมาแทบจะไม่ต่างกัน
จี้อู๋ฮุยไม่ใส่ใจก่อนจะส่งข่าวคราวต่อไป
“นับจากนี้ข้อมูลที่เคยผ่านพระราชสารให้ส่งตรงถึงข้าผ่านทางแอพแชท”
หลังข่าวคราวถูกส่งออกไป เหล่าขุนนางจึงตอบสนองด้วยอาการประหลาดใจ
“องค์เหนือหัวกว้างไกล”
“องค์เหนือหัวกว้างไกล”
“…”
“ควรต้องมีการกำหนดแบบอย่าง” จี้อู๋ฮุยเผยยิ้มก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ “ไม่ใช่ว่าโทรศัพท์วิเศษมีระบบเก็บผลึกวิญญาณหรอกหรือ? บางทีมันอาจใช้เป็นช่องทางการส่งเงินประจำตำแหน่งได้ด้วย”
“ข้าคิดว่าดี” เหล่าไป่พยักหน้ารับ
สาเหตุว่าทำไมหน่วยเงินจำลองบนโทรศัพท์วิเศษเชื่อถือได้ ทั้งหมดก็เพราะร้านต้นตำรับมีความน่าเชื่อถือมากพอ
“สินค้าของร้านต้นตำรับล้วนแล้วแต่อร่อย ได้ลองหรือยัง?” อานเหวยหยาสำรวจมองรอบก่อนจะแนะนำให้ปิงชวงได้ทราบ
ปิงชวงส่ายศีรษะ นางเพิ่งทานมื้อเช้าไป ตอนนี้จึงยังไม่หิว
“งั้นข้าขอตัวก่อน” อานเหวยหยาลุกขึ้นก่อนจะเดินไปยังชั้นวางและเลือกหยิบสินค้า
“อานเหวยหยา พวกท่านรู้จักกันหรือ” ปู้ฉืออีเผยยิ้มแย้มเดินเข้ามาสอบถาม
“รู้จัก… เคยรู้จักน่ะ” อานเหวยหยาคิดไปครู่ก่อนจะพยักหน้ารับ
ปู้ฉืออีไม่ค่อยทราบความหมายเท่าใดนัก
คนคุ้นเคยกัน? อย่างนั้นทำไมคำตอบจึงแปลก
ทว่าปู้ฉืออีก็เพียงถามไปเรื่อย ตอนนี้จึงไม่คิดถามต่อเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ด้วยถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเดินไปใส่น้ำร้อน เรียบร้อยแล้วอานเหวยหยาค่อยกลับมานั่งข้างปิงชวง
ดวงตาของปิงชวงย้ายจากโทรศัพท์วิเศษไปยังบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในมือของอานเหวยหยา
“รอสักครู่” อานเหวยหยากล่าวบอก
ปิงชวงพยักหน้ารับและถอนสายตากลับ
หลังผ่านไปหลายนาที กลิ่นหอมของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจึงปรากฏ
“เกือบได้ที่แล้ว” อานเหวยหยาเปิดฝาถ้วย กลิ่นหอมของเส้นบะหมึ่ปรากฏปะทะใบหน้า จากนั้นนางจึงมองทางปิงชวง “ลองก่อนเลย”
หลังรับส้อมจากอานเหวยหยามาแล้ว นางจึงเป่าความร้อนจากเส้นบะหมี่และค่อยนำเข้าปาก ไม่ช้าดวงตานั้นจึงเผยแววสั่นไหว
“เป็นยังไงบ้าง?” อานเหวยหยาเผยยิ้ม
“ดี” ปิงชวงพยักหน้ารับก่อนจะส่งส้อมคืนให้
นางรู้สึกว่าหากนำไปเทียบกับอาหารมื้อเช้า มันยังมีช่องว่างคงอยู่
อานเหวยหยาไม่คิดอะไรมาก ตอนนี้จึงรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาทานอย่างสุขใจ
สำหรับนางแล้ว อาหารส่วนใหญ่เป็นเรื่องน่าเพลิดเพลิน
ทางด้านลั่วฉวนตอนนี้กำลังมองที่โทรศัพท์วิเศษ
เขาไม่ทราบว่าควรรับชมอะไรดี ดังนั้นจึงสำรวจดูหลากหลายไปเรื่อยเพื่อฆ่าเวลา
ทันใดนี้เองที่มีข้อความปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
เฮเลเวีย : “เถ้าแก่ ประตูมิติสมควรเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้”
ลั่วฉวนหยุดคิดไปครู่ก่อนจะตระหนักได้ ว่านี่เป็นนามของราชินีไซเรน
ประตูมิติสมควรเป็นชื่อของอุปกรณ์ที่สร้างเพื่อเชื่อมต่อเมืองทั้งสอง
แน่นอนว่ารูปแบบการก่อสร้างจะแตกต่างไปจากทวีปเทียนหลัน มันดูเป็นวิทยาศาสตร์มากกว่า
“ทราบแล้ว”
ลั่วฉวนตอบข้อความกลับไป
ผ่านมาสองถึงสามวันหลังบอกกล่าวฝากฝัง ตอนนี้ประตูมิติจะเสร็จสิ้นในวันรุ่งขึ้นแล้ว
ลั่วฉวนยังคงจำได้ ว่าค่ายอาคมเคลื่อนย้ายที่เหวินเทียนจีสร้างขึ้นก่อนหน้านี้ต้องใช้เวลาอย่างยาวนานจึงแล้วเสร็จ
แม้ว่ามันมีความแตกต่างอันยิ่งใหญ่ระหว่างทั้งสอง แต่ก็มากพอให้เห็นชัดว่าชาวไซเรนเชี่ยวชาญเรื่องมิติมากกว่า
อีกไม่ช้าคงได้พบโนริเอลกันแล้ว
แม้อีกฝ่ายไม่น่าใส่ใจ แต่ลั่วฉวนรู้สึกละอาย
ที่ภายในระบบมิติเก็บของ มันยังมีหนวกปลาหมึกที่เขาเคยใช้ทำอาหารอยู่ด้วยซ้ำ
“ระบบ หนวดปลาหมึกที่ใส่ไว้ในมิติเก็บของให้นำไปรีไซเคิลได้” ลั่วฉวนกล่าวบอกอยู่ในใจ
“รีไซเคิล?” ระบบถามย้ำเป็นการยืนยัน
“ใช่” ลั่วฉวนพูดกล่าวไม่ออก เขารู้สึกว่าระบบจงใจ
“ฮ่า” หลังดื่มน้ำซุปจนหมดถ้วย อานเหวยหยาค่อยผ่อนลมหายใจออกมา จากนั้นจึงโยนถ้วยใส่เข้าไปในมิติส่วนตัวเก็บไว้
นางค่อยตระหนัก ว่าปิงชวงยังคงจับจ้องโทรศัพท์วิเศษไม่วาง
เมื่อมองที่หน้าจอ มันเป็นโพสต์ที่ลั่วฉวนกล่าวถึงคำแนะนำการกำหนดบทบาทเมื่อวันก่อน
“มันคือบทบาทในกลอรี่” อานเหวยหยาบอกกล่าว “เถ้าแก่กล่าวว่าจะนำความเห็นของลูกค้าไปสร้างเป็นตัวละครใหม่ กลอรี่เป็นชื่อของเกมเสมือนจริง”
“เกม… เสมือนจริง?” ปิงชวงทวนคำด้วยน้ำเสียงคล้ายสับสน
“โดยคร่าวแล้วกลอรี่คือการเลือกเล่นสวมบทบาท เป็นการต่อสู้ในพื้นที่ที่กำหนดเอาไว้ โดยใช้เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงเพื่อเข้าไปเล่น” อานเหวยหยาบอกกล่าวโดยคร่าวให้เข้าใจ
ดวงตาสีแดงของปิงชวงมองที่นาง ความหมายนั้นชัดเจนคือ ‘ข้าไม่เข้าใจ’
อานเหวยหยาจึงพยายามอธิบายถึงวิธีการใช้เครื่องเล่นเกมเสมือนจริงเข้าไปเล่นเกม
“ข้ามองว่าโหมดทั่วไปสนุกที่สุด สนใจลองไหม?” อานเหวยหยากล่าวถาม
หลังลังเลไปหลายวินาที ปิงชวงพยักหน้ารับ
“ไปกัน ข้าใส่หมวกให้” อานเหวยหยาหยิบหมวกขึ้นมาจากโต๊ะวาง “ต้องถอดหมวกเจ้าก่อนหรือเปล่า?”
ปิงชวงจึงถอดหมวกคลุมของชุดยาวเผยเส้นผมสีเงินกระจ่าง รวมเข้ากับใบหน้าอันเฉยชาและดวงตาสีแดง มันกลายเป็นดึงดูดความสนใจของลูกค้าหลายคน
เมื่อสวมใส่หมวกให้ปิงชวงเรียบร้อย อานเหวยหยาจึงไปยังที่นั่งข้างเคียงและใส่หมวกให้ตนเองก่อนจะเข้าสู่โลกเสมือนจริง
สภาพแวดล้อมแปรเปลี่ยน พริบตามันจึงกลายเป็นมิติเริ่มต้นที่เป็นสีขาวโพลน
ใบหน้าของปิงชวงแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
อานเหวยหยาเข้ามายังมิติแรกเริ่มก่อนจะพบเห็นปิงชวงยืนอยู่ไม่ไกล
อานเหวยหยากดเลือกจำนวนผู้เข้ามายังมิติแรกเริ่มด้วยตนเองไว้ก่อนแล้ว
ขณะอานเหวยหยาคิดพูดกล่าว ปิงชวงพลันตระหนกก่อนจะวิ่งไปและคว้าเอามุมหนึ่งของเสื้อผ้าเอาไว้แน่น
อานเหวยหยาเผยยิ้ม “ไปกัน ตรงนั้นคือที่สำหรับการเลือก”
ทั้งสองจึงค่อยเดินมุ่งหน้าไปยังไอคอนที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศด้วยกัน