God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1013
ตอนที่ 1013
อู๋เทียนรักชอบการได้เล่นโกะ โดยเฉพาะการเผชิญหน้ากับเหล่าลูกค้าในร้านต้นตำรับ
เพราะระดับการฝึกฝนเช่นเขา การฝึกฝนธรรมดานั้นแทบไม่ช่วยเหลือให้เกิดความคืบหน้าได้
ที่เขาต้องการคือการเสาะแสวงพบเห็นสิ่งใหม่และสิ่งพิเศษ โกะคือสิ่งที่ตรงเงื่อนไขอย่างชัดเจน
อู๋เทียนมาร้านต้นตำรับแต่เช้าตรู่ทุกวัน สหายเล่นโกะของเขาวันนี้ยังไม่มา ดังนั้นจึงชวนลั่วฉวนที่น่าจะว่างอยู่
“โกะหรือ? ได้” ลั่วฉวนไม่มีอะไรทำพอดี ดังนั้นจึงรับปาก
ของที่ต้องใช้เล่นโกะก็มีเพียงแค่กระดาน หมากขาว และหมากดำ กล่าวได้ว่าใครก็ทำขึ้นมาเพื่อใช้เล่นได้
ด้วยเหตุนี้เมื่ออู๋เทียนและคณะเล่นโกะ พวกเขาจึงเตรียมอุปกรณ์มากันเอง
ทว่าสำหรับลั่วฉวน เขานำเอากระดานโกะที่ระบบจัดหาให้ออกมาวางบนโต๊ะ
“ตัวโกะเหล่านี้เหมือนจะดูพิเศษกว่าปกติ” อู๋เทียนจับตัวหมากโกะพลิกไปมาพลางครุ่นคิด
“ของในร้านก็ไม่มีธรรมดาอยู่แล้ว” ลั่วฉวนกล่าวพลางวางหมากสีดำลง “ตาหมากขาวแล้ว”
สิ่งที่ระบบจัดหามาไม่มีสิ่งใดธรรมดา ก็เหมือนกับตอนเล่นไพ่ ที่ภายนอกหากมองก็พบว่าไม่มีใดแตกต่าง แต่ลั่วฉวนรับรู้ได้
เมื่อพบว่าลั่วฉวนไม่คิดตอบคำถาม อู๋เทียนจึงหยุดถาม
ความสนใจของเขามุ่งมายังกระดานโกะตรงหน้า ครุ่นคิด และวางหมากขาวตาแรกลงบนจุดดาวล่างซ้าย
“ขอบคุณเถ้าแก่” เฉินอี้อี้รับเค้กข้าวซากุระจากหยวนก่วยพร้อมกล่าวขอบคุณเสียงหวานก่อนจะเดินไปพร้อมเฉินโม่ “พี่ชาย ท่านบอกว่าเมื่อคืนอาจารย์เร่งร้อนกลับไปทำไมกัน?”
“ข้าจะทราบได้ยังไง อาจารย์ไม่ได้บอกอะไรเลย” เฉินโม่ส่ายศีรษะ
“ฟู่… ร้อน ร้อน” เฉินอี้อี้เป่าขนมในมือ “ข้าคิดว่าต้องเกี่ยวข้องกับบุคคลในชุดดำที่เดินผ่านหน้าร้านเถ้าแก่หยวนเมื่อคืนแน่ ตอนนั้นอาจารย์คล้ายจะทราบอะไรเข้า”
“ก็อาจเป็นเช่นที่ว่า” เฉินโม่มองทางเฉินอี้อี้อย่างอับจนเล็กน้อย “ทราบว่าร้อนแล้วไฉนจึงรีบกิน?”
“มันอร่อยจนข้ารอไม่ได้นี่” เฉินอี้อี้ตอบกลับ
ระหว่างบทสนทนา คนทั้งสองจึงเดินเข้าตรอกไปยังร้านต้นตำรับ
“เถ้าแก่เล่นโกะกับผู้อาวุโสอู๋เทียน” เฉินโม่พบเห็นสองคนกำลังนั่งหน้ากระดานหมาก “โกะงั้นหรือ ไปรับชมกันดีกว่า”
“ข้าขอผ่าน” เฉินอี้อี้ส่ายศีรษะ “โกะน่าเบื่อเกินไป ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมท่านจึงชอบ”
“เพราะมันเต็มไปด้วยเรื่องราว เจ้าไม่คิดรับชมเลยจริงหรือ?” เฉินโม่พยายามชักชวนอีกครั้ง
เฉินอี้อี้ยืนกราน “ไม่ไป ข้าว่ามันน่าเบื่อ”
“ก็ได้” เฉินโม่ตอบรับก่อนจะเข้าไปรับชมกับผู้อื่นที่ยืนอยู่ก่อนแล้ว
แม้ว่าโกะไม่ได้รับความนิยมในหมู่ลูกค้าส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีหลายคนมารับชมลั่วฉวนกับอู๋เทียนเล่นโกะ
เมื่อเฉินอี้อี้เดินไปซื้อไอศกรีม นางจึงได้เห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้ดวงตาต้องเกิดประกาย
“พี่อานเหวยหยา ผู้นี้คือ…” เฉินอี้อี้เผยท่าทีสงสัยผ่านทางสีหน้า
ได้ยินเสียงเรียก ปิงชวงจึงหันมอง ดวงตาสีแดงนั้นราบเรียบ และไม่ช้าจึงมองลงไปยังโทรศัพท์วิเศษในมืออีกครั้ง
ทั้งร่างของนางอยู่ภายใต้ชุดสีดำ อายุนั้นดูแล้วไม่มาก และใบหน้าก็ไม่ได้เผยท่าทีหรืออารมณ์ใดเลยแม้แต่น้อย
ความรู้สึกอันคุ้นเคยปรากฏในใจเฉินอี้อี้ นางนึกถึงร่างในชุดสีดำเมื่อคืนนี้
ชุดสีดำนี้คล้ายว่าจะเหมือนเกินไปแล้ว
“ปิงชวง” เสียงอันเย็นเยือกดังขึ้น
“นามข้าเฉินอี้อี้” เฉินอี้อี้แนะนำตนเองพร้อมเผยยิ้มแย้มแจ่มใส
ด้วยไม่มีการตอบรับใด สายตาของปิงชวงเพียงมองที่โทรศัพท์วิเศษโดยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย
“นิสัยนางก็เป็นเช่นนี้” อานเหวยหยาที่นั่งอยู่ด้วยอธิบายออกมา
“ข้าทราบ” เฉินอี้อี้พยักหน้ารับ
จากตรงนี้ นางได้พบว่าเจ้าของเส้นผมสีเงินและดวงตาสีแดงไม่ค่อยชอบพูดกล่าวกับผู้อื่น
ตัดกลับมาทางกระดานโกะ ลั่วฉวนต้องยอมรับว่าอู๋เทียนเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
นี่ก็เพียงไม่กี่วันผ่านพ้นตั้งแต่ลั่วฉวนนำโกะออกมาให้เล่น
อู๋เทียนและคณะต่างทราบถึงกฎของโกะกันอย่างชัดแจ้งแล้ว
ในเวลาเพียงแค่สิบนาที โกะกระดานนี้จึงถึงทางตัน
หมากขาวและหมากดำยึดครองพื้นที่ส่วนหนึ่งไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
“ข้ารู้สึก… กลัวขึ้นมาแล้วสิ” เฉินโม่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ราวกับเขาแทบไม่อาจทนดูต่อได้ไหวจนต้องถอยหนีโดยไม่รู้ตัว
กระนั้นสายตาก็ยังคงมองที่กระดานโกะไม่ไปไหน เขาคาดหวังจะได้เห็นสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงถัดจากนี้
ช่วงที่ผ่านมา เขาพอเข้าใจสไตล์การเล่นโกะของลั่วฉวนกับอู๋เทียนโดยคร่าวแล้ว
โกะของอู๋เทียนคือความหนักแน่น ก้าวเดินไปทีละก้าว ทุกก้าวนั้นคิดอ่านมาอย่างแม่นยำ
ของลั่วฉวนจึงแตกต่างออกไป ทุกก้าวเป็นไปตามใจต้องการ แม้กระนั้นก็ยังสามารถควบคุมภาพรวมได้ดีเยี่ยม
ทั้งสองฝ่ายใกล้ถึงทางตันแล้ว เฉินโม่รู้สึกว่าอีกไม่ช้าจะต้องได้ตัวผู้ชนะ
ขณะอู๋เทียนกำลังจะวางหมาก แขนนั้นพลันค้างกลางอากาศพร้อมคิ้วที่ขมวด
ลั่วฉวนดื่มโคล่าไปอย่างไม่ร้อนใจ เขาอดทนและรอคอยได้
ไม่กี่วินาทีถัดจากนั้น อู๋เทียนพลันต้องส่ายศีรษะและวางหมากในมือกลับคืนกล่องหมาก
“ผู้อาวุโสอู๋เทียน ไม่วางต่อแล้วหรือ?” เฉินโม่เอ่ยถามด้วยความสับสน
“ไม่จำเป็นต้องเล่นต่อแล้ว” อู๋เทียนส่ายศีรษะ “เพราะไม่มีโอกาสชนะแล้ว”
“ข้าแพ้แล้ว” ลั่วฉวนกล่าวบอก
ครั้งนี้ที่ได้เล่นกับลั่วฉวน คล้ายว่าจะจุดประกายอะไรให้อู๋เทียนได้อีกมาก
เพราะลั่วฉวนไม่คิดเล่นต่ออีกกระดาน อู๋เทียนเลือกที่จะไปยังหมู่บ้านซากุระ สั่งกาแฟสักแก้วหนึ่งและไปนั่งโต๊ะรับชมความงาม
ชิงหยินเวลานี้กำลังเล่นเพลงจันทราสุกสว่าง เสียงดนตรีจากเปียโนหลังใหญ่ได้เริ่มบอกเล่าถึงการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย
เสียงเพลงจากเปียโนเข้าสู่โสดประสาทรับฟัง มันซ้อนทับจนเกิดความรู้สึกที่เพิ่งเกิด อู๋เทียนราวตระหนักรู้อะไรเข้า
ณ พระราชวังหลวง
แม้ว่าผ่านการเตรียมการยาวนานแล้ว แต่ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องก็ส่งผลกระทบต่อจักรวรรดิเทียนชิงอย่าง่มหาศาล มันราวกับเป็นการเพิ่มเหตุการณ์อันน่าจดจำเข้าไปอีกหนึ่งครั้ง
“ข้าคิดว่าพระราชสารอาจไม่จำเป็นอีกต่อไป” จี้อู๋ฮุยวางปากกาในมือลงพร้อมหันไปกล่าวกับเหล่าไป่ที่อยู่ข้างกาย
“องค์เหนือหัวอาจไม่ทราบ ที่จริงแล้วเหล่าขุนนางบริหารต่างพูดกล่าวถึงเรื่องนี้กันแล้ว” เหล่าไป่เผยยิ้ม
“โห? มีเรื่องเช่นนั้น? พวกเขากล่าวว่าอะไรบ้าง?” จี้อู๋ฮุยเกิดสนใจ
“โทรศัพท์วิเศษ” เหล่าไป่นำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมา “แอพแชทนั้นสามารถทดแทนพระราชสารได้อย่างครบถ้วน อีกทั้งยังมีการวิดีโอคอลที่สามารถยืนยันแทนพระราชสารได้”
“เห็นด้วย” จี้อู๋ฮุยพยักหน้ารับ จากนั้นเขาจึงคิดอะไรขึ้นได้ “กล่าวไปแล้วแอพแชทมีความสามารถวิดีโอคอล เช่นนั้นจัดการประชุมราชวงศ์ได้หรือไม่?”
“องค์เหนือหัว ข้าคิดว่ายังไม่จึงดีกว่า” เหล่าไป่ส่ายศีรษะ “เคยมีการกล่าวถึงเรื่องนี้มาก่อน เหล่าขุนนางบริหารส่วนใหญ่ยังคงปฏิเสธ”