God Level Store Manager เถ้าแก่ขั้นเทพ - ตอนที่ 1012
ตอนที่ 1012
หากเทียบกับโลกภายนอก มิติย่อยนั้นออกจะเงียบงันจนเกินไป
ความคิดเช่นนี้ปรากฏขึ้นในใจของอานเหวยหยาอย่างไร้สาเหตุ
รับชมร้านต้นตำรับที่อยู่ตรงหน้า ความคิดของนางจึงปล่อยทิ้งไว้
เรื่องราวผิดคาดเมื่อวันก่อน คือค่าประสบการณ์ที่ใช้สู่ระดับสี่สิบนั้นมากเกินกว่าที่คิด และวันนี้นางจะต้องเพิ่มระดับให้สำเร็จ!
“เถ้าแก่ ในร้านมีอะไรใหม่บ้างไหม?” อานเหวยหยาถามไปเรื่อยขณะเดินเข้ามาในร้าน
“ไม่มี” ลั่วฉวนตอบกลับโดยไม่เงยหน้ามอง
“ข้ารอสินค้าใหม่ของทางร้านอยู่นะ” อานเหวยหยาเผยยิ้ม
หางตานางตอนนี้ฉับพลันพบเห็นบางอย่างจนต้องหันมองทางบริเวณชั้นวางสินค้า
รอยยิ้มที่ใบหน้าค่อยเลือนหาย ความซับซ้อนปรากฏในดวงตา
ลั่วฉวนตระหนักทราบอาการแปลกไปของอานเหวยหยาจึงประหลาดใจ
ครั้งนางพบเจอราชินีไซเรนก่อนหน้านี้ ก็มีอาการเช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้น
หรือว่าปิงชวงจะเป็นเหมือนดังชาวไซเรน?
“เถ้าแก่ นางมาถึงที่นี่เมื่อไหร่กัน?” อานเหวยหยาชี้ไปทางปิงชวง
“เมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ตอนนั้นร้านปิดทำการแล้ว ดังนั้นจึงมาอีกครั้งตอนเช้าวันนี้” ลั่วฉวนกล่าวบอก
อานเหวยหยาพยักหน้ารับโดยไม่กล่าวอะไรตอบ
“รู้จักกันหรือ?” เหยาซือหยานทราบตัวตนของอานเหวยหยา ตอนนี้จึงเกิดสงสัย
อานเหวยหยาส่ายศีรษะ จากน้ำเสียงนั้นคล้ายมีความรู้สึกอันซับซ้อนคงอยู่ “ข้าเพียงเห็นนางเมื่อวานนี้”
เหยาซือหยานทราบว่าอานเหวยหยาไม่คิดกล่าวต่อ ดังนั้นจึงเลือกจบบทสนทนา
ขณะมองที่ปิงชวง อานเหวยหยาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “เถ้าแก่ คล้ายนางจะแตกต่างไปจากเมื่อวานนะ”
“ใช่ ทางเราใช้วิธีการเดียวกับที่เคยช่วยยี่ลา” ลั่วฉวนกล่าวบอก
อานเหวยหยามีสัมพันธ์อันดีกับชาวไซเรน ได้ทราบว่ามีผลไม้ที่ชำระล้างวิญญาณได้ก็ใช่ แต่รสชาตินั้นเกินบรรยายกว่ามนุษย์ทั่วไปจะคาดคิดถึงได้
สำหรับลูกค้าที่ไม่ทราบเรื่องของล้ำค่าดังกล่าว ถือว่าเป็นความเมตตาจากเถ้าแก่แล้ว
และไม่ทราบว่าทำไม ใจลั่วฉวนพลันเกิดความรู้สึกประหลาดอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เขาจึงต้องหันมองรอบด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
ทางด้านปิงชวงตอนนี้เลือกซื้อสินค้าเรียบร้อย นางกำลังถือโทรศัพท์วิเศษในมือพร้อมเผยสีหน้ายุ่งยากใจ
หลังลังเลอยู่พักหนึ่ง นางคล้ายตัดสินใจได้ เป้าหมายคือเหยาซือหยานที่โต๊ะรับเงิน
เมื่อมาถึงโต๊ะ ดวงตาสีแดงนั้นจึงจับจ้อง
เหยาซือหยานตระหนักถึงสายตาพร้อมโทรศัพท์วิเศษในมือ นางจึงทราบว่าเรื่องราวเป็นมายังไง
“ให้ข้าสอนให้เอง” อานเหวยหยากล่าวคำเสนอตัวมองทางปิงชวง
ปิงชวงหันมองทางเหยาซือหยาน จากนั้นจึงเป็นอานเหวยหยา ราวกำลังชั่งใจ แต่หลังผ่านความเงียบงันไปหลายวินาที นางค่อยพยักหน้ารับ
“มากับข้า” อานเหวยหยาคว้ามือปิงชวงเอาไว้เดินไปทางเครื่องเล่นเกมเสมือนจริง
เหยาซือหยานถอนสายตากลับหันมองทางลั่วฉวน “เถ้าแก่ อานเหวยหยาเหมือนจะรู้จักปิงชวงนะ”
“ใช่” ลั่วฉวนรับคำ “แต่นางไม่อยากพูด”
อานเหวยหยาคล้ายรู้เรื่องราวมากมาย แต่นางไม่เคยบอกลั่วฉวน ราวกับกำลังหวาดเกรงอะไรบางอย่าง
แม้ลั่วฉวนสงสัยระดับหนึ่ง แต่เขาก็ไม่คิดบีบบังคับให้นางบอกกล่าว เพราะนั่นไม่ใชนิสัยของเขา
“ทราบแล้ว” เหยาซือหยานถอนหายใจอับจน จากนั้นจึงนำเอาโทรศัพท์วิเศษออกมาคิดเนื้อหางานต่อ
ปิงชวงรับรู้ได้ถึงพลังอันแปลกแตกต่างระหว่างหญิงสาวตรงหน้ากับผู้อื่น และมันเป็นออร่าที่ทำให้นางรู้สึกสบายใจ
ปฏิกิริยาตอบสนองมีไม่มาก แต่ภายใต้คำอธิบายของอานเหวยหยา นางจึงเริ่มเข้าใจการใช้งานโทรศัพท์วิเศษขึ้นมา
ทางด้านเหวินเทียนจี หลังกลับจากร้านของหยวนก่วยเมื่อวานนี้ก็เดินทางกลับตำหนักจักรกลสวรรค์ผ่านทางค่ายอาคมเคลื่อนย้ายศูนย์กลาง
“ทำไมจ้าวตำหนักกลับมาอย่างกะทันหันเช่นนี้? ทั้งยังเก็บตัวในหอตำราอยู่หลายวัน”
“ไม่ทราบ แล้วก็ไม่ควรทราบด้วย”
“พวกเราจะเข้าใจอะไรจ้าวตำหนักได้? หากเข้าใจไม่งั้นก็เป็นจ้าวตำหนักแล้วไหม?”
“ไม่เอาน่า…”
หอตำราที่ตำหนักจักรกลสวรรค์คือสถานที่รวมแหล่งความรู้อันสูงสุดของทวีปเทียนหลัน
กระนั้นก็มีเพียงบันทึกส่วนน้อยที่กล่าวถึงเรื่องราวจากยุคโบราณอันไกลโพ้น
และเหมือนว่าบันทึกของช่วงเวลาโบราณทั้งหลายจะถูกลบเลือนไปโดยพลังอำนาจที่เปรียบดังเทพ
ตอนนี้หากจะมีเหลือ ก็คงเป็นเพียงความหวาดกลัวต่อเภทภัยที่บอกเล่าสืบต่อกันมา
“อยู่ไหนกันนะ?”
เหวินเทียนจีขมวดคิ้วพร้อมพลิกหน้าตำรา
ทั้งหอตำราแห่งนี้มีค่ายอาคมคุ้มกัน ดังนั้นจึงไม่มีฝุ่นเกาะตำราแต่อย่างใด
ตำราส่วนใหญ่ที่บันทึกประวัติศาสตร์โบราณเอาไว้จะใช้วัสดุพิเศษในการจัดทำ กาลเวลาจะส่งผลต่อพวกมันก็เพียงน้อยนิด
สุดท้ายแล้วเหวินเทียนจีจึงมาหยุดตรงหน้าชั้นตำรา
ในมือนั้นถือตำราปกสีดำเอาไว้ ริมฝีปากกำลังอ่านตัวอักษรด้วยเสียงอันเบาค่อย
“…ลืมเลือนตัวตน ไม่มีผู้ใดทราบต้นตอการลืมเลือน รวมถึงการเร่ร่อนในโลกประหนึ่งภูตผี…”
“…ในทุกช่วงเวลาหนึ่ง มันจะเกิดเหตุการณ์ปกติอันร้ายแรง บ่อยครั้งจะทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ จากนั้นจึงหายไป และเมื่อกลับมาปรากฏอีกครั้ง พลังอำนาจของมันจะลดทอนลง ถึงกระนั้นก็ยังคงเร่ร่อนหลอกหลอนวนซ้ำไป…”
บันทึกโบราณมีเพียงไม่กี่คำที่เขียนเอาไว้ หลังได้อ่าน ข้อสงสัยในใจของเหวินเทียนจีก็ยังไม่ได้รับคำตอบ แต่ยิ่งมีคำถามผุดมากขึ้น
“นี่มันอะไรกัน?” เขาพึมพำกับตนเอง “หลังการปรากฏตัวครั้งทัณฑ์พิบัติบรรพกาล มันมีสาเหตุอะไรจึงหายไปและกลับมาใหม่อีกครั้ง…”
คำถามของเขานี้ไม่มีผู้ใดตอบได้
ณ ร้านต้นตำรับ
อานเหวยหยาและปิงชวงนั่งใกล้กัน และตอนนี้ในร้านก็ยังมีคนไม่มาก
ปิงชวงถือโทรศัพท์วิเศษพลางเรียนรู้การใช้งานแอพพลิเคชั่นทั้งหลายโดยอานเหวยหยา
เวลาผันผ่าน ลูกค้าเริ่มมาเยือนร้านคนแล้วคนเล่า
และก็เป็นดังลั่วฉวนคาด ทั้งสองกลายเป็นจุดดึงดูดความสนใจของบรรดาลูกค้า
ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นปิงชวง
ดวงตาสีแดง เส้นผมสีเงิน ใบหน้างดงามหมดจด สิ่งสำคัญอื่น่ใดคือชุดคลุมสีดำตัวใหญ่
และที่อยู่เคียงข้างคืออานเหวยหยา ลูกค้าส่วนใหญ่ต่างรู้จักนางดี
นั่นคือผู้ชนะเลิศศึกชิงสิทธิ์การซื้อไวน์หยกครั้งสุดท้าย
ตอนนี้ลูกค้าหลายคนจึงเริ่มคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างสตรีโฉมงามในชุดดำและอานเหวยหยา
ตอนนี้กระแสพี่น้องมาแรงเป็นอันดับหนึ่ง
อย่างไรแล้วร่างของทั้งสองฝ่ายก็ไม่ใช่แตกต่างกันมากนัก
แน่นอนว่าเหล่านี้เป็นเพียงข้อสงสัยของลูกค้าคนอื่น
“เถ้าแก่เล่นโกะกันไหม?” อู๋เทียนเดินเข้ามาสอบถาม
โกะนั้นไม่ค่อยได้รับความนิยมในหมู่รุ่นเยาว์ ขณะที่ในหมู่รุ่นอาวุโสนั้นได้รับความนิยมอย่างยิ่งใหญ่
ผู้อื่นต่างประหลาดใจที่ได้พบ ว่าเพียงหมากสีขาวและหมากสีดำบนกระดานจะทำให้เกิดความลึกลับอันมากมาย มันเทียบได้กับการสร้างโลกของตนเองขึ้นมาใบหนึ่งก็ไม่ผิด
ท่ามกลางเสียงของลูกค้ามากมาย บางคนกระทั่งเชื่อ ว่าผู้ใดควบคุมการเล่นโกะได้โดยสมบูรณ์ เช่นนั้นจะมีโอกาสก้าวไปสู่ขอบเขตนักบุญ
แน่นอนว่าส่วนใหญ่ก็เพียงกล่าวกันไปเรื่อย อย่างไรแล้วก็แค่เกมชนิดหนึ่ง มีหรือที่จะเชื่อมโยงถึงการก้าวหน้าสู่ขอบเขตนักบุญไปได้