Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 40
สามวันต่อมา
ณ ฮ่องกง
บนท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คนเดินขวักไขว์ไปมาเต็มไปหมด ประกอบกับแสงไฟที่อยู่รอบ ๆ ที่กระพริบไปมาอย่างสวยงาม ทำให้เห็นว่าสถานบันเทิงยามค่ำคืนของที่นี่มันสุดยอดมากแค่ไหน!
มีชายคนหนึ่งและหญิงอีกสองคนกำลังเดินอยู่บนท้องถนนแห่งนี้ พวกเขามองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น เหมือนกับว่าพวกเขาไม่เคยเห็นสิ่งเหล่านี้มาก่อนในชีวิต
“หัวหน้า เรากำลังมองหาใครอยู่งั้นหรอ ?” บริ๊งค์ถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในขณะที่เธอยืนอยู่ทางด้านซ้ายของซู่เจินส่วนแมโรยืนอยู่ทางด้านขวา และเมื่อแมโรได้ยินคำถามของบริ๊งค์เธอก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเช่นกันว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเดินทางมาที่ฮ่องกง ที่นี่มีคนแปลก ๆ มากมาย และพวกเรากำลังตามหามนุษย์กลายพันธุ์อยู่งั้นหรอ ?”
“ พวกเธอกำลังเข้าใจผิด มันไม่ได้มีแค่พวกมนุษย์กลายพันธุ์เท่านั้นนะที่จะสามารถมีความสามารถพิเศษได้ เพราะคนธรรมดาหลาย ๆ คนก็สามารถมีความสามารถพิเศษได้ ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น … เขาเป็นนักมายากลข้างถนน พวกเธอคิดว่าเขามีความสามารถพิเศษหรือไม่?” ซู่เจินใช้นิ้วของเขาชี้ไปยังผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ เขา ที่กำลังแสดงมายากลอะไรบางอย่างอยู่
บริ๊งค์มองไปที่แมโรและเม้มริมฝีปากของเธอขึ้นแล้วพูดว่า “ไม่ มันไม่ใช่ความสามารถพิเศษ มันคือมายากล แถมมันยังเป็นมายากลที่กระจอกงอกง่อยมาก … “
ซู่เจินยิ้มออกมาเบา ๆ และพูดขึ้นมาอย่างช้า ๆ ว่า “คนที่เรากำลังตามหาอยู่มีชื่อว่า เฉินห่าวหราน หรือที่รู้จักกันในชื่อMoxibustion เขามีความสามารถในการสร้างการเปลวไฟ แต่มันก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก หรือเรียกได้ว่ามันคือ สะเก็ดไฟ ดี ๆ นี่เอง อย่างไรก็ตามการจุดสะเก็ดไฟเพียงครั้งเดียว มันก็สามารถทำให้เกิดไฟป่าได้ และตราบใดที่เขายังพยายามฝึกฝนความสามารถของเขาอย่างต่อเนื่อง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน แถมอาชีพในปัจจุบันของเขา… ยังไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่แต่เป็นเพียงนักมายากลข้างถนนเท่านั้น! “
เมื่อซู่เจินพูดจบเขาก็เดินไปหานักมายากลที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาโดยทันที
บริ๊งค์และแมโรมองหน้ากันไปมาด้วยความประหลาดใจและคิดขึ้นมาในใจว่า ‘มันคง … ไม่ใช่เขาคนนั้นใช่ไหม?’
เมื่อการแสดงของมายากลของเขาจบลง เขาก็หันไปรอบ ๆ และแสดงท่าทางผิดหวังออกมาเล็กน้อย เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่แสดงออกถึงความน่าเบื่อผ่านทางสีหน้าของผู้ชมโดยรอบ ทำให้เขาคิดว่าวันนี้เขาคงจะไม่ได้เงินอีกแล้วแน่ ๆ เขาก็เลยก้มตัวลงเพื่อเก็บหมวกที่อยู่บนพื้นของเขาขึ้นมา แต่ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาและเอาธนบัตรสองสามดอลลาร์มาใส่ไว้ในหมวกของเขา และเมื่อนักมายากลเห็นเช่นนั้นเขาก็ตกใจเป็นอย่างมากและรีบเงยหน้ามองไปที่ชายหนุ่มคนนั้นอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณมาก!”
ตอนแรกเขาแสดงมายากลอยู่ที่นี่มานานมาก แต่เขากับได้เงินแค่จำนวนเล็กน้อยเท่านั้น
ซู่เจินยักไหล่และพูดขึ้นมาว่า “ผมขอบอกตามตรงเลยนะว่ามายากลของคุณมันห่วยแตกมาก แต่…. ผมคิดว่าคุณน่าจะมีอะไรที่ดูน่าตื่นเต้นมากกว่านี้จริงไหม? แสดงมันให้ผมดูได้หรือเปล่า ?“
นักมายากลส่ายหัวเบา ๆ และพูดว่า “ขอโทษนะ ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ แต่มายากลอันนี้ มันเป็นอันที่ผมสามารถทำได้ดีที่สุดแล้ว!”
“จริงงั้นเหรอคุณเฉินห่าวหราน แล้วทำไมผมถึงคิดว่านี่มันไม่ใช่มายากลที่ดีที่สุดของคุณล่ะ?” ซู่เจินกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
เฉินห่าวหรานถึงกับตกตะลึงกับคำพูดของซู่เจินและรีบถามขึ้นมาด้วยความร้อนรนว่า “คุณ … คุณรู้จักชื่อผมได้ยังไง?”
“ก็ต้องรู้จักสิ เพราะว่าผมเดินทางมาที่นี่เพื่อตามหาคุณโดยเฉพาะ และตอนนี้ผมว่าพวกเราเปลี่ยนสถานที่คุยกันก่อนดีกว่าไหม?”
เฉินห่าวหรานลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้าในที่สุด “ งั้นไปที่บ้านของผมล่ะกัน!”
“บ้านของคุณมันไม่ค่อยปลอดภัยซักเท่าไหร่!”
ซุ่เจินยิ้มออกมาและพาเฉินห่าวหรานไปหาบริ๊งค์กับแมโรที่ยืนรอเขาอยู่ เมื่อเดินมาถึงเขาก็แนะนำตัวของเฉินห่าวหรานให้พวกเธอรู้จักกันคร่าว ๆ หลังจากนั้นพวกเขาก็พากันเดินเข้าไปในตรอกที่อยู่ข้าง ๆ
“ผมคิดว่าที่นี่มันไม่ใช่สถานที่สำหรับการพูดคุยนะ ?” เฉินห่าวหรานถามขึ้นมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
ซู่เจินไม่ได้พูดตอบ แต่เขากับมองไปที่บริ๊งค์ เพื่อให้เธอโยนคริสตัลเปิดประตูพอร์ทัลขึ้นมา และเมื่อบริ๊งค์เห็นสายตาของซู่เจินเธอก็โยนคริสตัลไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดประตูพอร์ทัลขนาดใหญ่ขึ้นมาอยู่ตรงหน้าของพวกเขา และเฉินห่าวหรานก็มองไปที่มันด้วยความตกตะลึง
“ไปกันเถอะ!”
ซู่เจินจับไปที่ไหล่ของเฉินห่าวหรานและยกตัวของเขากระโดดเข้าไปในประตูพอร์ทัลอย่างรวดเร็ว
จากนั้นไม่นานประตูพอร์ทัลก็ปิดตัวลง
“ นี่ … ที่นี่คือที่ไหน?”
เฉินห่าวหรานถามซู่เจินขึ้นมาด้วยความกังวล เพราะหลังจากที่ประตูพอร์ทัลปิดตัวลงซู่เจินก็พาเขามาที่ไหนก็ไม่รู้ แต่ถ้าดูจากสภาพแวดล้อมรอบ ๆ แล้วที่นี่น่าจะเป็นโรงแรมละมั้ง ?
“ที่นี่คือสหรัฐอเมริกา!”
ซู่เจินกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“อเมริกา นี่ … มันเป็นไปได้ยังไง” เมื่อกี้เขายังอยู่ที่ฮ่องกงอยู่เลยพริบตาเดียวก็มาอยู่ที่อเมริกาแล้ว? เฉินห่าวหรานมองไปที่ซู่เจินด้วยความไม่อยากจะเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถของบริ๊งค์นั้นมันน่ามหัศจรรย์เกินไปแล้ว!
“คุณเป็นใครกันแน่ ทำไมคุณถึงต้องตามหาตัวผมด้วย ?” เฉินห่าวหรานถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ถ้าคุณอยากรู้เหตุผล คุณก็ต้องแสดงความสามารถของคุณให้ผมดูก่อน” ในตอนแรกซู่เจินต้องการรับเฉินห่าวหรานมาเข้าร่วมทีมของเขา แต่ก่อนที่เขาจะเข้าร่วมทีม ซู่เจินอยากรู้ว่า … เฉินห่าวหรานคนนี้ มีคุณสมบัติเพียงพอรึเปล่า!
แม้ว่าเฉินห่าวหรานในตอนนี้ยังคงมีความประหม่าอยู่บ้าง และเขาก็เห็นว่าซู่เจินและคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไรมากมาย แถมพวกเขายังแสดงความสามารถของตนเองออกมาให้เขาดูอีกด้วย ทำให้เขารู้ว่ามันไม่มีความจำเป็นเลยที่เขาจะต้องซ่อนความสามารถของเขาเอาไว้ เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉินห่าวหรานก็ยื่นมือของเขาออกมาและเรียกใช้ความสามารถพิเศษของเขาทำให้เกิดการระเบิดขึ้นกลายเป็นเปลวไฟขนาดเล็กอยู่บนมือของเขา จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจและหันไปมองทางซู่เจินและสองสาว แต่เขากับพบว่าสีหน้าของซู่เจินแสดงออกถึงความเรียบเฉย ส่วนสองสาวนั้นปากของพวกเธอบิ้ดเบี้ยวไปมาแสดงถึงความไม่พอใจ
“เป็นไงล่ะ นี่แหละความสามารถของผม!” เฉินห่าวหรานกล่าวขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจ
“เลิกแสดงท่าทางแบบนั้นสักที ดูยังไงมันก็คือสะเก็ดไฟดี ๆ นี่เอง!”
ถึงแม้ว่าซู่เจินจะรู้ว่าความสามารถของเฉินห่าวหรานเป็นยังไง แต่เมื่อได้มาเห็นกับตาของตัวเองก็ทำให้เขารู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย พวกคุณลองคิดดูสิ ไฟแค่นี้มันจะไปฆ่าใครได้!
“ คุณกำลังดูถูกผมอยู่งั้นเหรอ?”
เฉินห่าวหรานได้แสดงความสามารถของเขาออกมาอย่างเต็มที แต่เขากับพบว่าซู่เจินไม่ได้แสดงท่าทางตื่นเต้นอะไรออกมามากนัก “มันคือความสามารถพิเศษของผมที่พระเจ้าได้มอบให้ตั้งแต่กำเนิด มันทำให้ผมมีความสามารถที่ไม่เหมือนคนปกติทั่วไปและไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเทียบผมได้!”
“ ไม่เหมือนใคร ? ไม่มีใครสามารถเทียบได้ ?”
ซู่เจินโค้งริมฝีปากของเขาและยิ้มออกมา “ผมคิดว่าคุณมีความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป ถ้าเกิดว่าคุณมีความสามารถแค่นั้นแล้วไม่มีใครสามารถสู้กับคุณได้ ส่วนผมที่มีความสามารถมากมายยิ่งกว่าคุณ จะไม่กลายเป็นพระเจ้าเลยงั้นหรอ!”
เมื่อซู่เจินพูดจบ ร่างกายของเขาก็ถูกเปลวเพลิงห่อหุ้มเอาไว้ ไม่สิ….ร่างกายของเขากลายเป็นเปลวเพลิงที่ร้อนแรง
การเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันของซู่เจินทำให้เฉินห่าวหรานถึงกับตกตะลึง เมื่อมองไปยังซู่เจินที่ร่างกายของเขาทั้งหมดกลายเป็นเปลวเพลิง ส่วนของเขาเป็นแค่สะเก็ดไฟเล็ก ๆ ทำให้เขารีบดับไฟของตัวเองด้วยความหงุดหงิด และเสียความมั่นใจในตัวเองไป…
ซู่เจินดับไฟของเขาและมองไปที่เฉินห่าวหราน ที่กำลังทำท่าทางผิดหวังและพูดขึ้นมาว่า “ถึงแม้ว่าความสามารถของคุณจะยังอ่อนแออยู่ แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะผมสามารถทำให้มันแข็งแกร่งขี้นได้! ขอแค่คุณเข้าร่วมทีมของผม ผมจะทำให้คุณกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้น และไม่มีใครกล้าที่จะมาหาเรื่องคุณอีกเลย!”
ด้วยคำพูดของซู่เจิน ทำให้ดวงตาของเฉินห่าวหราน สว่างไสว่และสดใสขึ้นมาทันที เขาเชื่อมาโดยตลอดว่าความสามารถของเขาเป็นของขวัญจากพระเจ้า ที่ท่านได้ประทานมันมาให้แก่เขา และเขายังเชื่ออีกว่าเขาจะสามารถสร้างอาชีพที่มันคงและกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่คอยพิทักษ์ปกป้องโลกใบนี้จากภัยอันตรายต่าง ๆ ได้ ด้วยพลังของเขา
และในตอนนี้คำพูดของซู่เจินได้จุดประกายความหวังของเขาให้กลับมาอีกครั้ง และซู่เจินยังช่วยเปิดประตูสู่หนทางของการเป็น ซูเปอร์ฮีโร่! ให้กับเขาทำให้เขามองไปที่ซู่เจินด้วยความตื่นเต้นและพยักหน้าขึ้นลงอย่างรวดเร็ว!