Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 39
ซู่เจินเดินไปหาศาสตราจารย์ลิซาร์ดอย่างช้าๆ และมองไปที่สภาพที่สะบักสะบอมของศาสตร์จารย์ลิซาร์ด ซู่เจินก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เพราะว่าเมื่อกี้ตอนที่เขาจัดการกับศาสตราจารย์ลิซาร์ด เขาไม่ได้ใช้ความสามารถพิเศษของเขาอะไรทั้งนั้น เขาใช้แค่ความแข็งแกร่งของร่างกายเพียงเท่านั้น แต่เขาก็ยังสามารถจัดการกับศาสตราจารย์ลิซาร์ดได้อย่างง่ายดาย
“ ตื่นได้แล้ว อย่ามาทำเป็นแกล้งตาย!”
ซู่เจินเตะไปที่ตัวของศาสตราจารย์ลิซาร์ดสองสามที และไม่นานศาสตราจารย์ลิซาร์ดก็ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
และเอาแขนของเขาฟาดไปที่ซู่เจินทันที
“ระวัง!”
บริ๊งค์อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา
ซู่เจินยกมือของเขาขึ้นมาและทันใดนั้นการเคลื่อนไหวของศาสตราจารย์ลิซาร์ดก็หยุดลงอย่างกะทันหัน โดยที่แขนของศาสตราจารย์ลิซาร์ดหยุดลงต่อหน้าต่อตาของซู่เจินเพียงไม่กี่เซนเท่านั้นและไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้
ศาสตราจารย์ลิซาร์ดตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย และพยายามออกแรงต่อต้านอย่างหนักทำให้เห็นเส้นเลือดสีฟ้าที่ปูดโปนออกมาจากร่างกายของเขา ส่วนทางด้านของซู่เจินก็ยังรู้สึกได้นิดหน่อยว่าพลังจิตของเขามันควบคุมได้ยากขึ้นมานิดหน่อย แต่ด้วยพลังแค่นี้มันก็ไม่ได้มีผลอะไรสำหรับเขามากสักเท่าไหร่
“ศาสตราจารย์ลิซาร์ด คุณควรทำตัวให้ดีหน่อย ไม่งั้นฉันจะจับคุณย่างกินซะเลยดีไหม!”
ซู่เจินยกมืออีกข้างหนึ่งของเขาขึ้นมา ทำให้ปรากฏเปลวเพลิงขึ้นมาอยู่บนมือเขา และเมื่อศาสตราจารย์ลิซาร์ดเห็นอย่างนั้นเขาก็ยอมแพ้ขึ้นมาทันและไม่กล้าขยับตัวไปไหน มีใครบ้างล่ะที่อยากโดนเผาตาย แค่คิดขึ้นมาก็ทำให้เขารู้สึกเสียววาบขึ้นมาทันที
“คุณ … คุณเป็นใครกันแน่” ศาสตราจารย์ลิซาร์ดถามขึ้นมาด้วยเสียงแหบแห้ง
“มันไม่สำคัญว่าฉันจะเป็นใครมาจากไหน สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือฉันสงสัยว่าทำไมคุณถึงต้องจับพวกมนุษย์กลายพันธุ์ด้วยล่ะ? “
“เธอมีความสามารถในการสร้างกระดูก … ” ศาสตราจารย์ลิซาร์ดตอบขึ้นมาอย่างง่าย ๆ
แม้ว่าศาสตราจารย์ลิซาร์ดจะพูดขึ้นมาแค่ประโยคสั้น ๆ แต่ซู่เจินก็สามารถเข้าใจความหมายของมันได้อย่างง่ายดายและหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ และพูดว่า ” มันไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาไม่ไปวิ่งไล่จับสไปเดอร์แมน แต่เขากับไปวิ่งไล่จับไปพวกมนุษย์กลายพันธุ์แทน เพราะเห็นว่าเธอมีความสามารถในการสร้างกระดูกออกมาได้ ทำให้เขาต้องการที่จะศึกษาร่างกายของเธอและหาวิธีงอกแขนของเขากลับมาอย่างไม่ยอมแพ้… “
“ถ้าเป็นคุณ คุณจะยอมแพ้งั้นหรอ!” ศาสตราจารย์ลิซาร์ดพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาและพูดต่อว่า “ฉันไม่อยากเป็นศัตรูกับคุณ ดังนั้นถ้าคุณปล่อยฉันไป ฉันสัญญาว่าจะไม่มาให้เธอเห็นหน้าฉันอีกเลย!”
“จริงงั้นเหรอ ? แต่เธอไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคุณเลยนะ ? คนที่คุณกำลังมีปัญหาด้วยจริง ๆ ในตอนนี้ก็คือฉันไม่ใช่งั้นหรอ!“
ซู่เจินพูดจบก็หัวเราะเยาะขึ้นมาและสร้างเปลวเพลิงขึ้นมาในมือของเขาและค่อย ๆ เพิ่มอุณหภูมิให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ และโยนเปลวเพลิงให้ไปห่อหุ้มร่างกายของศาสตราจารย์ลิซาร์ดเอาไว้
เปลวเพลิงเริ่มเผาไหม้ร่างกายของศาสตราจารย์ลิซาร์ดอย่างช้า ๆ ทำให้เขากรีดร้องขึ้นมาและดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมาณ
และยังไม่จบแค่นั้นซู่เจินยังใช้พลังจิตของเขาควบคุมร่างกายของศาสตราจารย์ลิซาร์ดเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถหนีไปไหนได้
“ไม่ … อย่า … อย่าทำฉัน ปล่อยฉันไปเถอะ … ” ศาสตราจารย์ลิซาร์ดกรีดร้องขึ้นมาอย่างทรมาณและพยายามขอความเมตตาจากซู่เจิน
“ ฉันชื่อซู่เจิน ตอนนี้ฉันกำลังทำงานอยู่ที่ SHIELD ถ้าฉันจำไม่ผิดดูเหมือนว่าคุณจะอยู่ในรายชื่ออาชญากรของ SHIELD แล้วทำไมฉันจะต้องปล่อยคุณไปด้วยล่ะ หรือคิดว่าฉันจะเป็นเหมือนกับสไปเดอร์แมนงั้นหรอ ที่จับตัวคุณได้แล้วปล่อยให้คุณหนีไปและจับใหม่อย่างนั้นน่ะหรอ ? คุณคิดว่าคุณกำลังเล่นวิ่งไล่จับอยู่รึไง ? “ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยความเย่อหยิ่ง
ศาสตราจารย์ลิซาร์ดในตอนนี้เขาอยากฆ่าตัวตายเป็นอย่างมาก เพราะว่าซู่เจินนั้นแตกต่างจากสไปเดอร์แมนหรือคนอื่น ๆ เป็นอย่างมากเพราะพวกสไปเดอร์แมนและคนอื่น ๆ ยังมีสิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมหรือความเมตตาแม้ว่าเขาจะถูกขังไว้หรือถูกจับตัวเอาไว้เขาจะไม่มีอันตราย แต่สำหรับซู่เจินนั้นเขาไม่มีสิ่งพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย เขามีแต่กลิ่นอายของการฆ่าฟัน และความโหดเหี้ยม
“ฉันเต็มใจที่จะมอบร่างกายและจิตวิญญาณให้กับคุณ และยอมเป็นลูกน้องของคุณ ฉันสามารถทำอะไรได้หลายอย่างและฉันยังเป็นนักวิทยาศาสตร์ มีความรู้เกี่ยวกับพวกเทคโนโลยีที่คุณต้องการ ดังนั้นได้โปรดอย่าฆ่าฉันเลย ไว้ชีวิตฉันด้วยเถอะ .. “ศาสตราจารย์ลิซาร์ดตะโกนขึ้นมาอย่างเวทนาน่าสงสาร
“เทคโนโลยี!”
ด้วยคำสองคำนี้ทำให้ซู่เจินรู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย
ศาสตราจารย์ลิซาร์ดเริ่มรู้สึกว่าเปลวเพลิงของซู่เจินค่อย ๆ ดับลงเรื่อย ๆ ทำให้เขารู้ว่าเขากำลังได้โอกาสที่จะมีชีวิตรอดเขาเลยรีบพูดขึ้นมาว่า “ฉันรู้จักเกี่ยวกับพวกเทคโนโลยีมากมาย แถมฉันยังมีห้องทดลองเป็นของตัวเองอีกด้วย ทำให้ฉันสามารถช่วยคุณทำอะไรหลาย ๆ อย่างได้ถ้าเกิดว่าคุณไม่สะดวกที่จะทำมัน และฉันจะจงรักภักดีต่อคุณ! “
“ทุกอย่างที่ฟังมามันก็ดูน่าสนใจดีนะ แต่คำถามก็คือ … ทำไมฉันจะต้องเชื่อใจคุณด้วย?”
“คุณแข็งแกร่งมากดังนั้นฉันจึงไม่กล้าที่จะโกหกคุณ! เพราะถึงยังไงถ้าฉันโกหกคุณขึ้นมา ไม่ว่าฉันจะหนีไปไหน ฉันก็หนีไปไม่พ้นหลอกจริงไหม?” ศาสตราจารย์ลิซาร์ดรีบพูดขึ้นมาอย่างร้อนรน
“หึ!”
ซู่เจินส่งเสียงออกมาอย่างประชดประชันและเก็บเปลวเพลิงและพลังจิตของเขากลับมา
ศาสตราจารย์ลิซาร์ดนั่งทรุดตัวลงบนพื้นทันพร้อมกับกลิ่นไหม้จาง ๆ ตามตัวของเขา
สภาพของเขาในตอนนี้มันดูน่าเวทนาเป็นอย่างมาก!
“ในตอนนี้ฉันจะลองเชื่อใจคุณไปก่อนก็แล้วกัน แต่คุณควรแสดงคุณค่าของคุณออกมาให้ฉันเห็น ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน เพราะว่าฉันก็ไม่ใช่คนที่จะอารมณ์ดีสักเท่าไหร่ ตอนนี้คุณสามารถไปได้แล้ว แต่ถ้าฉันต้องการคุณเมื่อไหร่ฉันจะเป็นคนไปหาคุณเอง!”
ซู่เจินโบกมือให้สัญญาณกับศาสตราจารย์ลิซาร์ดว่าสามารถไปได้แล้ว ศาสตราจารย์ลิซาร์ดเมื่อเห็นอย่างงั้นก็พยักหน้าตอบและหันหลังวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
ศาสตราจารย์ลิซาร์ดในตอนนี้เขารู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมากเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ตอนแรกเขาต้องจับมนุษย์กลายพันธุ์มาเพื่อศึกษาและรักษาแขนของเขา แต่เขาไม่สามารถจับตัวของเธอได้ ทำให้ความหวังที่จะรักษาแขนของเขาค่อย ๆ หายไป แถมยังทำให้เขาเกือบตายและยังต้องไปเป็นลูกน้องของคนอื่นอีกด้วย คุณลองคิดดูสิว่ามันน่าหดหู่แค่ไหน
แน่นอนว่าซู่เจินไม่ได้เชื่อใจเขาร้อยเปอร์เซ็นอย่างแน่นอน และเขายังไม่ต้องกังวลอีกว่าศาสตราจารย์ลิซาร์ดจะกลับตัวใจได้หรือเปล่า เพราะว่านี่เป็นกลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขา มี
นี่คือประโยชน์ของความแข็งแกร่ง!
ด้วยความแข็งแกร่งของคุณ คุณสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามที่คุณต้องการ ไม่ต้องมาคอยพะวงหน้าพะวงหลัง!
“เห็นไหม จัดการง่ายจะตาย!”
ซู่เจินหันหลังเดินไปหาแมโรกับบริ๊งค์และพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
การแสดงออกของทั้งสองในเวลานี้มีแต่ความชื่นชมและเคารพนับถือต่อซู่เจินเป็นอย่างมาก พวกเธอไม่ได้คาดหวังว่าปัญหาในครั้งนี้จะสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย ไม่เพียงแต่พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังอันแข็งแกร่งของซู่เจินเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงบัลดาลใจทำให้พวกเธออยากแข็งแกร่งขึ้นแบบซู่เจินให้ได้!
“ อ่อ … ฉันขอตามเธอไปได้ไหม?”
แมโรถามซู่เจินขึ้นมาด้วยความกระวนกระวายเล็กน้อย แต่ภายในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ได้แน่นอน และฉันในตอนนี้กำลังก่อตั้งทีมของตัวเองขึ้นมา ถ้าเธอยินดีที่จะเข้าร่วมทีมของฉัน มันจะดีมากเลยล่ะ!”
ในตอนนี้ซู่เจินมีความสุขเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าแมโรแข็งแกร่งมากขนาดไหน แต่แน่นอนว่ายิ่งเขามีลูกทีมมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น!