Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 28
“ ตูม!”
ภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของทุกคน แขนที่ปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงของซู่เจินก็พุ่งตรงไปที่ชายผิวดำและลูกน้องของเขาอย่างรวดเร็ว!
ถ้าถามว่าทำไมซู่เจินถึงต้องรีบจัดการพวกเขาอย่างรวดเร็ว อย่างแรกเลยหนึ่งในสองคนนี้มีความสามารถในการควบคุมความคิดได้และอีกคนมีความสามารถในการควบคุมพลังจิต ถ้าเขายอมปล่อยให้พวกนั้นใช้ความสามารถออกมา เขากลัวว่ามันจะเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับพวกเขา
หมัดเพลิงของซู่เจินพุ่งโจมตีเข้าไปที่หน้าของพวกเขาอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดคลื่นความร้อนกระทบเข้ากับที่หน้าของพวกเขา
ชายผิวดำตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาชักปืนออกมาและยิงไปที่ซู่เจิน ส่วนลูกน้องของชายผิวดำก็ปล่อยพลังจิตของเขาห่อหุ้มเป็นเกราะป้องกันร่างกายของเขาและชายผิวดำเอาไว้ ทำให้ป้องกันการโจมตีของซู่เจินเอาไว้ได้ทันถ่วงที
กระสุนปืนพุ่งเข้าหาซู่เจินอย่างรวดเร็ว แต่มันก็เท่านั้นเพราะซู่เจินสามารถหลบมันได้อย่างง่ายดาย และเขาก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วโจมตีไปที่เกราะป้องกันพลังจิตของชายผิวดำและผิวขาว ด้วยหมัดเพลิงของเขาอย่างรุนแรง
เพ้ง!
ทำให้เกราะป้องกันพลังจิตของพวกเขาแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และหมัดเพลิงยังไม่หยุดแค่นั้นมันพุ่งตรงเข้าไปโจมตีชายผิดขาว จนทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงส่งร่างของชายผิวขาวกระเด็นเข้าไปอัดกำแพงและตกลงมากระแทกกับพื้นอย่างหมดสภาพ และซู่เจินก็หันหลังกลับไปคว้าแขนของชายผิวดำเอาไว้ ทำให้แขนของเขาถูกเปลวเพลิงแผดเผา จนทำให้เกิดเสียงดังฉ่าจากการแผดเผาบริเวณแขนของเขา ทำให้ชายผิวดำกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมาณ และอยู่ดี ๆ แววตาของเขาค่อย ๆ มืดดับลง ใช่! เขากำลังพยายามใช้ความสามารถของเขาเพื่อควบคุมความคิดของซู่เจิน
ซู่เจินรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างที่ทรงพลัง พยายามควบคุมความคิดของเขา โดยที่ซู่เจินไม่ต้องคิดอะไรมากมายให้ปวดสมองเขาเปิดใช้งานความสามารถการกลืนกินของเขาทันที!
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นเช่นนี้”
ชายผิวดำกรีดร้องอย่างทรมาณและทำหน้าตาหวาดกลัวออกมาเมื่อมองไปยังซู่เจิน
เขารู้สึกว่าความสามารถของเขากำลังถูกบางสิ่งบางอย่างกลืนกินอย่างรวดเร็ว
เขาพยายามดิ้นรนและต่อต้านมัน แต่มันก็ไม่เป็นผล เขาไม่สามารถหยุดมันได้เลย
หลังจากนั้นไม่นานดวงตาของเขาก็กลับมาเป็นปกติและเปลวเพลิงที่ปล่อยออกมาตามแขนของซู่เจินก็ค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เปลวเพลิงมันเริ่มลามไปทั่วร่างกายของชายผิวดำ ไม่กี่นาทีต่อมาร่างของชายผิวดำก็ถูกเผาไหม้ดำเป็นตอตะโกและเมื่อซู่เจินปล่อยแขนของเขาออกจากแขนของชายผิดดำร่างของเขาก็ค่อย ๆ สลายกลายเป็นผงขี้เถ้าและปลิ้วหายไปตามสายลม!
“ถ้าคุณกล้าหนี … ผมสัญญาเลยว่าคุณจะต้องตายอย่างทุกข์ทรมาณ!”
ซู่เจินพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาโดยที่ไม่หันหัวกลับไปมองเขาชายผิวขาวที่พยายามที่จะลุกขึ้นหนี เพราะว่าชายผิวขาวได้เห็นกับตาแล้วว่าชายผิวดำซึ่งเจ้านายของเขาถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้เขาต้องพยายามหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะเขายังไม่อยากตาย! แต่หลังจากได้ยินเสียงของซู่เจินร่างกายของเขาก็แข็งทื่อและไม่กล้าขยับไปไหน
มันคือความเกรงกลัว…เขากลัวชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาและมันได้ฝังความกลัวลึกเข้าไปในจิตใจของเขา จนทำให้เขาไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ดั่งใจ
เมื่อเห็นซู่เจินค่อยๆหันกลับมามองที่เขา และด้วยความกลัวทำให้ดวงตาของชายผิวขาวค่อย ๆ เปลี่ยนการเป็นสีดำ
“ มานี่ซะดี ๆ อย่าได้พยายามขัดขืนฉัน”
ซู่เจินพูดขึ้นมาอย่างช้าๆและค่อย ๆ เดินมายืนอยู่ตรงหน้าของชายผิวขาว ซู่เจินยื่นมือออกมาและจับไปที่ร่างกายของเขาและกลืนกินความสามารถของชายผิวขาว โดยไม่มีท่าทางขัดขืนเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นซู่เจินจึงกลืนกินความสามารถของเขามาได้อย่างง่ายดาย และซู่เจินก็ค่อย ๆ ยกมือของเขาขึ้นและควบคุมพลังจิตของเขาให้ค่อย ๆ ยกตัวของชายผิวขาวให้ลอยขึ้นมา ราวกับว่าถูกบางสิ่งบางอย่างคว้าเอาไว้และค่อย ๆ ทำให้ตัวของชายผิวขาวลอยขึ้น และในขณะที่ซู่เจินกำลังควบคุมพลังจิตอยู่เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะว่ามันควบคุมได้ยากลำบากเป็นอย่างมาก!
“ ถึงแม้ว่าฉันจะกลืนกินความสามารถของพวกเขามา แต่ก็ต้องใช้ความพยายามและความสามารถของตนเองในการฝึกฝนเพื่อที่จะสามารถใช้ความสามารถเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ซู่เจินค่อย ๆ หยุดใช้พลังจิตของเขา ทำให้ร่างกายของชายผิวขาวก็ค่อย ๆ ลดระดับลงสู่พื้นและเขาก็หมดสติไปทันที
ซู่เจินสามารถจัดพวกเขาทั้งสองคนได้อย่างง่ายได้และได้รับความสามารถมาตั้งสองอย่าง ทำให้ซู่เจินในตอนนี้อารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ และเขาก็หันหลังกลับไปมองทางด้านหลัง ทำให้นิค, คีร่า และ แคสซี ตกใจกลัวเล็กน้อย
“ คุณจะไม่ฆ่าพวกเราใช่ไหม?”แคสซีรวบรวมความใจกล้าของเธอและถามซู่เจินขึ้นมา
ซู่เจินยักไหล่และพูดว่า “มันก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเธอมีค่ามากพอที่จะให้ฉันร่วมมือด้วยหรือไม่”
“ คุณต้องการให้พวกเราทำอะไร?” นิคถามขึ้นมาด้วยเสียงสั่น ๆ
ชายลึกลับที่มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากและเขายังสามารถกลืนกินความสามารถของคนอื่นได้อีก มันมีเหตุผลข้อไหนที่จะทำให้นิคไม่เกรงกลัวเขาได้กันละ?
“พวกคุณไม่ต้องกลัวฉัน เพราะนี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่พวกเราจะได้พบกัน!” ซู่เจินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เพราะว่าในตอนนี้เขายังไม่สามารถเลือกดันเจี้ยนแห่งใหม่ได้ ทำให้เขาจะต้องเข้าออกดันเจี้ยนนี้อีกนาน ก็จนกว่าที่เขาจะสามารถเลือกดันเจี้ยนแห่งใหม่ได้
“อ้อ! แล้วก็เอาของสิ่งนั้นมาให้ฉันด้วย”
นิค คีร่า และแคสซี หันมามองหน้ากันและแคสซีก็พยักหน้าขึ้นมาและพูดว่า “ให้ของเขาไปเถอะ … พวกเราไม่ควรผิดสัญญากับเขา!”
คีร่าลังเลอยู่พักหนึ่ง และเธอก็ค่อย ๆ เดินไปหยิบกล่องที่ซ่อนอยู่ออกมาให้กับซู่เจิน ซู่เจินเมื่อเห็นอย่างงั้นเขาก็ขยับนิ้วและควบคุมพลังจิตของเขาเล็กน้อยเพื่อเปิดกล่องขึ้นมา เมื่อกล่องเปิดออกก็ทำให้เห็นยายีน R ที่ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีข้างในนั้น และซู่เจินก็ควบคุมพลังจิตให้กล่องใบนั้นค่อย ๆ ลอยมาอยู่ตรงหน้าของเขา ซู่เจินยื่นมือออกมาและสัมผัสไปที่มัน และไม่นานก็มีข้อมูลวัตถุดิบที่ใช้สำหรับการปรุงยาชนิดนี้ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา นี่คือความสามารถในการติดตามที่เขาได้กลืนกินมา ซู่เจินตัดสินใจอย่างรวดเร็วเมื่อเช็คแล้วว่าภายในกล่องและตัวยาไม่มีสิ่งผิดปกติ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ยาอันนี้เป็นของจริง และซู่เจินก็ค่อย ๆ นั่งลงบนพื้นและทำสมาธิอย่างเงียบ ๆ และในขณะนั้นกล่องใส่ยาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้นิค คีร่า และแคสซีถึงกับตกกะใจ!
“นักพยากรณ์ตัวน้อยเธอจำได้ไหมว่าครั้งสุดท้ายฉันเคยบอกไว้ว่าถ้าฉันมีเวลาฉันจะเป็นคนไปช่วยแม่ของเธอให้เอง?” ซู่เจินมองไปที่แคสซีและถามขึ้นมา
แคสซีเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจขึ้นมาทันทีและถามซู่เจินขึ้นมาว่า “จริงงั้นหรอ? คุณจะช่วยแม่ของฉันจริง ๆ ใช่ไหม?”
“เธอน่าจะรู้ที่ตั้งขององค์กรซิสะ ฉันขอแค่ให้เธอพาฉันไปที่นั่นและฉันจะช่วยแม่ของเธอให้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่แน่นอนว่าการช่วยแม่ของเธอมันเป็นเรื่องรอง ฉันคิดว่า … พวกคุณน่าจะรู้ความสามารถของฉันใช่ไหม? คนที่มีความสามารถทุกคนจะถูกฉันกลืนกินความสามารถทั้งหมด รวมถึงคุณและเคธีแม่ของเธอด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ฉันต้องการให้พวกเขาผลิตยายี R ให้ฉันอีกเป็นจำนวนมาก! “ซู่เจินหยุดพูดสักพักและพูดต่อว่า ” ตราบใดที่พวกเธอให้ร่วมมือกับฉันเป็นอย่างดีและไม่คิดจะหักหลังฉันพวกเธอจะได้รับสิ่งที่พวกเธอต้องการ ฉันจะไม่ฆ่าพวกเธอและฉันสามารถลบความทรงจำของพวกเธอให้ได้เมื่อถึงเวลาและยังลบความทรงจำของคนเหล่านั้นด้วย ทำให้พวกเธอสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติอย่างที่หวัง! “
“พวกเราเห็นด้วย!”
ทั้งสามคนมองหน้ากันและก็พยักหน้าเห็นด้วยในที่สุด
การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเป็นสิ่งที่พวกเขาต้อง ใครบ้างไม่ต้องการเงินทอง ใครบ้างไม่ต้องความสุข และในเมื่อมีสิ่งเหล่านี้มาอยู่ตรงหน้า ทำไมพวกเขาจะต้องปฏิเสธด้วยล่ะ?