Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 27
“ระบบอัพเกรดเสร็จสิ้น , เพิ่มฟังก์ชั่นมิติเก็บของ ระยะเวลาการอยู่ในดันเจี้ยนเพิ่มขึ้น “
นี่คือสิ่งที่ซู่เจินได้ยินมาจากระบบ
หลังจากการอัพเกรดมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก ยกเว้นว่ามีมิติเก็บของขนาด 10 ตารางเมตร จากคำอธิบายของระบบพื้นที่นี้สามารถเก็บทุกอย่างแน่นอนว่ายกเว้นสิ่งมีชีวิต และมิติเก็บของนี้สามารถเรียกใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา นั่นก็คือเขาสามารถใช้งานมันในดันเจี้ยนก็ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเขาสามารถนำสิ่งของต่าง ๆ ออกมานอกดันเจี้ยนได้
นี่เป็นฟังก์ชั่นที่มีประโยชน์เป็นอย่างมาก เพราะมันจะเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับแผนการในอนาคตของเขา
ประการที่สอง เวลาที่เขาจะอยู่ในดันเจี้ยนได้ในตอนแรกคือ 12 ชั่วโมงแต่ในตอนนี้ระยะเวลาได้เพิ่มเป็น 3 วัน!
อย่างน้อยเขาจะได้ไม่ต้องวิตกกังวลเกี่ยวกับเวลามากนัก
และนี่คือเหตุผลที่จู่ ๆ ซู่เจินก็บอกว่าเขาต้องการสถานที่เงียบ ๆ เพื่อฝึกพลังของจอห์นนี่ สักสองสามวัน แต่จริง ๆ แล้วเขาหาข้ออ้างเพื่อเข้าสู่ดันเจี้ยนโดยไม่ทำให้พวกเขาสงสัย
ส่วนดันเจี้ยนที่เขาจะเข้าไปก็คือดันเจี้ยนแห่งเดิมกับครั้งที่แล้ว ถ้าไม่ใช่ว่าครั้งก่อนเขาสูญเสียการควบคุมตนเอง จนทำให้เป้าหมายหลายอย่างของเขายังไม่เสร็จเรียบร้อย ถ้าเกิดเขาได้ความสามารถในการควบคุมพลังจิตและความสามารถป้องกันการโจมตีทางจิตมาจะทำให้เขาสามารถใช้ความสามารถพวกนี้หาฐานที่ตั้งของ ‘องค์กร‘ และพวกสมาชิกขององค์กรที่มีพลังพิเศษได้อย่างง่ายดาย มันจะทำให้เขาสามารถกลืนกินความสามารถพวกนี้ได้มากตามที่เขาต้องการ แต่แน่นอนว่าเขาต้องพยายามไม่ให้เสียการควบคุมตัวเอง
นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่สำคัญอีกอย่างในหนังเรื่องนี้ นั่นก็คือ ยายีน R
ยานี้ได้รับการพูดถึงว่าเป็นยารุ่นล่าสุดมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถใช้มันได้ มันคือยาที่ใช้ในการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม แต่มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงทั้งหมด เพราะยังคงมีพันธุกรรมโดยกำเนิดของพวกเขาอยู่ ทำให้องค์กรสามารถสร้างคนที่มีพลังพิเศษขึ้นมาได้มากมาย หากว่าเขาได้รับสิ่งนี้มาและสามารถผลิตมันได้เป็นจำนวนมาก แม้ว่ามันจะไม่แข็งแกร่งเท่าไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิส, ไวรัสตะขาบ และซุปเปอร์ เซรั่ม แต่มันก็ไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย เหมือนกับพวกไวรัสที่เขากล่าวมา เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องการมีกองกำลังเป็นของตัวเอง สิ่งนี้จะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดของเขา
แม้จะรู้ว่า S.H.I.E.L.D. จะต้องจับตามองมาที่เขาอย่างแน่นอน แต่ซู่เจินก็ไม่สนใจ
ซู่เจินเดินเข้าไปในโรงแรม และเดินไปที่บันได จากนั้นเขาก็บอกให้ระบบส่งเขาเข้าไปในดันเจี้ยน!
ทันใดนั้นตัวของซู่เจินก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากนั้นไม่นานซู่เจินก็ปรากฏตัวขึ้นในดันเจี้ยน ที่เดียวกับตอนที่เขาจากไปในตอกแรก เมื่อเขามองไปรอบ ๆ ก็ไม่พบใคร
หลี่เสี่ยวลู่น่าจะจากไปเรียบร้อยแล้วเพราะเขามองหาเธอไม่เจอ และเขาก็ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว
ซู่เจินเดินออกมาจากที่นั่นเพื่อที่จะไปตามหาหลี่เสี่ยวลู่ก่อนเป็นอย่างแรก
เพราะอะไรนะหรอ? ประการแรก เธอยังมีความสามารถในการทำนายอยู่ ประการที่สอง … สิ่งที่เขาได้ทำกับเธอเอาไว้ก่อนที่เขาจะจากไป เขาจะต้องไปอธิบายเหตุผลให้เธอฟังและขอโทษเธอ
น่าเสียดายที่ความสามารถในการทำนายของเขาไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก แม้ว่าเขาจะพยายามทำนายอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่พบหลี่เสี่ยวลู่ แต่เขากับมองเห็นเกี่ยวกับพวกพระเอกของเรื่องนี้แทน!
พระเอกและนางเอกนั้นอยู่ด้วยกัน แม้ว่าพลังในการทำนายอนาคตของเด็กน้อยคนนั้นจะถูกเขาแย่งชิงมาแล้วก็เถอะ!
ยิ่งไปกว่านั้นยาพันธุกรรมยังอยู่ในมือของพวกเขา
และดูเหมือนว่าพวกเขากำลังหลบหนีการตามล่าจาก ‘องค์กร‘
“ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกัน ช่วยฉันประหยัดเวลาไปได้เยอะเลย!” ซู่เจินพูดด้วยยิ้มและจากไปอย่างรวดเร็ว
…
…
ในโรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
พระเอกของเรื่อง นิค และ นางเอก คีร่า และสาวน้อยนักทำนายอนาคต แคสซี พวกเขาอยู่ด้วยกันสามคนในตอนนี้ พวกเขาเหนื่อยเล็กน้อยจากการหลบหนีการตามล่าขององค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แคสซี ที่สูญเสียความสามารถในการทำนายอนาคตและไม่ใช่ผู้ทำนายอนาคตอีกต่อไป ทำให้เธอไม่สามารถคาดเดาการตามล่าขององค์กรได้ ซึ่งทำให้พวกเขาหลบหนีได้อย่างยากลำบาก
“ก๊อกก๊อก!”
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ทำให้พวกเขาทั้งสามคนกระวนกระวายใจ
นิคมองไปที่พวกเธอ เขาหยิบปืนออกมาจากเอวของเขาแล้วเดินไปที่ประตูอย่างระมัดระวัง
ตูม!
จู่ ๆ ประตูก็ถูกทำลายทิ้งและมีชายสองคนเดินเข้ามา
คนหนึ่งผิวดำคนหนึ่งผิวขาว
ชายผิวดำเป็นบอสใหญ่ขององค์กรและยังเป็นศัตรูกับพ่อของนิคซึ่งเขามีความสามารถในการควบคุมความคิด ส่วนชายผิวขาวก็คือลูกน้องของชายผิวดำซึ่งเขามีความสามารถในการควบคุมพลังจิตเช่นเดียวกับนิค
“ ทำไมพวกคุณไม่หนีไปละ ? มีคนที่สามารถทำนายอนาคตได้อยู่ไม่ใช่หรอหรือว่าไม่สามารถมองเห็นอนาคตได้ว่าฉันจะมาที่นี่?” ชายผิวดำพูดขึ้นมาและยิ้มอย่างมีชัย และมองไปทางแคสซี
เขาไม่รู้ว่าแคสซีไม่ได้มีความสามารถนั้นอีกต่อไปแล้ว
แคสซีแสร้งทำเป็นใจเย็นและพูดว่า “ใช่ ฉันเห็นมันและฉันก็เห็นว่าคุณจะตายในอีกไม่นาน”
“จริงงั้นเหรอ ? ทำไมฉันถึงไม่มีความรู้สึกแบบนั้นเลยล่ะ!”
ชายชุดดำมองไปที่พวกเขาทั้งสามคนและพูดอย่างมีชัยว่า “ฉันไม่อยากทำร้ายพวกคุณ ดังนั้นมอบของสิ่งนั้นมาให้ฉันแต่โดยดีหรือว่า … จะตายอยู่ที่นี่!”
“อะแฮ่ม! ผมขอโทษที่มาขัดจังหวะแต่ว่าของสิ่งนั้น … ผมต้องการมันดังนั้น … เกรงว่าจะให้คุณไม่ได้!”
หลังจากที่เสียงของชายผิวดำเงียบลง ทันใดนั้นก็มีเสียงคนพูดดังขึ้นมา ชายผิวดำหันกลับไปมองทางด้านหลังและพบเข้ากับชาวจีนธรรมดาคนหนึ่งที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้อง
“ฉันบอกคุณแล้วว่าคุณจะต้องตายอยู่ที่นี่ ทำไมคุณถึงไม่เชื่อฉันล่ะ!” เมื่อเห็นซู่เจินปรากฏตัวขึ้นอย่างกระทันหัน ทำให้แคสซีตกใจเล็กน้อย และก็ยิ้มออกมาด้วยความยินดี
เธอไม่รู้ว่าซู่เจินเป็นใครกันแน่ แต่ที่เธอรู้แน่ ๆ ก็คือเขามีความสามารถในการกลืนกินความสามารถของคนอื่นได้!
“ก่อนที่ฉันจะฆ่าคุณ ฉันขอถามคุณสักหน่อย คุณเป็น ‘แวมไพร์‘ งั้นหรอ ? ” ชายผิวดำถามซู่เจิน
“มันไม่สำคัญว่าผมจะเป็นใคร แต่สิ่งที่สำคัญจริง ๆ ก็คือ … สาวน้อยคนนี้พูดถูกเพราะคุณจะต้องตายอยู่ที่นี่!”
ซู่เจินยิ้มและยกมือขึ้นช้าๆ ภายใต้ความสนใจของทุกคน
เปลวเพลิงอันร้อนแรงพุ่งออกมาจากแขน ทำให้แขนของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง. . .