Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 29
ซู่เจินยังไม่กลืนกินความสามารถของนิคและคีร่าในตอนนี้ เพราะเขาเพิ่งกลืนกินความสามารถมาสองอย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทำให้เขาต้องใช้ระยะเวลาย่อยสักพักหนึ่งก่อนที่เขาจะสามารถกลืนกินความสามารถต่อได้ ไม่งั้นเดี๋ยวเขาจะสูญเสียการควบคุมตัวเองเหมือนครั้งที่แล้ว
พวกเขาทั้งหมดเดินทางออกจากฮ่องกงเพื่อเดินทางไปยังสถานที่ตั้งฐานขององค์กร!
สถานที่ตั้งฐานขององค์กรไม่ได้มีระบุเอาไว้ชัดเชนในหนัง ถ้าหากว่าซู่เจินไม่มีคีร่าเป็นคนนำทางไปยังฐานขององค์กร เขาคิดว่าต่อให้ใช้เวลามากกว่านี้เขาก็ไม่น่าจะหาสถานที่ตั้งขององค์กรเจอได้ ถ้าถามว่าทำไมคีร่าถึงรู้สถานที่ตั้งฐานขององค์กรได้น่ะหรอ? ก็เพราะว่าเธอได้แอบหลบหนีออกมาจากที่นั่นนะสิ!
พวกเขาใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันในการเดินทางมาถึงสถานที่ตั้งฐานขององค์กร
“ที่นั่นได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา โดยมีพวกที่มีพลังพิเศษยืนเฝ้าอยู่บนอาคารหลายสิบคน!” คีร่าชี้ไปที่อาคารที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาตรงหน้าและกระซิบบอกซู่เจิน
“มีคนที่มีพลังพิเศษอยู่หลายคนเลยงั้นหรอ? ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาหนึ่งวันแล้วสินะ ฉันกลัวว่ามันจะเป็นเรื่องยุ่งยากนิดหน่อยในการกลืนกินความสามารถมากมายในสองวัน อย่างไรก็ตามตราบใดที่ยังมียาพันธุกรรมยีน R นี้อยู่ ฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวว่าจะขาดแคลนความสามารถในอนาคต แม้ว่าความสามารถมันจะซ้ำกันก็ตามแต่มันก็ยังช่วยเพิ่มขีดจำกัดของความสามารถเดิมที่มีอยู่และยังทำให้มีพลังงานไว้ใช้สำหรับอัพเกรดระบบอีกด้วย” ซู่เจินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้นมาว่า “ที่เธอบอกว่ามีการคุ้มกันอย่างแน่นหนาสำหรับฉัน ฉันคิดว่ามันก็ไม่ค่อยสักเท่าไหร่นะ ฉันจะเดินนำพวกเธอเข้าไป และพวกเธอก็แค่พยายามตามฉันมาและป้องกันตัวเองกันให้ดี เพราะว่าฉันจะไม่ปกป้องพวกเธอหรอกนะ!” ซู่เจินพูดจบก็เดินนำพวกเธอไปทันที
เขาจะหยิ่งผยองเกินไปแล้ว!
ทั้งสามคนมองหน้ากันและรีบเดินตามไปทันที
ซู่เจินยกมือขึ้นและชี้ไปที่ประตูทำให้ประตูสั่นอย่างรุนแรงและหลังจากนั้นไม่นานมันก็หลุดออกจากกรอบของประตูและโยนทิ้งไว้ข้าง ๆ
ทันทีที่เขาเข้าไปด้านในก็เห็นทหารยามหลายคนวิ่งมาทางเขาพร้อมกับยกปืนขึ้นและกำลังจะยิงปืน แต่ทันใดนั้นปืนของพวกเขาก็หลุดออกจากมือของพวกเขาทีละคนและมันก็แยกส่วนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตา เมื่อมองไปยังปืนที่ถูกแยกส่วนพวกทหารยามก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมวันนี้พวกเขาถึงดวงซวยชะมัด และไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็ถูกทำให้ลอยขึ้นและพุ่งไปชนเข้ากับกำแพง
ภายในไม่กี่อึดใจทุกคนที่ถูกชนเข้ากับกำแพงก็เป็นลมหมดสติไปทั้งหมด
การควบคุมพลังจิตเป็นความสามารถที่ดีจริง ๆ!
ซู่เจินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและกล่าวว่า “คีร่า คุณพาฉันไปหายาตัวนั้น ส่วนนิคและแคสซีไปช่วยคนที่ถูกจับตัวเอาไว้ออกมา”
พวกเขาเดินแยกทางกันไป คีร่าพาซู่เจินตรงไปยังสถานที่ลับที่สุดในองค์กรซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับเก็บยาและสูตรของยาตัวนี้ แม้ว่าพวกเขาจะเจอกับศัตรูระหว่างทาง แต่ซู่เจินก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายด้วยความพลังจิตของเขา
แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชำนาญมากนักในตอนนี้ เพราะว่าเขาเพิ่งจะได้รับความสามารถนี้มา แต่หลังจากฝึกฝนไม่กี่ครั้งตอนนี้ก็อยู่ในเกณฑ์พอรับได้
“ใคร!”
มีคนที่มีความสามารถพิเศษที่ค่อยเฝ้าสถานที่เก็บยาแห่งนี้เอาไว้อยู่และเมื่อพวกเขาเห็นซู่เจินและคีร่าเดินเข้ามาพวกเขาก็โจมตีไปที่ทั้งสองคนโดยทันที
“นอนลงไปซะ!”
ซู่เจินยิ้มเยาะเย้ยและร่างกายของเขาก็เร่งความเร็วขึ้นอย่างกะทันหัน เดิมทีซู่เจินอยู่ห่างจากพวกเขาอย่างน้อยเจ็ดหรือแปดเมตร แต่ตอนนี้เขามาอยู่ตรงหน้าของทั้งสองคนในพริบตาก่อนที่พวกเขาจะสามารถใช้ความสามารถของพวกเขาซู่เจินก็สับไปที่ต้นคอของพวกเขาทำให้หมดสติไปและวางพวกเขาทั้งสองคนลงกับพื้น
แม้ว่าความสามารถของคนพวกนี้จะแข็งแกร่งมากสำหรับคนทั่วไปและดูเหมือนจะไม่มีใครสามารถสู้พวกเขาได้ แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่พวกเขามีก็แค่พลังไม่ใช่สมรรถภาพทางร่างกายซะหน่อย เมื่อเจอคู่ต่อสู้สายระยะประชิดเข้าไปพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้วยกเว้นว่าพวกเขาจะมีเทคนิคการต่อสู้อาจจะทำให้จัดการพวกเขายากขึ้นมาหน่อย
แม้ว่าประสบการณ์การต่อสู้ของซู่เจินจะไม่ได้มากมายอะไรมากนัก แต่เขาก็แก้ไขจุดบกพร่องพวกนี้โดยอาศัยสมรรถภาพทางร่างกายที่แข็งแกร่งของเขามาทดแทน
ถ้าเปลี่ยนเป็น กัปตัน อเมริกา มาสู้กับพวกเขาสองคนนี้ เขาน่าจะจัดการมันได้เร็วกว่าซู่เจินแน่นอน
ตราบใดที่เขาเหวี่ยงโล่เข้าใส่พวกเขาทั้งสองคน ก็สามารถจัดการพวกเขาทั้งสองคนได้ภายในหนึ่งหรือสองวินาที
จากนั้นมือของซู่เจินก็ลุกเป็นไฟและต่อยเข้าไปที่ประตู แต่ดูเหมือนว่าประตูมันจะแข็งแรงมาก แต่มันก็เปรียบเสมือนแผ่นเนยเมื่อมาอยู่ภายใต้ความแข็งแกร่งของซู่เจิน ซู่เจินค่อย ๆ ควบคุมอุณหภูมิให้สูงขึ้นถึงหลายพันองศาและประตูมันก็ถูกเจาะจนทะลุหลังจากชกไปไม่กี่ครั้ง
หลังจากเข้าไปด้านในเขาก็เห็นยาพันธุกรรมยีนR ที่ถูกเตรียมเอาไว้อย่างมากมายและเขายังพบสูตรของยาตัวนี้อีกด้วย เขาเอาพวกมันเก็บเข้าไปในมิติเก็บของทั้งหมดอย่างรวดเร็วและซู่เจินก็หันไปมองที่คีร่า
“คุณจะกลืนกินความสามารถของฉันแล้วใชไหม?” คีร่าถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าซู่เจินมองมาที่เธอ
ซู่เจินยิ้มและไม่ได้พูดตอบเธอ เขายื่นมือออกมาและไปวางไว้บนหัวของเธอ คีร่าไม่ได้แสดงท่าทางขัดขืนอะไร แต่ซู่เจินไม่ได้กลืนกินความสามารถของเธอ แต่เขากลับลบความทรงจำของเธอ ทำให้ดวงตาของเธอกลายเป็นสีดำสนิทและเขาก็ป้อนความทรงจำใหม่ให้กับเธอ เนื้อหาในความทรงจำนั้นเรียบง่ายมากเพียงแค่ให้เธอยอมจำนนต่อเขาและซื่อสัตย์ต่อเขาเพียงคนเดียว
ในฐานะที่เธอมีรูปร่างและหน้าตาที่สวยงามของ ถ้ามั่วแต่ปล่อยให้เธออยู่แต่ในดันเจี้ยนมันไม่เสียของแย่งั้นหรอ เพราะงั้นซู่เจินเลยตั้งใจจะเปลี่ยนให้เธอเป็นสาวใช้ของเขาและช่วยเขาจัดการเรื่องต่าง ๆ
ซู่เจินปล่อยมือของเขาออกจากหัวของคีร่า การแสดงออกของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย และสายตาของเธอที่มองมายังเขาก็เต็มไปด้วยความเคารพและเชื่อฟัง
“ไปเอาของมีค่าและเงินทั้งหมดเท่าที่จะหาได้มาให้ฉันทั้งหมด!” ซู่เจินพูดสั่งขึ้น
“รับทราบค่ะ!”
คีร่าตอบอย่างเชื่อฟังและหันหลังเดินจากไป
และซู่เจินก็เดินไปหาพวกนิคกับแคสซี เพราะตอนนี้แคสซีช่วยแม่ของเธอออกมาได้เรียบร้อยแล้ว
“พวกคุณพร้อมหรือยัง? ฉันจะกลืนกินความสามารถของพวกคุณแล้วช่วยคุณแก้ไขความทรงจำของพวกคุณให้ เพื่อที่พวกคุณจะสามารถไปชีวิตตามที่ต้องการได้” ซู่เจินพูดออกมาตรงๆ
“คีร่าอยู่ที่ไหนงั้นหรอ?“
นิคถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“ อย่าถามเรื่องอะไรที่ไม่ควรถาม!”
ซู่เจินพูดขึ้นอย่างเย็นชาโดยใช้ความสามารถในการกลืนกินเขาทันทีและปรับเปลี่ยนความทรงจำของเขาซะ
หลังจากนั้นก็ทำสิ่งเดียวกันกับแม่ของแคสซีและก็แก้ไขความทรงจำของเธอและแคสซี
เมื่อพูดถึงความสามารถแม่ของแคสซีก็คือการทำนายอนาคตเช่นเดียวกับแคสซี แถมมันยังแข็งแกร่งมากกว่าของแคสซีอีกด้วย!
หลังจากทำอะไรกับพวกเขาเสร็จแล้วซู่เจินก็ปล่อยพวกเขาไป
ตอนนี้ … ฐานแห่งนี้ตกเป็นของเขาเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้เขามีเวลาพักผ่อนอีกประมาณสองวันและเขาจะต้องตามหาหลี่เสี่ยวลู่ให้เจอให้ได้!