Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 21
คลื่นพลังจิตพุ่งเข้าใส่ซู่เจินอย่างรวดเร็ว มันมีพลังมหาศาลมาก ทำให้ซูซู่เจินกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าวและมีความรู้สึกเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง
“ นี่คือการโจมตีด้วยพลังจิต?”
ซู่เจินแสยะยิ้มโชคดีที่ร่างกายของเขาได้รับการเสริมความแข็งแกร่งจากไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิส มิฉะนั้นการโจมตีเมื่อกี้เขาคงจบลงอย่างหน้าสมเพช อย่างไรก็ตามพลังของไวรัสเอ็กซ์ตรีมมิสนั้นมีความแข็งแกร่งมาก เพราะด้วยการโจมตีด้วยพลังจิตเมื่อกี้ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยเท่านั้น
“เฮ้! หยุดได้แล้ว ผมไม่ได้เป็นพวกเดียวกับพวกหุ่นเชิดอะไรที่คุณพูด ผมเห็นคุณโดยบังเอิญและเห็นว่าคุณดูเหมือนจะมีปัญหาผมก็เลยกะว่าจะมาช่วยคุณ” ซู่เจินมองไปที่ซูซานและพูดออกมา
“หืม? คุณคิดว่าฉันจะเชื่อสิ่งที่คุณพูดงั้นหรอ คุณเป็นคนที่คุยกับฉันเป็นคนสุดท้าย และเมื่อฉันออกมาบาร์ก็มีพวกตุ๊กตาหุ่นเชิดพวกนี้ตามฉันมา แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณจะช่วยฉันจริง ๆ ? และคนอย่างฉันจำเป็นต้องให้คุณช่วยงั้นหรอ? “ซูซานพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
ซู่เจินรู้สึกว่าซูซานน่าจะเมาเล็กน้อย และดูเหมือนว่าความเข้าใจผิดนี้จะแก้ไขไม่ได้ซะแล้ว
ชั่งโชคร้ายอะไรอย่างนี้!
ซู่เจินพึมพำอย่างหดหู่และกล่าวว่า “ไม่ว่าผมจะพูดหรือทำอะไร คุณก็ไม่ยอมฟังเหตุผลของผมสักนิด คุยกับผู้หญิงปกติก็ว่ายากแล้วนับประสาอะไรกับผู้หญิงขี้เมาอย่างคุณตอนนี้ ถ้าคุณไม่ต้องการคุยด้วยเหตุผล งั้นผมไปล่ะ”
หลังจากพูดจบซู่เจินก็หันหลังกลับและเตรียมที่จะเดินจากไป
“คุณอยากหนี้งั้นหรอ ไม่มีทางซะหรอก!”
ซูซานตะโกนขึ้นมาและโจมตีอีกครั้งด้วยพลังจิตด้วยมือทั้งสองข้างของเธอ
พลังอำนาจที่ทรงพลังและไม่อาจมองเห็นได้พุ่งตรงไปที่ซูซาน
ซู่เจินรีบไปหลบอยู่หลังกำแพง และเมื่อคลื่นพลังจิตมากระทบกับกำแพงทำให้มันแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ให้ตายเถอะ ทำไมฉันจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันน่าจะนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่บาร์ให้มันเมาไปเลยซะก็ดี!” เมื่อเห็นความเสียหายที่เกิดจากพลังจิต ทำให้ซู่เจินนั้นรู้สึกโกรธมาก ตอนแรกเขาคิดว่าเขาโชคดีที่ได้พบกับเธอ แต่ตอนนี้น่าจะไม่แล้ว น่าจะโชคร้ายซะมากกว่า เพราะเขาดันมาเจอเธอตอนเมาซะได้!
“คุณบังคับให้ผมต้องทำแบบนี้เองนะ อย่างแรกที่ต้องทำก็คือทำให้สติของคุณกลับมาก่อนสินะ”
เมื่อเห็นว่าเธอยังไม่ยอมหยุด ซู่เจินในตอนถึงกับปวดหัว เพราะว่าเธอได้รวบรวมพลังจิตของเธอแล้วสร้างสนามแม่เหล็กที่มองไม่เห็นขึ้นมารอบ ๆ ตัวเธอ และซู่เจินในตอนนี้ก็พร้อมที่จะสู้กับเธอแล้ว
“ในเมื่อพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง งั้นมาสู้กันซักตั้ง ผมจะดูซิว่าคุณจะทำให้ผมตื่นเต้นได้หรือเปล่า” เมื่อเขาเห็นสนามแม่เหล็กที่ไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่ามันรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ รูรับแสงโปร่งใสก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นทีละชั้นและความเข้มข้นของพลังจิตก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อากาศโดยรอบเริ่มส่งเสียง
“ ฟู่!”
ซู่เจินจุดไฟแช็คขึ้นมา เขาค่อย ๆ ควบคุมเปลวเพลิงให้มันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และค่อย ๆ ล้อมรอบตัวของซู่เจินเป็นชั้น ๆ ในเวลานี้ซู่เจินดูเหมือนกับตัวละครใน ‘God of War’ ซู่เจินเดินออกมาจากเปลวเพลิงพร้อมกับยิ้มด้วยมุมปากของเขาด้วยความเยือกเย็น.
“ ดูถูกฉันงั้นเหรอ ได้!เดี๋ยวฉันจะทำให้เธอได้สติเอง!”
ซู่เจินกล่าวออกมาและหัวเราะเยาะเย้ย เปลวเพลิงรอบ ๆ ตัวเขาก็เร่งความเร็วขึ้นอย่างกระทันราวกับทะเลเพลิงและพุ่งโจมตีไปที่เธอ
“หึ! ไม่เคยมาก่อนเลยว่าคุณจะสามารถควบคุมเปลวเพลิงได้ แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ … ” เมื่อซูซานพูดจบทันใดนั้นร่างของเธอก็สั่นและเสื้อผ้าของเธอก็กลายเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยในทันที เผยให้เห็นชุดรัดรูปของ แฟนแทสติก โฟร์ ที่เธอสวมทับเอาไว้อยู่ข้างใน
ต้องบอกว่าหุ่นของเธอในชุดรัดรูปนั้นมันยอดเยี่ยมจริงๆ
ทะเลเพลิงที่ซู่เจินโจมตีมาที่เธอ พุ่งเข้าใส่สนามแม่เหล็กที่เกิดจากพลังจิตของเธอ สนามแม่เหล็กได้ดูดทะเลเพลิงของซู่เจินเข้าไป การแสดงออกของเธอนั้นดูเหมือนจะภาคภูมิใจมากกับสนามแม่เหล็กพลังจิตของเธอ พลังจิตของเธอนั้นแข็งแกร่งมากมันไม่ง่ายเลยที่จะทำลายมันได้
“ทำได้แค่นี้เองงั้นหรอ ฉันคิดว่าคุณจะทำได้ดีกว่านี้ซะอีก … ” สีหน้าของซู่เจินเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะพูดจบ
ซู่เจินก็ได้มาอยู่ตรงหน้าของเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซู่เจินเดินเข้าไปใกล้ ๆ เธอ เขาเอื้อมมือออกไปราวกับว่าเขาต้องการจับไปสนามแม่เหล็กพลังจิตของเธอ
ในตอนแรกเธอไม่ค่อยแปลกใจซะเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจจริงๆก็คือเปลวเพลิงที่พันอยู่รอบมือของซู่เจินเหมือนกับเอสหมัดเพลิง ในขณะเดียวกันเปลวเพลิงที่อยู่รอบ ๆ มือของซู่เจินก็เขาค่อยๆเปลี่ยนจากสีส้มกลายเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ายกับสีของแมกมา ด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้เธอรู้สึกว่าสนามแม่เหล็กของเธอดูเหมือนจะค่อย ๆ ละลายและถูกบีบออกเล็กน้อย
“เป็นไปไม่ได้!” เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น เธอค่อย ๆ เพิ่มพลังจิตของเธอเข้า
ซวี่ซีซี!
เปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนเผาไหม้เข้ากับแผ่นโปร่งใสของสนามแม่เหล็กพลังจิต ทำให้สนามแม่เหล็กพลังจิตของเธอเริ่มที่จะไม่เสถียร เธอกัดฟันและพยายามควบคุมพลังจิตของเธอ แต่มันก็ไม่มีผล
“คุณคิดว่าสนามแม่เหล็กพลังจิตของคุณจะอยู่ยงคงกระพันงั้นหรอ ให้ตายเถอะ! ตอนนี้ผมขี้เกรียจเกินไปที่จะมีอารมณ์มานั่งคุยกับผู้หญิงขี้เมาแบบคุณ คุณคิดได้ยังว่าผมถูกสร้างขึ้นมาจากโคลนนิ่งอะไรพวกนั้น ชั่งเถอะ! ผมจะรอให้คุณได้สติก่อนแล้วกันพวกเราค่อยมาคุยกัน… “
ซู่เจินมองไปเธออย่างเย็นชาและยกมืออีกข้างขึ้นมาเล็กน้อย
เปลวเพลิงที่อยู่ในมืออีกข้างของเขารวมกับทะเลเพลิง ก็พุ่งเข้ามารวมกันเป็นวงกลมอยู่ที่มือขวาของเขา เปลวเพลิงค่อย ๆ มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ อากาศโดยรอบถูกเผาไหม้จนหายไปเกือบหมด
มันเป็นพลังที่แข็งแกร่งมาก
เธอรู้สึกได้ว่าถ้าเธอโดนหมัดนี้เข้าไปสนามแม่เหล็กพลังจิตของเธอคงจะพังทลายลงอย่างแน่นอน เธอใช้พลังจิตเกือบทั้งหมดเพื่อเพิ่มพลังให้กับสนามแม่เหล็กพลังจิตของเธอ
“พังไปซะ!”
ซู่เจินตะโกนขึ้นมา เขาเอากำปั้นของเขากระแทกเข้าไปที่ในสนามแม่เหล็กพลังจิตของเธอ
ตูม! ตูม! ตูม!
สนามแม่เหล็กพลังจิตที่มองไม่เห็นแตกละเอียดเหมือนก้อนน้ำแข็ง ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างรุนแรงจากนั้นก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ …
แรงลมที่เกิดจากหมัดเพลิงกระแทกเข้าสนามแม่เหล็กพลังจิตและเมื่อพลังทั้งสองรวมเข้าด้วยกันทำให้เกิดแรงลมขึ้นอย่างรุนแรงจากการประทะกันของพลังทั้งสองอย่าง ทำให้เธอล้มลงกับพื้นและถูกแรงลมพัดกระเด็นไปชนกับกำแพงอย่างรุนแรง ทำให้มุมปากของเธอนั้นมีเลือกไหลออกมา…
“ เอ่อ … ดูเหมือนว่าจะทำเกินไปหน่อย!”
เมื่อเห็นว่าเธอทรุดตัวลงกับพื้นและไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก ความขุ่นเคืองของซูซานและความรู้สึกที่โดนดูถูกก็ค่อย ๆ หายไป ในครั้งหน้าถ้าเขาต้องการแก้ปัญหาอะไรก็ตามเขาต้องพิสูจน์ความแข็งแกร่งให้พวกเขาดูก่อนใช่ไหม?
“ ตอนนี้คุณได้สติขึ้นมาหรือยัง?” เมื่อซู่เจินเดินเข้ามาหาเธอใกล้ ๆ ซู่เจินถามเธอด้วยเสียงทุ้มต่ำ
เธอมองไปที่หน้าของซู่เจินราวกับว่าเธอต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นหัวของเธอก็เอียงลงและหมดสติไป
“ บ้าอะไรอีกเนี้ย เธอเป็นลมงั้นหรอ?”
ซู่เจินถึงกับพูดไม่ออก ในเมื่อเธอเป็นลมไปแล้วจะให้ฉันทำอย่างไรละ? ให้ตายเถอะ! ซู่เจินมองไปที่เธอด้วยความเบื่อหน่ายและค่อย ๆ ก้มตัวลงนั่งยอง ๆ ข้าง ๆ เธอเพื่อตรวจสอบอาการบาจเจ็บของเธอและเขาพบว่า … ถึงแม้เธอจะได้รับบาจเจ็บ แต่มันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ส่วนสาเหตุที่เธอเป็นลมน่าจะเป็นเพราะเธอเมา … ใช่เมา!
สีหน้าของซู่เจินเปลี่ยนเป็นสีดำทมิฬ
“ลืมมันไปซะ ฉันจะรอจนกว่าคุณจะตื่นก็แล้วกัน”
ซูซานอุ้มเธอขึ้นมาและเตรียมไปเปิดห้องในโรงแรมบริเวณใกล้เคียง เพื่อที่เขาจะได้พักผ่อน
“เฮ้พี่ชายผมว่าคุณควรวางเธอลง ไม่งั้น … ผมอาจจะต้องลงมือกับคุณ”
ทันทีที่ซู่เจินอุ้มเธอขึ้นมาและกำลังจะจากไปเขาก็ได้ยินเสียงว่ามีคนกำลังเรียกเขาอยู่…