Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 20
โคลสันหวังว่ามันจะไม่เป็นอย่างที่ซู่เจินได้พูดกับเขา ท้ายที่สุดซู่เจินก็ไม่สามารถกำหนดเป้าหมายเป็นคามิลล่าได้โดยไม่มีเหตุผลมารองรับ และเขากับคามิลล่าก็ไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว …ดังนั้นกาลเวลาอาจจะทำให้เธอเปลี่ยนไปก็ได้
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะโชคดีที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นโชคดีที่ได้เจอซู่เจินและยังโชคดีอีกที่เขามีความสามารถนี้ไม่งั้นเขาไม่อยากคิดผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นเลยไม่ว่าจะเป็นการถูกขโมย วัตถุทดลอง 084 หรือการที่ยานบินของเขาจะเป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่ ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งปวดหัว
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเหตุการณ์นี้ทำให้โควสันรู้ด้วยว่าซู่เจินมีความสามารถในการทำนายอนาคต ความสามารถนี้จะสำคัญมากในอนาคต!
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าคามิลล่าไม่น่าจะทำแบบนั้น แต่เพื่อความปลอดภัยโคลสันใส่ 084 อย่างระมัดระวังและล็อคให้มันแน่นหนาหลังจากนั้นเขาก็ติดต่อไปที่สำนักงานใหญ่และเตรียมที่จะลงจอดในสถานที่ที่ได้นัดกันไว้เพื่อนำ 084 ไปยังที่สำนักงานใหญ่ของ SHIELD
ในความเป็นจริงแล้วคามิลล่าไม่ได้มีความคิดเช่นนั้นจริง ๆ
นับประสาอะไรเพียงแค่ตัวเธอคนเดียวจะให้ไปสู้กับตัวตนอย่างซู่เจินเพียงตามลำพังมันไม่ใช่สิ่งที่เธอสามารถจัดการได้เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งอันทรงพลัง ความทะเยอทะยานของเธอในตอนแรกถึงกับดับเลยในทันที ดังนั้นคามิลล่าจึงรอจนกระทั่งยานบินลำนี้ลงจอด จากนั้นเธอก็เดินไปอำลาโคลสันและเดินจากไป
ตอนนี้ทุกคนโล่งใจได้อย่างหายห่วง เพราะปัญหานี้ได้ถูกแก้อย่างสมบูรณ์แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ทุกคนรู้ว่าซู่เจินได้ใช้ความสามารถในการทำนายอนาคตเพื่อแก้ปัญหาอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ท้ายที่สุดแล้วถึงแม้จะเจอสถานการณ์ที่อันตรายแค่ไหนถ้าพวกเขายังมีซู่เจินอยู่ก็ไม่จำต้องกลัวมันอีกต่อไปในอนาคต!
หลังจากที่พวกเขาจัดงานเลี้ยงฉลองเล็ก ๆ กันเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็เดินทางกลับกันโดยทันที
“สกายคุณอยากออกไปข้างเดินเล่นข้างนอกกับผมสักพักไหมหลังจากที่ยานลงจอด ไปหาข้าวกินด้วยกัน?“
ซู่เจินเดินมาที่ห้องของสกายและถามขึ้นมาโดยตัวยืนพิงประตูอยู่
สกายขอโทษและพูดว่า “ที่รักฉันน่าจะไม่ว่าง … เพราะดูเหมือนว่าฉันจะเจอเบาะแสอะไรบางอย่าง”
“โอเค! งั้นผมจะออกไปซื้อของนะ ถ้าคุณต้องการอะไรก็โทรมาหาผมก็แล้วกัน”
ซู่เจินตอบด้วยรอยยิ้มและบอกกับสกายว่าไม่เป็นไร จากนั้นซู่เจินก็ไปเตรียมตัวที่จะออกไปซื้อของ
แม้ว่ายานบินนี้มันจะดี แต่ก็ต้องแลกกับการที่เราไม่ได้เจอกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ แม้ว่าซู่เจินจะไม่ได้นับถือศาสนาอะไร แต่เขาก็ไม่อยากเป็นคนสันโดษ ที่ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นสักเท่าไหร่
ดังนั้นเขาจะออกไปเดินเล่นและหาบาร์นั่งดื่มชิว ๆ
มันเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมเลยที่เดียว
รัฐนิวยอร์ก,ควีนส์
ซู่เจินที่เดินเล่นอยู่รอบ ๆ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมาดูก็พบว่ามีบาร์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ว่ากันว่า … ผู้หญิงที่นี่สวยเหมือนก้อนเมฆ เมื่อเขาเดินไปตามแผนทีซู่เจินก็พบบาร์แห่งนี้อย่างรวดเร็ว หลังจากที่เขาเข้าด้านในมันเต็มไปด้วยเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่ม มีทั้งผู้ชายและผู้หญิงเต็มไปหมดในบาร์แห่งนี้ เมื่อเขามองไปรอบ ๆ เขาก็พบกับสาวงามคนหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่มีคนอยู่รอบ ๆ เธอเยอะเกินไป ซู่เจินจึงมองหาคนใหม่ และไม่นานเขาก็เจอ
“ โฮ้? เธอสวยมากถ้าจะให้ความสวยของเธอมันคงไม่น้อยกว่า 90 คะแนนแน่นอน ผมสีบลอนด์ยาวเหมือนกับตุ๊กตาเลย ไม่เลว ๆ !” ซู่เจินพบกับสาวสวยคนหนึ่งนั่งอยู่ที่มุมของบาร์ เขาเดินไปนั่งที่ว่างด้านข้างของเธอโดยทันที เมื่อซู่เจินนั่งลงเขาก็ยื่นมือออกมาและชี้ไปที่แก้วของสาวงามผมบลอนด์แล้วก็หันไปบอกบาร์เทนเดอร์“ ไวน์สองแก้วครับของผมกับของเธอ!”
สาวสวยผมบลอนด์เหลือบมองไปที่ซู่เจินและพูดขึ้นมาอย่างชั่วร้าย “ถ้าคุณต้องการคุยกับฉัน คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ เพราะฉันไม่ได้สนใจในตัวคุณสักนิด!”
“การถนอมน้ำใจเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะมีนะ สวัสดีผมชื่อซู่เจิน” ซู่เจินกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่ไม่มีความสะทกสะท้านเลยสักนิด
“ฉันไม่ต้องการที่จะรู้ว่าคุณเป็นใครหรือว่าชื่ออะไร!” สาวงามผมบลอนด์พูดจบเธอก็ฮัมเพลงของเธอไม่สนใจซู่เจินอีกต่อไป
ซู่เจินยักไหล่ “ดูเหมือนว่าคุณจะอารมณ์ไม่ดี ถึงแม้จะชวนคุณคุยไม่สำเร็จ แต่ผมหวังว่าคุณจะไว้หน้าผมหน่อยนะ”
บาร์เทนเดอร์วางแก้วไวน์ลง ซู่เจินหยิบแก้วไวน์อีกอันหนึ่งยื่นไปให้สาวผมบลอนด์
สาวผมบลอนด์หยิบแก้วขึ้นมาดื่มจนหมดแก้วและก็ลุกขึ้นเดินจากไป
“ ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะกินแห้ว!”
ซู่เจินยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ถึงยังไงเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย เขานั่งดื่มไวน์อยู่คนเดียวค่อย ๆ ซึมซับบรรยากาศในบาร์และมองดูสาวสวยที่เต้นอยู่เป็นครั้งคราว มันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย หลังจากดื่มไปประมาณสี่หรือห้าแก้วซู่เจินก็กำลังเตรียมตัวที่จะกลับ
ความสามารถในการดื่มของซู่เจินไม่ค่อยดีนักและที่เขามาที่นี่ก็เพื่อพักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศที่นี่ ไม่ใช่มาเพื่อเมา
ซู่เจินที่กำลังจะออกไปหาโรงแรมเพื่อพักผ่อน แม้ว่าห้องบนยานบินจะดี แต่มันก็ไม่ได้สะดวกสบายมากเท่ากับในโรงแรม! หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าวซู่เจินก็พบว่าสาวสวยผมบลอนด์กำลังเดินช้าๆไปยังตรอกแห่งหนึ่งโดยที่มีคนเดินตามเธออยู่ข้างหลังของเธอ!
หรือว่าเขาจะต้องเป็นฮีโร่เพื่อช่วยสาวงาม?
ซู่เจินพึมพัมและเดินตามเธอไป
ถึงแม้ตอนนั้นเธอจะปฏิเสธเขา แต่เขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อคนที่ต้องการความช่วยเหลือได้ นับประสาอะไรกับความงามเช่นนั้นมันคงหน้าเสียดายที่ถูกใครบางคนข่มขี่ข่มเหงเธอได้ หรือว่าฉันดื่มมากเกินไปใช่มั้ย?
“ฟูม!”
ในขณะที่ซู่เจินกำลังจะเดินเข้าไปช่วยเธอ เขาก็เห็นสาวสวยผมบลอนด์หันกลับมาและผลักมือของเธอไปข้างหน้าทันใดนั้นดูเหมือนว่าจะมีพลังงานบางอย่างพุ่งออกมา พุ่งเข้าใส่คนตรงหน้าเขา ทำให้เขากระเด็นถอยหลังไปสองสามก้าว!
“ นี่มันสถานการณ์บ้าอะไรกันวะเนี้ย?”
ซู่เจินยังคงเตรียมพร้อมตลอดเวลาเพื่อเป็นฮีโร่ช่วยสาวงาม ถึงจะรู้ว่าเธอไม่ต้องการมันก็เถอะ
“ เมื่อกี้พลังจิตงั้นหรอ?”
ซู่เจินสงสัยเล็กน้อยเพราะเขามองไม่เห็นพลัง เขาสัมผัสได้เพียงคลื่นพลังงานเท่านั้น
มันมีไม่กี่คนในโลกมาร์เวลที่สามารถโจมตีแบบนี้ได้ และดูเหมือนว่าจะมีคนไม่มากนักที่มีผมสีบลอนด์ยาวสวยงามเช่นคนนี้ สิ่งแรกเลยที่ซู่เจินนึกถึงก็คือ แม่สาวล่องหนใน แฟนแทสติก โฟร์ [ Fantastic Four ] แต่ … ดูเหมือนว่ารูปร่างหน้าตาจะไม่ค่อยเหมือนนะ
ไม่สิมันไม่ถูกต้อง……
แต่ถ้ามองดูใกล้ ๆ ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเธอจริง ๆ
เพียงแค่เธอไม่ได้สวมเครื่องแบบของ แฟนแทสติก โฟร์ และทรงผมของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำให้เขาจำมันไม่ได้และที่บาร์ก็มืดซะด้วยเลยทำให้เขาจำไม่ได้!
“นี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญไปหน่อยเหรอ ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือย่านควีนส์ของนิวยอร์ก ซึ่งน่าจะอยู่ในช่วงเนื้อเรื่องของเจ้าแมงมุมตัวน้อย และทำไมฉันถึงได้ไม่เจอกับสไปเดอร์แมนแทนละ แต่เป็นว่าได้พบกับเธอแทน?” ซู่เจินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าเธอจะดื่มมากเกินไปหน่อย ฉันควรปล่อยเธอไว้แบบนี้ดีไหม?
“เฮ้! คุณซู่เจิน”
ซู่เจินได้ยินเสียงตะโกน
ซู่เจินหันไปมองที่เธอ “นี่คุณเป็นผู้ชายที่อยู่ในบาร์เมื่อกี้นิ คุณอยู่กลุ่มเดียวกันกับพวกหุ่นเชิดพวกนี้ใช่ไหม?”
“หุ่นเชิดอะไร ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลยสักนิด!” ซู่เจินพูดอย่างหดหู่ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจในคำอธิบายของเขาและโจมตีมาที่ซู่เจินทันที…