Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 19
ซู่เจินยืนอยู่บนบันไดทางเข้าของพีระมิดหยิบไฟแช็คออกมาเขาจุดไฟขึ้น … ซู่เจินก็ขยับนิ้ว เปลวเพลิงก็พุ่งขึ้นมาแล้วแยกตัวออกมาเป็นสองส่วนและบินหายไป .
“อ๊ากก……”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น มีทหารสองคนที่นอนกรีดร้องอยู่บนพื้น และจู่ ๆ ก็มีทหารจำนวนมากก็โผล่ออกมาจากบริเวณโดยรอบ พวกเขาทั้งหมดหันกระบอกปืนชี้ไปทางซู่เจิน
ในตอนนี้เหมยได้กลับมาเรียบร้อยหลังจากเอารถไปจอดแล้ว เธอควักปืนออกมาแล้วชี้ไปทางพวกทหาร
“ ที่จริงคุณอยู่เฉย ๆ ก็ได้นะ” ซู่เจินยิ้มให้กับเหมย ภายใต้การจ้องมองที่งุนงงของเหมย ซู่เจินก็เดินออกไปช้าๆ
“อย่าขยับ! ไม่งั้นยิง”
อีกฝ่ายตะโกนอย่างเสียงดัง แต่ซู่เจินแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน เปลวเพลิงค่อย ๆ ปรากฏตัวรอบ ๆ ตัวของซู่เจิน ซู่เจินบังคับให้เปลวเพลิงบินออกไปอย่างรวดเร็วในระหว่างที่เขาเดิน เปลวเพลิงโจมตีคนเหล่านั้นอย่างแม่นยำอย่างกับมีระบบติดตาม ไม่มีใครสามารถหนีรอดไปได้ ไม่จบเพียงแค่นั้นซู่เจินควบคุมเปลวเพลิงของเขาไปทำลายรถของพวกทหารเหล่านั้นต่อ
ตูม! ตูม! ตูม!
เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่ว เมื่อซู่เจินหยุดเดินคนที่อยู่รอบ ๆ ค่อย ๆ ล้มลงกับพื้นที่ละคนสองคน
ซู่เจินหันมายิ้มให้เหมยที่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าเหตุผลที่โคลสันขอให้ซู่เจินมาเข้าร่วมภารกิจที่อันตรายครั้งนี้ด้วยเพราะเหตุใด เพราะเวลาพวกเขาอยู่กับซู่เจิน ซู่เจินสามารถรับรองความปลอดภัยให้พวกเขาได้
“เกิดอะไรขึ้น?”
โควสันเดินออกมาจากด้านใน เมื่อเขาเดินมาถึงเขาถึงกับตกใจเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา โควสันเดินมาหาซู่เจินและมองไปรอบ ๆ แล้วสะดุดกับสิ่งหนึ่งมันมีผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ และเขาคุ้นเคยเหมือนเห็นเธอที่ไหนมาก่อน
“ คามิลล่า?”
โควสันเดินผ่านซู่เจินไป และเดินไปดูอย่างรวดเร็วด้วยความประหลาดใจ “นี่คือผู้บัญชาการของเปรูเพื่อนของฉัน!”
“ผมกลัวว่ามันอาจไม่ใช่อย่างที่คิด?” ซู่เจินพูดด้วยรอยยิ้ม “และยิ่งไปกว่านั้นเพื่อนของคุณดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่!”
โคลสันยักไหล่ไม่นานคามิลล่าก็ได้สติ โควสันมองไปที่คามิลล่าอย่างลึกซึ้ง อย่างไรก็ตามในตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่นึกถึงเรื่องราวในอดีต ซูชานรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยแล้วก็พูดขึ้นมาว่า “พวกคุณทั้งสองคนตอนนี้ไม่ใช่เวลามาระลึกความหลังนะ คุณควรพาเพื่อนของคุฯและคนของเธอไปออกไป “
“ทำไม?”
โควสันถามออกมาอย่างมึนงง
“ พาเธอไปรักษา … และผมว่าเธอในตอนนี้คงอารมณ์เสียอยู่มิใช่น้อย!”
ซู่เจินพูดขึ้นมาพร้อมกับหยักไหล่
โควสันถึงกับมองบน นี่มันคือเหตุผลบ้าบออะไร?
“ลืมมันไปซะ! แล้วก็อย่ามาถามหาความรับผิดชอบจากผมจาการสูญเสียที่เกิดขึ้น” ซู่เจินยักไหล่และหันกลับมาแล้วปรบมือ “เอาล่ะทุกคนรีบไปกันดีกว่า เพราะผมคิดว่าผมอาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นกับผมในไม่ช้า “
ด้วยคำพูดนั้นซู่เจิน ฟิทซ์รีบประจุของลงในกล่อง จากนั้นก็เอามาสะพายไว้บนไหล่ของเขา และพูดกระตุ้นให้คนโดยรอบเดินจากไป
“เหมยไปเตรียมรถให้พร้อม เรากำลังจะไปกันแล้ว” ซู่เจินพูดกับเหม่ย
เหมยลังเลเพราะว่าโควสันยังไม่ได้เป็นคนออกคำสั่งกับเธอ แต่น้ำเสียงของซู่เจินที่พูดขึ้นมามันจริงจังมาก ทำให้เหมยรู้สึกถึงความน่าเกรงขาม เมื่อเหมยได้สติเธอก็เดินจากไปเพื่อไปเตรียมรถ!
ถึงยังไงของก็อยู่ในมือของพวกเขาแล้ว พวกเขาจะต้องรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
เมื่อเหมยขับรถมาถึงสกาย เจมมา และคนอื่น ๆ ก็ทยอยกันเดินขึ้นรถที่ละคน ซู่เจินเหลือบมองไปที่โคลสันที่ยังยืนคุยอยู่
ซู่เจินตะโกนขึ้นมา “เฮ้!ไปกันได้แล้ว”
ขณะที่โคลสันกำลังจะพูด ก็มีกระสุนปืนยิงมาทางโควสัน และกลุ่มกบฏก็ปรากฎตัวออกมาจากบริเวณโดยรอบมากมาย
“ ผมรู้ว่ามันจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น”
ซู่เจินอดส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาวิ่งไปหาโคลสันอย่างรวดเร็วและลากเขาไปที่รถ แต่มีที่ว่างสำหรับคนแค่คนเดียว “พวกคุณไปรอผมที่ยานก่อนเลย เดี๋ยวผมตามไป!”
“ ซู่เจิน … ”
“ไม่ต้องห่วงที่รัก ผมไม่เป็นอะไรแน่นอน”
“ได้โปรดช่วยเธอด้วย เธอกำลังตกอยู่ในอันตราย!” โคลสันตะโกนบอกซู่เจิน
ซู่เจินนส่ายหัว “เอาล่ะ คุณอย่ามาเสียใจในภายหลังละกัน!”
โควสันพูดจบก็ปิดประตูทันที เหมยเมื่อเช่นนั้นก็สตาร์ทรถและออกไปอย่างรวดเร็ว
ซู่เจินเดินเข้าไปหาคามิลล่าที่กำลังพยายามยิงปืนสวนกับไป ในขณะที่เธอหลบอยู่ในที่ซ่อน
“เฮ้! ผมรู้นะว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผมแนะนำให้คุณเลิกคิดมันไปซะจะดีกว่า”
ซู่เจินกล่าวจบเขาก็ควบคุมเปลวเพลิงให้มาอยู่จุด ๆ เดียวกัน
ทำให้เกิดเปลวเพลิงอันร้อนแรงขนาดใหญ่ เขาบังคับให้มันกลายเป็นรูปร่างคล้ายกับมังกรเพลิง พร้อมกับบังคับให้มันบินไปยังกลุ่มของพวกกบฏ ทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ค่อย ๆ ตายไปที่ละคน
“ความสามารถนี้ดีจริงๆ!”
ซู่เจินพยักหน้าด้วยความพอใจ
คามิลล่ามองไปที่ซู่เจินราวกับตัวประหลาด “คุณ … คุณทำแบบนั้นได้ยังไง คุณเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ใช่หรือไม่?”
“ผมไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์ และอย่าคิดว่าต้องเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ทำนั้นที่จะสามารถมีพลังแบบนี้ได้!” ซู่เจินพูดโดยไม่สนใจอะไรมาก จากนั้นซู่เจินก็อุ้มตัวคามิลล่าขึ้นมา
“ คุณจะทำอะไรฉัน?” คามิลล่าพูดอย่างตื่นตระหนก
“พาคุณออกไปจากที่นี่ ยานบินจอดห่างไกลจากที่นี่ไม่มากนัก!”
หลังจากที่ซู่เจินพูดจบเปลวเพลิงที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาก็พุ่งเข้ามารวมกันที่ฝ่าเท้าของเขา
“ ว๊ายย … ”
คามิลล่าตะโกนด้วยความตกใจ คลื่นความร้อนทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะสุก เปลวไฟที่อยู่ใต้เท้าของซู่เจินบินออกไปอย่างรวดเร็วและนั่นก็ทำเธอตกใจอีกครั้งหนึ่ง
ความรู้สึกในตอนนี้เหมือนกับอยู่ในเปลวเพลิงมี่ร้อนระอุ เมื่อพวกเขาบินผ่านไป ใบไม้ที่อยู่โดยรอบค่อย ๆ โดนเผาไหม้ที่ละใบ ไม่นานนักซู่เจินก็มองเห็นยานบินและสีหน้าประหลาดใจของสกายและคนอื่น ๆ !
บางทีพวกเขาอาจจะไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะกลับมาด้วยวิธีนี้!
เมื่อเห็นการแสดงออกที่ตกตะลึงของพวกเขา ซู่เจินก็รู้สึกพึงพอใจมาก สำหรับเขาสิ่งนี้มันสะดวกสบายมาก และรวดเร็วเป็นอย่างมาก ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือเขาไม่สามารถสร้างเปลวเพลิงได้ทำให้เขาไม่สามารถพยุงเพลิงพวกนี้ได้นานนัก ทำให้สามารถใช้ได้กับการเดินทางที่ไม่ไกลจนเกินไปและไม่สูงจนเกินไป
“ถึงแล้ว คุณลงเดินได้แล้วล่ะ!”
หลังจากลงจอดเปลวเพลิงก็ค่อย ๆ หายไป ซู่เจินเดินเข้ามาพวกเขาแบบสบาย ๆ
“พวกคุณปลอดภัยใช่ไหม?”
โคลสันถามคามิลล่าและมองไปที่ท่าทางคามิลล่าที่แสดงออกอย่างเขินอาย
คามิลล่าที่ยังไม่ได้สติเธอส่ายหัวอย่างงง ๆ
ยานบินค่อย ๆ บินออกไปอย่างช้า ๆ ซู่เจินที่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาจากห้อง
แต่สิ่งที่เจอก็คือโคลสันที่ยืนรอเขาอยู่หน้าประตูห้องของเขา
“ มีอะไรงั้นหรอ?”
“ คุณเคยเตือนฉันว่าอย่าเสียใจถ้าฉันยังยุ่งเกี่ยวกับคามิลล่าอยู่ อีกทั้งทัศนคติของคุณที่แสดงออกกับคามิลล่าแบบนั้น … คุณคงจะมีเหตุผลใช่ไหม?” โคลสันถาม
ซู่เจินส่ายหัว “มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปแล้ว”
“แต่มันสำคัญสำหรับฉัน!” โคลสันถามคนขึ้นมาอย่างไม่ยอมแพ้
“ถ้าอย่างนั้นผมจะบอกคุณว่าผมนั้นมีความสามารถในการทำนายอนาคต แต่มันก็ไม่ได้แม่นยำขนาดนั้น ผมรู้ว่าเธอและพวกกบฏจะปรากฏตัวและผมยังรู้อีกว่าคุณจะพาเธอขึ้นยานบินลำนี้ หลังจากนั้นเธอก็จะถูกควบคุมความคิดจาก 084 แม้ว่าเธอจะได้รับการรักษาอย่างปลอดภัยในภายหลัง แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นยานบินลำนี้ก็จะถูกระเบิดกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ถึงคุณจะได้รับการฝึกฝนโดยตรงจาก นิค ฟิวรี! อย่างไรก็ตามตอนนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะในตอนนี้เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ได้เห็นความสามารถของผม ดังนั้นถ้าหากเธอยังมีความคิดที่จะกล้าลองดีแบบนั้น นั่นเท่ากับว่าเธอกำลังแส่หาความตาย! “
“ที่จริงแล้วความรู้สึกของคนที่รู้เหตุการณ์ก่อนล่วงหน้าโดยคนอื่นไม่สามารถรับรู้ได้ มันก็ไม่ค่อยดีจริง ๆ นั่นแหละ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขากลัวว่าสกายจะกังวลและตกใจกลัว ถึงแม้ว่าผมก็อยากจะช่วยเธออยู่หรอกนะ! แต่การทำความดีและไม่หวังผลตอบแทนมันไม่ใช่สไตล์ของผมจริงๆ!”
ซู่เจินพูดจบก็ทำหน้ามุ่ยและหันหลังเดินจากไป