Martial God Space - ตอนที่ 267
Martial god space ตอนที่ 267 ฉู จิ้งฉาย
(NT: สำหรับคนที่จำไม่ได้ ฉู จิ้งฉาย เป็นหนึ่งในห้าศิษย์แท้จริงของสำนักยี่หยวน และยังเป็นศิษย์อาวุโสที่สุดในหมู่พวกเขาด้วย)
สำนักยี่หยวนอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลตะวันออกของจีนไม่ไกล ทั้ง ฮัว หมิงฮัน และ เย่ ซีหวิน สามารถใช้ความเร็วได้อย่างไม่น่าเชื่อในการเดินทางมาถึงสำนักยี่หยวน โดยใช้เวลาน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเวลาที่พวกเขาเดินทางไปยังเกาะปีศาจ คราวนี้พวกเขาใช้เวลาไม่ถึงครึ่งในการเดินทางออกจากทะเลจีนตะวันออกไปยังสำนักยี่หยวน เมื่อครั้งเจอ ฮัว หมิงฮัน ครั้งแรกเธอพึ่งจะเข้าสู่ขั้นที่ 2 ของขอบเขตลมปราณมหาเทพ และตอนนี้เธออยู่ในขั้นที่ 9 ลมปราณมหาเทพ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอได้รับมรดกที่ล้ำค่าจากเกาะปีศาจ
เย่ ซีหวิน สามารถยกระดับการเพาะบ่มของเขาจากลมปราณมหาเทพขั้นที่ 4 และสามารถทะลวงขอบเขตไปถึงลมปราณมหาเทพขั้นที่ 7 แม้ว่าความสามารถในการต่อสู้ของเขาในตอนนี้เทียบได้กับระดับสุดยอดของลมปราณมหาเทพขั้นที่ 9 อาจกล่าวได้ว่าทั้งสองคนได้รับประโยชน์มหาศาลจากเกาะปีศาจ และมีความเร็วสูงกว่าก่อนหน้านี้
ฮัว หมิงฮัน มาพร้อมกับสุนัขจิ้งจอกสีขาวตัวเล็กที่เคลื่อนไหวอยู่บนสายรุ้งอันงดงาม และบางครั้งมันก็ส่งเสียงคำรามเล็กๆ ออกมา ลูกหมาป่าอยู่ด้านข้างของ เย่ ซีหวิน และตอนนี้มันก็ดูดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ ในตอนแรก เย่ ซีหวิน อยากรู้ความลับของเกาะปีศาจ แต่หลังจากได้เห็นการต่อสู้บนเทือกเขาอันชั่วร้าย และการปรากฏตัวที่ไม่คาดฝันของจักรพรรดิปีศาจ เย่ ซีหวิน จึงตัดสินใจที่จะหยุดไล่ตามความลับนี้ เขาไม่ต้องการรู้เกี่ยวกับความลับของเกาะปีศาจอีกต่อไป บางทีการที่ไม่รู้เรื่องนี้อาจจะเป็นการดีกว่า
ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่ เย่ ซีหวิน จะรั้งลูกหมาป่าถูกเอาไว้ เขาจึงบอกลูกหมาป่าว่ามันได้เป็นอิสระแล้ว และสามารถไปตามเส้นทางที่มันต้องการ แต่คำตอบที่ได้รับเกินความคาดหมายของ เย่ ซีหวิน ลูกหมาป่าเลือกที่จะอยู่กับเขา และบอกว่าเขาไม่ต้องการอยู่บนเกาะปีศาจ
ทั้งหมดเดินทางด้วยความเร็ว จนในที่สุดก็มาถึงทางเข้าสำนักยี่หยวน
ขณะที่พวกเขาบินมาถึง มีสาวกสิบกว่าคนออกมาจากประตูของสำนักยี่หยวน สาวกเหล่านี้เป็นหน่วยลาดตระเวนของสำนักยี่หยวน
พวกเขาทั้งหมดเป็นศิษย์หลัก โดยแต่ละคนมีระดับการเพาะบ่มในขั้นที่ 6 ของขอบเขตลมปราณเทวะ และสูงกว่า พวกเขากำลังขี่นกกระเรียน เพื่อบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
( NT : เนื่องจากสาวกเหล่านี้อยู่ในขอบเขตลมปราณเทวะ เพราะหลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตลมปราณมหาเทพ พวกเขากลายเป็นศิษย์เอก เพราะสาวกในระดับลมปราณเทวะไม่สามารถบินได้ พวกเขากำลังขี่นกกระเรียน เย่ ซีหวิน เคยขี่นกกระเรียน เมื่อครั้งที่เขาอยู่ในขอบเขตลมปราณเทวะ )
นับตั้งแต่การรุกรานของลัทธิมาร สาวกที่เป็นศิษย์หลักจะต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวน
” หยุด! ” ในเวลานี้สาวกศิษย์หลักคนหนึ่ง กล่าวด้วยเสียงอันดัง และขวางเส้นทางของ เย่ ซีหวิน และ ฮัว หมิงฮัน
” เจ้าต้องการอะไร? ” เย่ ซีหวิน ขมวดคิ้ว และถามด้วยน้ำเสียงดุดัน ศิษย์เอกจะได้รับสถานะพิเศษในสำนักยี่หยวน ไม่ด้อยไปกว่าตำแหน่งผู้อาวุโส โดยเฉพาะ เย่ ซีหวิน เป็นศิษย์แท้จริงคนที่ห้าแล้ว ศิษย์หลักเหล่านี้กล้าที่จะหยุดพวกเขา?
แม้ว่าศิษย์หลักเหล่านี้ไม่รู้จักพวกเขา แต่อย่างน้อยก็น่าจะเดาออกว่า เย่ ซีหวิน และ ฮัว หมิงฮัน เป็นศิษย์เอกของสำนักยี่หยวน เนื่องจากพวกเขาสามารถบินอยู่บนท้องฟ้า และสวมชุดที่สัญลักษณ์ของนิกายเช่นกัน แล้วทำไมพวกเขากล้าที่จะขวางเส้นทางของพวกเขาเช่นนี้?
( NT : ศิษย์หลัก < ศิษย์เมล็ดพันธุ์ < ศิษย์เมล็ดพันธุ์ชั้นใน < ศิษย์เมล็ดพันธุ์หลัก < ศิษย์เอก < ศิษย์ปัจฉิม < ศิษย์แท้จริง )
ฮัว หมิงฮัน ไม่ได้พูดอะไร แต่ เย่ ซีหวิน ก้าวไปข้างหน้าเพื่อจัดการกับพวกเขา
” เย่ ซีหวิน พวกเขาเป็นสาวกของสำนักยี่หยวนเจ้าเหรอ? พวกเขาช่างน่าสมเพชจริงๆ! ลูกสัตว์ปีศาจแรกเกิดบนเกาะของข้ายังดีกว่า สาวกเหล่านี้ ” ลูกหมาป่า กล่าว และเตรียมพร้อมที่จะโจมตีสาวกเหล่านั้น แต่ เย่ ซีหวิน สะบัดมือออกไปขวางหน้าของมัน เพื่อห้ามมันเอาไว้
” เจ้ารู้หรือไม่ว่า ผลที่จะตามมาของการขัดขวางศิษย์เอก? ” เย่ ซีหวิน ถามอย่างเย็นชา
” ศิษย์พี่ เย่, ศิษย์พี่ ฮัว! ” ในขณะนั้นหัวหน้าของศิษย์หลักจำพวกเขาได้ แต่ยังไม่ยอมหลีกทางให้กับพวกเขา ” แต่ข้าต้องแจ้งให้ศิษย์พี่ทราบว่า กฎรักษาความปลอดภัยได้มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากการรุกรานของ ลัทธิมาร กำลังเริ่มรุนแรงมากขึ้น ศิษย์พี่ ฉู ได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบทุกคนที่มาจากภายนอกเพื่อป้องกันสายลับ “
” สิ่งที่เจ้าพยายามจะบอกหมายความว่า ข้าอาจนำสายลับ กลับมาด้วย ข้าจะต้องให้เจ้าทำการตรวจสอบ? ” ผิวของ เย่ ซีหวิน เปลี่ยนเป็นสีเข้ม แววตาของเขาเผยให้เห็นถึงความโกรธ ดังนั้นภายใต้กฎนี้แม้แต่ศิษย์เอกก็ไม่มีสิทธิ์ผ่านประตูทางเข้าโดยไม่ได้รับการตรวจสอบจากพวกเขา แต่กฎข้อนี้ไม่ควรนำมาใช้กับศิษย์แท้จริง เนื่องจากตัว ฉู จิ้งฉาย เองเป็นศิษย์แท้จริง และเขาก็ไม่มีอำนาจเพียงพอในการตรวจสอบศิษย์แท้จริงคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม มันไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน และมันน่าแปลกที่กลุ่มของศิษย์หลัก กล้าตั้งคำถามกับศิษย์เอกสองคน โดยไม่ต้องพูดถึง เย่ ซีหวิน เองก็เป็นศิษย์แท้จริงด้วย ฉู จิ้งฉาย ตั้งตัวเป็นใหญ่ในนิกาย แต่สิ่งนี้ไม่สามารถยอมรับได้ เป็นไปได้ไหมว่าแผนการของเขาคือการคุกคามศิษย์เอก?
” พวกเราไม่ได้กล่าวเช่นนั้น แต่ ศิษย์พี่ ฉู เป็นผู้ตั้งกฏขึ้นมา และพวกเราต้องปฏิบัติตาม ” หัวหน้าศิษย์หลัก กล่าว
” หลีกไป! ” เย่ ซีหวิน รู้สึกอึดอัดกับคำพูดที่ไร้สาระของพวกเขา การตรวจสอบเขาก็ไม่ต่างจากการเหมารวมว่าตัวเขา เป็นหนึ่งในกลุ่มของคนทรยศ มันทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง และศักดิ์ศรีของเขาในฐานะศิษย์แท้จริง? และเขาจะถูกตรวจสอบโดยสาวกระดับศิษย์หลัก? เรื่องที่เขาสงสัยไม่มีเพียงเท่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการถูกตรวจสอบโดยสาวกรุ่นเยาว์ แต่ก็ยังเกี่ยวข้องกับอำนาจของ ฉู จิ้งฉาย และ เย่ ซีหวิน ไม่ใช่คนที่จะยอมให้คนอื่นมาข่มเหงได้
” ศิษย์พี่ เย่, ศิษย์พี่ ฮัว ท่านอาจจะไม่ทราบว่าเมื่อสามเดือนก่อน ศิษย์พี่ ฉู ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตระดับตำนาน และตอนนี้กำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้นำรุ่นต่อไป แม้ว่าจะยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ยุคสมัยของห้าศิษย์แท้จริงได้ผ่านไปแล้ว! ” สาวกคนหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง
” ศิษย์พี่ เย่ มันจะเป็นการดี ท่านควรจะเชื่อฟังและให้ตรวจสอบเหมือนคนอื่นๆ ถ้า ศิษย์พี่ ฉู รู้เรื่องนี้เข้ามันอาจจบไม่สวยสำหรับท่าน ” สาวกคนหนึ่งกล่าวเย้ยหยัน เย่ ซีหวิน และมันดูเหมือนว่าเขาเป็นคนของฝ่าย ฉู จิ้งฉาย และนั่นคือเหตุผลว่า ทำไมมันถึงกล้าพูดจาสามหาวต่อหน้า เย่ ซีหวิน
” แม้ว่า ฉู จิ้งฉาย ได้เข้าสู่ขอบเขตระดับตำนาน นั้นไม่ได้หมายความว่าเจ้า และหัวหน้าของเจ้าจะสามารถพูดจาดูหมิ่นข้าได้! ” เย่ ซีหวิน ตะโกน ” จงจำเอาไว้ว่า ศิษย์พี่ ฉู ของเจ้าไม่สามารถช่วยเจ้าให้รอดพ้นจากความโกรธของข้า เจ้ากล้าพูดจาดูหมิ่นผู้อาวุโสของเจ้า และตามกฎของสำนักยี่หยวน เจ้าจะต้องถูกลงโทษ “
เย่ ซีหวิน ตบสาวกคนนั้นไปทางขวา และส่งมันปลิวออกไป ร่างของมันหายไปในเส้นขอบฟ้า และยากที่จะคาดเดาว่ามันปลิวไปได้ไกลแค่ไหน ร่างของมันบินปลิวไปอย่างนั้น ก่อนที่จะตกลงบนพื้น
ท่าทางของ เย่ ซีหวิน ดูสงบนิ่งมาก ในความคิดของเขาตอนนี้ ฉู จิ้งฉาย ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตระดับตำนานแล้ว สิทธิพิเศษของศิษย์แท้จริงคนอื่นๆ ไม่สามารถใช้ในสำนักยี่หยวนได้อย่างนั้นเหรอ?
” เย่ ซีหวิน เจ้ากล้าลงมือกับพวกเราได้อย่างไร? เจ้าคิดว่าจะอธิบายต่อหน้า ศิษย์พี่ ฉู ได้เหรอ? ” สาวกคนหนึ่งโกรธ และตะโกนเสียงดัง แน่นอนว่าเขารู้สึกหวาดกลัว และไม่คาดว่าจะได้เห็น เย่ ซีหวิน จะโต้ตอบเช่นนี้
ศิษย์เอกคนอื่นๆ ยอมจำนนต่อความแข็งแกร่งของ ฉู จิ้งฉาย แล้ว เพราะตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะกลายเป็นผู้นำของสำนักยี่หยวนคนต่อไป ไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายตรงข้ามของเขา และศิษย์แท้จริงคนอื่นๆ จะต้องสูญเสียสิทธิพิเศษของพวกเขาไปด้วยเหตุนี้พวกเขายอมกลับไปใช้สถานะเดิมของศิษย์เอก
“ฮึ! ข้าไม่จำเป็นต้องให้คำอธิบายแก่เขา และข้าไม่สนใจว่าเขาจะคิดยังไงกับข้า ” เย่ ซีหวิน กล่าวอย่างเย็นชา ในตอนนี้เขาไม่กลัว ฉู จิ้งฉาย
” เย่ ซีหวิน การกระทำของเจ้า เจ้าอยากถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศอย่างนั้นเหรอ? ” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากระยะไกล และผู้อาวุโสจิ้น ซวน ก็มาถึงที่เกิดเหตุ
” ออ เป็นเจ้านั้นเอง ” เย่ ซีหวิน มองด้วยสายตาเย็นชาไปที่ ผู้อาวุโสจิ้น ซวน โดยไม่แสดงความเคารพใด ๆ
ถ้า ฉู จิ้งฉาย ตั้งกฎขึ้นมาเช่นนี้แล้ว มีผลบังคับใช้กับผู้อาวุโสด้วยอย่างนั้นเหรอ?
ศิษย์เอกได้รับสิทธิพิเศษมากมายในสำนักยี่หยวน และมีอำนาจมากกว่าผู้อาวุโส นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม ลั่ว ยี่ฟาน จึงกล้าอาละวาดโดยอาศัยสถานะศิษย์เอกของเขา
ศิษย์เอก มีสถานะสูงกว่าศิษย์หลัก ไม่ว่าจะเป็นด้านความแข็งแกร่งและอิทธิพล นอกจากนี้พวกเขามีอำนาจเพียงพอที่จะลงโทษศิษย์หลัก หากถือว่าได้กระทำความผิด
อย่าลืมว่า เย่ ซีหวิน เป็นศิษย์แท้จริง และแน่นอนเขาไม่ยอมยืนให้สาวกรุ่นเยาว์มาดูหมิ่นเขาได้ แต่ เย่ ซีหวิน เข้าใจได้ในทันทีว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของ จิ้น ซวน ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ จิ้น ซวน ชักชวนให้เหล่าสาวกที่เป็นศิษย์หลักมายั่วยุ เย่ ซีหวิน และเลือกเวลาที่เหมาะสมรอให้เขาปรากฏตัวและกล่าวโทษเขา เย่ ซีหวิน สังเกตเห็นระดับการเพาะบ่มของ จิ้น ซวน ตอนนี้อยู่ในขั้นที่ 8 ของลมปราณมหาเทพ แน่นอนว่า จิ้น ซวน นั้นหมดโอกาสไปแล้ว เพราะเขาล้มเหลวในการทะลวงขอบเขตเพื่อเพิ่มอายุขัย ดังนั้นมันจึงจะเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถทะลวงขอบเขตได้อีกครั้ง ดังนั้นหากเขามีโอกาสที่จะทะลวงขอบเขตได้อีกครั้ง เขาจะรีบคว้ามันเอาไว้
เย่ ซีหวิน ไม่รู้ว่าเขาทำมันได้อย่างไร แต่มันต้องเกี่ยวข้องกับ ฉู จิ้งฉาย อย่างแน่นอน
” เย่ ซีหวิน เจ้ากำลังพยายามก่อกบฏทันทีหลังจากกลับมาที่นิกายอย่างนั้นเหรอ?” จิ้น ซวน มองด้วยสายตาอันเหี้ยมโหดมาที่ เย่ ซีหวิน และสามารถเห็นไฟแห่งความโกรธกระพริบในดวงตาของเขา เย่ ซีหวิน ทำให้เขาเสียหน้าต่อหน้าทุกคน เขาถูกโยนเข้าไปทำงานในเหมือง และไม่อาจกลับมาที่นิกายได้อีกตลอดชีวิต ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าเด็กโอหังคนหนึ่งที่ชื่อ เย่ ซีหวิน
เขาไม่เคยคิดว่าสักวันหนึ่งเขาจะมีโอกาสกลับมาที่สำนักยี่หยวน และได้ยืนอยู่ต่อหน้า เย่ ซีหวิน อีกครั้ง
“เจ้าพูดว่า กบฏ เหรอ? คนเหล่านี้ไม่เคารพและยังดูหมิ่นผู้อาวุโสของพวกเขา พวกมันยังโชคดีที่ข้าไม่ฆ่าพวกเขา ” เย่ ซีหวิน กล่าวอย่างใจเย็น ด้วยน้ำเสียงอันน่ากลัว
” ไร้สาระ พวกเขาแค่ทำตามคำสั่งจากเบื้องบน แต่ข้าเห็นว่าเจ้ากำลังทำตัวน่าสงสัย และเจ้าก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยสำคัญในการเป็นสายลับ ” จิ้น ซวน กล่าว และยิ้มกว้าง
” คนโง่เขลาอย่างเจ้าน่ะเหรอจะลงโทษข้า ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ” เย่ ซีหวิน กล่าว และยิ้มตอบสนอง
” ข้าเห็นด้วย แต่ก่อนอื่นข้าจะต้องจับตัวเจ้า จากนั้นค่อยพาเจ้าไปส่งให้สภาผู้อาวุโส ” จิ้น ซวน หัวเราะเยาะ และรีบวิ่งตรงไปข้างหน้า พลังอันยิ่งใหญ่ของลมปราณมหาเทพขั้นที่ 8 ภายในร่างกายของเขาก็ถูกปลดปล่อยออกมา
เขาพุ่งตรงเข้ามาหา เย่ ซีหวิน ด้วยความรวดเร็วราวกับพายุอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เนื่องจากเขาเคยพ่ายแพ้มาก่อนเขารู้ดีว่า เย่ ซีหวิน นั้นแข็งแกร่งมาก ดังนั้น จิ้น ซวน จึงไม่กล้าที่จะประมาทเขา
” บัดซับ ไอ้สารเลว!” เย่ ซีหวิน โกรธมาก พร้อมจิตสังหารอันรุนแรงที่เดือดพล่านในใจ ร่างกายของเขาได้ปล่อยปราณหยวนออกมา
สาวกจะทำร้ายผู้อาวุโสอย่างนั้นเหรอ? บทลงโทษของเจ้า คือการประหารชีวิต! ” จิ้น ซวน กล่าวด้วยน้ำเสียงอันรุนแรง และคลื่น ปราณหยวนก็พุ่งออกมาจากร่างของเขา และเริ่มโคจรรอบตัวเขา
ปราณหยวนของ เย่ ซีหวิน กลายเป็นมังกรม้วนสมุทรพร้อมกับคำรามเสียงดัง จากนั้นก็ปะทะเข้าม่านพลังป้องกันของ จิ้น ซวน, เย่ ซีหวิน ไม่จำเป็นต้องขยับตัว เพราะม่านพลังป้องกันของ จิ้น ซวน ถูกบดขยี้ทันทีโดยมังกรม้วนสมุทร
คราวนี้ จิ้น ซวน โจมตีด้วยกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดของเขา ปราณหยวนปะทะกันอย่างรุนแรงบนท้องฟ้า และทันใดนั้นเขาก็พุ่งตรงเข้ามาหา เย่ ซีหวิน อีกครั้ง