Limitless Sword God – ฝืนลิขิตฟ้ากระบี่ไร้สรรพสิ่ง - ตอนที่ 216
เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง บทที่ 216
ภาค:จอมราชันท์กระบี่ปีศาจ
แปลไทยโดย: SwordGod
LSG บทที่ :216 เปลวไฟภายในใจ
ฟู่! ซูหยุนหยุดการปรับลมปราณ หยุดเดินพลังแก่นแท้วิญญาณ แก่นแท้วิญญาณปฐพีแล้วใช้แก่นแท้วิญญาณมารเพื่อให้ร่างกายตัวเองแผ่ไอมาร แล้วคว้าหมวกเดินออกไปที่ตลาด
มีชาวมารมากมายที่นี่ แต่ผู้ที่มีพลังยุทธสูงๆนั้นมีไม่มาก ส่วนใหญ่ระดับแก่นแท้วิญญาณ มีไม่กี่คนที่อยู่ระดับ ดวงจิตวิญญาณ มีสองคนด้านใน ระดับดวงจิตวิญญาณขั้นที่5
ชาวมารมากมายรายล้อมพวกเขาอยู่อย่างใจจดใจจ่อ
กระบี่มาร?
ซูหยุน เดินผ่านไป ชื่อเสียงของ ลัทธิกระบี่มาร เป็นที่รู้จักกันดีและเขาสงสัยว่าวิชาลับที่มีชื่อเสียงของพวกเขาในชุด กระบี่มาร มีลักษณะอย่างไร
เขารู้สึกตื่นเต้นกับความคิดของมัน
“อ้าว..นี่ท่านคือผู้ที่มาจากคฤหาสน์ถ้ำมารทมิฬที่หันซานพามาด้วยใช่หรือไม่?”
เ
เขาหันไปหา หลี่กวง และ หลี่ซิน ที่เจอกับหันซานก่อนหน้านี้ พวกเขาเดินเข้ามาทักทายเหมือนชาวมารอื่นๆ
“ข้าเอง” ซูหยุนพยักหน้าอย่างระวัง
“ท่านสนใจ เพลงกระบ่มาร ของพวกเราด้วยอย่างนั้นหรอ?” หลี่กวง มีความภาคภูมิใจ
“ครับ นิดหน่อยน่ะ เพราะตัวข้าเองก็ใช้กระบี่ “ ซูหยุนถกเสื้อคลุมตัวเองขึ้นมาให้เห็นกระบี่สีดำข้างใน เมื่อร่างกระบี่มรณะเผยออกมา ทำให้คนอื่นๆและหลี่กวงตัวสั่นราวกับว่ามันกำลังจะกลืนกินพวกเขา
“ท่านใช้กระบี่นี่หรือ?”
“ใช่”
“เป็นกระบี่ที่ดีไม่น้อย”
หลี่กวง ค่อนข้างตื่นกลัวจนกลืนน้ำลาย “ไหนๆท่านก็มาที่นี่แล้ว พวกเราก็ไม่ปิดบัง ท่านสามารถดู ศิษย์พี่ทั้งสองประลองฝีมือกันเป็นพยายนของความมหัศจรรย์ของเพลงกระบี่ลัทธิกระบี่มาร! “
หลี่กวง ภูมิใจมาก เห็นได้ชัดว่า หลี่กวง พยายามโอ้อวด
ซูหยุนยังมองชายทั้งสองเงียบๆ
ตอนนี้ชายทั้งสอง ชักกระบี่ของตัวเองออกมา ในตำแหน่งโจมตีพวกเขาหงายขอบกระบี่ลง
“ข้าสงสัยนัก ข้าได้ยินมาว่า ศิษย์พี่ตู่ได้ออกไปทำภารกิจข้างนอกแล้วเพิ่งกลับมาใช่หรือเปล่า? ทำไมเขาถึงรีบนัดประลองกับศิษย์พี่จี้กันน้า? “
“บางทีอาจจะเป็นศิษย์พี่จี้ก็ได้ที่นัดประลองอ่ะ?” “ศิษย์พี่ตู่ เป็นผู้ใช้เพลงกระบี่มารระดับสูงศิษย์พี่จี้มองศิษย์พี่ตู่เป็นแบบอย่างและเป็นเป้าหมายตลอดมา ตอนนี้ศิษย์พี่จี้ได้เรียนรู้เคล็ดกระบี่บางอย่างได้ แล้วทำไมท่านจะไม่อยากประลองกับศิษย์พี่ตู่ล่ะ? กลับเป็นศิษย์พี่จี้เองที่โมโห เราะศิษย์พี่ตู่ไม่เคยปฏิเสธเลยสักครั้ง เขาคือคนกระตุ้น “
“เพลงกระบี่ของศิษย์พี่ตู่ค่อนข้างเหนือกว่ามาก ตามคาดพี่ใหญ่ของพวกเรา! “
“หากข้าได้ฝึกกับพี่ใหญ่ตู่น่ะ มันต้องสุดยอดแน่เลย!”
“น้องสาว ข้าก็ไม่ได้เลวร้ายน่ะ ไม่ลองพิจรณาข้าดุหน่อยหรือ! “
“ไปให้พ้น!”
ชาวมารสองสามคนคุยกัน แต่ไม่นานก่อนที่ดวงตาของพวกเขาก็กลับไปหาชายสองคน
ซูนยุนนั่งลงขณะที่เขาแอบฟังบทสนทนา
จากการพูดคุยกันเขารู้ว่าชายที่สวมชุดเกราะสีดำผมยาวปิดดวงตาคือ พี่ใหญ่จี้ จี้หยานหยงเมื่อยี่สิบปีที่ผ่านมาเขาย่างเท้าเข้ามาในลัทธิกระบี่มาร ปัจจุบันเขามีพลังยุทธระดับดวงจิตวิญญาณขั้นที่5
ตรงข้ามกับเขาเป็นชายที่มีหนวดเครากับเสื้อหนัง เขาคือพี่ใหญ่ตู่ที่มีเชื่อเสียง ตู่ไป๋ลี่ ดูเหมือนว่า จี้หยานหยงอยู่ในลัทธิมา20ปีแต่การบ่มเพาะของเขาจะสูงกว่าจี้หยานหยง2ระดับเขาอยู่ในระดับดวงจิตวิญญาณขั้นที่7 ไม่ใช่เพราะ ตู่ไป๋ลี่ มีพรสวรรค์ แต่เนื่องจากความยากลำบากและโอกาสที่เขามีขณะที่เขากำลังบ่มเพาะ
“ชักกระบี่! ศิษย์น้องจี้! ข้าอยากจะรู้นักว่าช่วงที่ข้าไม่อยู่เจ้ายังหมั่นฝึกซ้อมอยู่มั้ย!
ตู่ไป๋ลี่ตะโกนเสียงดัง
จี้หยานหยง ชม้ายตา เจตจำนงนักสู้เข้าสู่ร่างกายเขา เขาแผดเสียงดังลั่นพร้อมกับกระบี่ในมือของเขาที่อัดแน่นไปด้วยปราณมาร
ขณะที่เขาพุ่งไปข้างหน้าเขาได้ยินเสียงกระหึ่ม
มันมาจากกระบี่ในมือของเขา!
หัวใจของซูหยุนเต้นไม่เป็นจังหวะ
เสียงอะไรกันแน่
ชาวมารทุกคนยืนดูราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ
ทันใดนั้นวิญญาณชั่วร้ายก็ออกมาจากกระบี่ของจี้หยานหยง วิญญาณชั่วร้ายมีความสูงประมาณ 3 เมตรและส่วนล่างของมันเชื่อมต่อกับกระบี่ วิญญาณชั่วร้ายได้ขยายกรงเล็บของมันไปหาตู่ไป๋ลี่
อะไรกัน?
“นี่คือกระบี่มารอย่างนั้นหรือ?”
เขาพึมพำกับตัวเอง
“ไม่เลวนิ!
หลี่กวงมองดูยิ้มอย่างภูมิใจ “นี่แค่ยังเริ่มต้น”
ตู่ไป๋ลี่แตะเท้าเบาๆลอยไปข้างหน้าราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่น เขาเอื้อมมือเข้าไปหยิบกระบี่กว้าง1เมตรในแหวนเก็บของ ฟันงัดขึ้นไปจากพื้นอย่างแรง คลื่นปราณมารอันมหาศาลเป็นระลอกจากพื้นดินสร้างเป็นอาคมมาร เมื่ออาคมมารถูกสร้างขึ้นมันก็กว้างเกือบหนึ่งร้อยเมตรครอบคลุม จี้หยานหยง ในทันที จากนั้นกระบี่สีดำนับไม่ถ้วนถูกเจาะจากภายใน อาคมมาร เช่นเล็บ
“ท่าที่1เพลงกระบี่มาร กงเล็บกระบี่มาร!”
“ศิษย์พี่ตู่ ท่านดูถูกข้าไปแล้ว! ท่านยังไม่ชำนาญท่าที่อย่างนั้นหรือ? ใช้ท่าทางที่แข็งแกร่งที่สุดของท่านเพื่อเอาชนะข้า! “
จี้หยานหยงตะโกนพร้อมกับกวัดแกว่งกระบี่ท่าที่2 กรงเล็บวิญญาณมารเริ่มหมุนควงด้วยความเร็วสูงดั่งพายุกระบี่ทมิฬ
ตู่ไป๋ลี่ไม่ได้สนใจคำพูดของเขา เขายังคงสับกระบี่ยักษ์ของเขาไปยัง ด้านหลังอาคมมาร อย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่เขาสับ ปราณมารแซกซึมเข้าไปยังพื้นดินเปลี่ยนเป็นอาคมมาร กระบี่สีดำเริ่มหายไปแต่ปราณมารเริ่มแข็งแกร่งขึ้น
จี้หยานหยงมองดูด้านหน้าด้วยความสงสัย รัศมีกระบี่ทมิฬกลายเป็นควันสีดำกับหัวกระบี่ไปทางตู่ไป๋ลี่
มันเร็วมากผู้คนได้แต่อ้าปากค้าง พวกมันเคลื่อนที่เร็วเหนือเสียง
เมื่อควันเข้ามาไกล้ตู่ไป๋ลี่ มันก็กลายเป็นสัตว์ร้ายรอบๆเขา พวกมันแต่ละตัวถือกระบี่ยักษ์และฟันตู่ไป๋ลี่อย่างไร้ความปราณี ปราณมาร ยกระดับใหม่ทั้งหมด ใน2-3ลมหายใจกระบี่ฟันลงไปนับไม่ถ้วน ในเสี้ยววินาทีตู่ไป๋ลี่ถูกล้อมไปด้วยกระบี่
“การกดขี่ของกระบี่มาร!”
แต่ ตู่ไป๋ลี่ ไร้ความกังวล เขาวาดกระบี่ขนาดยักษ์ของเขาเบา ๆ พลังมหาอาคมที่เขาได้หล่อเลี้ยงปราณได้เข้าไปคุมขังสัตว์ร้ายอย่างแน่นหนา เมื่อสัตว์ร้ายกระจายตัวร่างจริงของจี้หยานหยงก็เผยตัว แต่เขาติดอยู่ในที่กักขังปราณและสูญเสียการต่อสู้ เขาไม่สามารถขยับได้เลย
ผู้ชนะได้ถูกตัดสินแล้ว
ทุกคนที่ดูกาประลองนี้ได้ถอนหายใจ
“ศิษย์น้อง เจ้าต้องไปฝึกเพิ่มอีก”
ตู่ไป๋ลี่หัวเราะขณะที่ปล่อยมือออกจากกระบี่ขนาดยักษ์ในมือของเขา
จี้หยานหยงพยายามกล้ำกืนความโกรธของตัวองที่ยังหลงเหลือในสายตา พูดไม่ออก
แม้ว่าการประลองจะจบลงอย่างรวดเร็ว แต่พลังของตู่ไป๋ลี่ยังตราตรึงในสายตาของทุกคน
ทุกคนสนับสนุนเขา
ซูหยุนยืนอยู่ด้านหลังด้วยสายตาอันลุกโชน
“หากข้าได้คำภีร์กระบี่มารนี้มา ข้าก็จะครอบครองยุทธภพนี้ได้”
แต่อาณาจักรมารตัดขาดจากโลกภายนอก รวมทั้งลัทธิมาร เขามาจากทวีปนภายุทธไม่สามารถเข้าร่วมลัทธิกระบี่มารได้
ซูหยุนลุกขึ้นจากไปเงียบๆ หลี่กวง และคนอื่น ๆ รู้สึกแปลกใจ
แม้ว่าจี้หยานหยงจะล้มเหลว แต่ก็ไม่รู้สึกท้อแท้ วันรุ่งขึ้นเขาจะไปท้าประลองอีก ตู่ไป๋ลี่ไม่ปฏิเสธ แต่ยอมรับเขา
ซูหยุนทราบข่าวและมารอที่ตลาดแต่เนิ่นๆ ไม่นานมีผู้ชมจำนวนมากเข้ามา
จี้หยานหยง ไม่พอใจ เขาได้สาดเพลงกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดออกไป ปราณมารดุดันเหี้ยมโหดราวกับว่ามันต้องการที่จะเลอะกระดูกตู่ไป๋ลี่ แต่ตู่ไป๋ลี่ไปมีปราการปรากฏขึ้น เขาใช้วิชาสามอย่างเพื่อย้อนกลับไปโจมตี จี้หยานหยง โดยการโจมตีครั้งที่ 4 จีหยานหยงได้พ่ายแพ้
ซูหยุนติดตามมองทุกการเคลื่อนไหวของตู่ไป๋ลี่ เนตรศักดิ์สิทธิ์เกล็ดสวรรค์ได้จับตามองทุกย่างก้าววิเคราะร์ปราณวิญญาณ ที่เขาใช้อยู่ ซูหยุนให้ความสำคัญกับ ตู่ไป๋ลี่ มาก
แต่ จี้หยานหยง พ่ายแพ้เร็วเกินไป ซูหยุนรู้สึกผิดหวังมาก
ในวันที่สาม จี้หยานหยง ท้าประลองอีก
แต่คราวนี้ ตู่ไป๋ลี่ ได้ตัดสินใจที่จะทำให้ จี้หยานหยง ต้องสูญเสียอย่างหนักพอสมควรเพื่อให้ผู้ชายคนนี้เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างคนทั้งสอง ขณะที่ทั้งสองคนต่อสู้ ตู่ไป๋ลี่ ได้สบัดกระบี่เล่มใหญ่ของเขาขึ้นมาเพื่อเผยให้เห็นภาพที่น่าอัศจรรย์คลื่ลมปราณ ที่พุ่งเข้าหาจี้หยานหยง
ซูหยุนมองการเคลื่อนไหวและทำให้ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง
จี้หยานหยง ไม่ได้ทำอะไรเลยและเขาก็พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงจากปราณมารนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะความเมตตาของ ตู่ไป๋ลี่ เขาน่าจะตายไปแล้ว
จี้หยานหยง เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างพวกเขาและไม่กล้าท้าประลองอีก
แต่ซูหยุนลังเลเกี่ยวกับเรื่องนี้
หัวใจที่มอดไหม้ไปด้วเพลิงมิอาจมอดดับได้และลุกโชติช่วง
มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถทนทานได้
“พวกเขาต่างกันมากเกินไป! แม้ว่านาย จี้หยานหยง จะเป็นยอดฝีมือ แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ ตู่ไป๋ลี่ “
“นับว่าพี่ ตู่ไป๋ลี่ ปราณีมากแล้ว หากเป็นข้า ข้าอาจจะรำคาญ “
“คราวนี้พี่จี้ คงจะอดทนฝึกฝนให้มากขึ้นกว่านี้ ใช่มั้ย?”
ชาวมารพูดคุยกันขณะที่พวกเขาแยกย้ายกันไป
เมื่อเห็นจี้หยานหยงสิ้นหวัง ตู่ไป๋ลี่ก้เก็บกระบี่ยักษ์แล้วจากไป
มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ศิษย์พี่ ตู่ไป๋ลี่ เพลงกระบี่ของท่านช่างล้ำเลิศนัก ข้าขอนับถือ ท่านจะให้เกียติประลองวิชากับข้าจะได้มั้ย “
ด้วยเหตุนี้ชาวมารทุกคนหันมามองทีละคนใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจและความประหลาดใจ
เป็นซูหยุน
“เฮ้ นั่นมันเจ้าลูกลิงที่มาจาก คฤหาสน์ถ้ำมารทมิฬนี่นา วรยุทธของเจ้าอยู่ขั้นไหน?
มีคนตะโกนออกมา
“ระดับดวงจิตวิญญาณขั้นแรก”
“เจ้ารู้มั้ยว่าศิษย์พี่ตู่ อยู่ระดับไหน?”
“ดวงจิตวิญญาณ ขั้นที่เจ็ด!”
“แล้วทำไมเจ้าถึงยังต้องการท้าประลองศิษย์พี่ ไม่เจียมตัว?”
มีคนเยาะเย้ย
อย่างไรก็ตามซูหยุนไม่สนใจ “ข้าแค่ขอแลกเปลี่ยนเพลงยุทธ ไม่ใช่การต่อสู้ เรากำลังพูดถึงเพลงกระบี่ไม่ใช่ระดับพลังยุทธ นอกจากนี้ ศิษย์พี่จี้ พลังยุทธก็ด้อยกว่าศิษย์พี่ตู่ไม่ใช่หรือ? ทำไมเขาสามารถสู้กับศิษย์พี่ตู่ได้ แต่ข้าไม่ได้ล่ะ? เป็นเพราะข้าเป็นคนนอก? นี่เป็นวิธีที่ทำใน ลัทธิกระบี่มาร หรือไม่? “
“คือ…?” ชายคนนั้นพูดไม่ออก
ตู่ไป๋ลี่ หัวเราะเพื่อทำลายความตึงเครียด
“เจ้าลูกลิงที่มาจาก คฤหาสน์ถ้ำมารทมิฬ ใช่มั้ย? เจ้าใช้กระบี่ด้วยหรือ? “
“อืม!” ซูหยุนพยักหน้า
“แต่ท่านเจ้าคฤหาสถ้ำมารทมิฬ ไม่ได้ใช้กระบี่ ท่านอาจสอนวิชาที่ไม่เกี่ยวข้องกับกระบี่ ข้าไม่รู้ว่าวิชากระบี่ของเจ้าเป็นเช่นไร แต่ข้าแน่ใจได้ว่าวิชากระบี่ของเจ้าไม่อาจเทียบกับเพลงกระบี่มารได้หรอก คิดให้ดี เจ้าอยากจะสู้กับข้าจริงๆหรือ? “
“แน่นอน!” ซูหยุนตั้งใจ
“ดี!!” ข้าจะให้โอกาสเจ้า “
หลี่ไป๋ลี่ ไม่อยากพูดให้เสียเวลา และโบกมือเพื่อแสดงให้ทุกคนเว้นพื้นที่ว่างสำหรับพวกเขา จากนั้นเขาดึงกระบี่ออกมาและมองไปที่ซูหยุน
ซูหยุนพยักหน้า ก้าวถอยหลังไปแล้วชักกระบี่ทั้งสองออกจากฝักสันคมกระบี่ชี้ลงพื้น
กระบี่พันลึกล้ำและ ดาบสลักมังกรวารี
กระบี่มรณะ ถูกวางไว้บนอีกด้านหนึ่งของเอว
“เจ้าใช้กระบี่คู่?”
ตู่ไป๋ลี่ตกใจเล็กน้อยแล้วยิ้มกริ้ม “น่าสนใจดีนิ มาเถอะ แสดงวิชาที่ดีที่สุดของเจ้ามา “
“ได้!”
ซูหยุนขว้างกระบี่ทั้งสองขึ้นบนอากาศเข้าหาตู่ไป๋ลี่
ทุกคนตกใจเมื่อเห็นฉากเกิดขึ้นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตู่ไป๋ลี่ หัวใจของเขาเต้นอย่างหนัก
การขว้างกระบี่?
ไอ้ลูกลิงนี่ทำอะไร?
เพลิงกำลังลุกไหม้ทั้งสองกระบี่!
มันมีกลิ่นไออันแข็งแกร่งของปราณมาร!
ปราณมารน่าสะพรึ่งกลัวอะไรเช่นนี้! คนผู้นี้คือระดับดวงจิตวิญญาณขั้นแรกอย่างนั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้ ปราณมารที่เขาปล่อยออกมาอย่างน้อยก้ระดับดวงจิตวิญญาณขั้นที่3ขึ้นไป!
ตู่ไป๋ลี่ คิดหนัก
จากนั้นฉากที่น่าตกใจอีกฉากหนึ่งก็ค่อยๆปรากฏออกมา
กระบี่ทั้งสองได้ลอยอยู่ในอากาส โดยมีปรายกระบี่ชี้ไปที่หัวของตู่ไป๋ลี่ จากนั้นปลายกระบี่อันแหลมคมราวกับลูกศรพุ่งผ่านอากาศไปหาตู่ไป๋ลี่!