Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 216
ตอนที่ 216 ปรมาจารย์หินหยก?
.
คำพูดของผู้หญิงคนนั้นทำให้ หลานชิงเยว่ รู้สึกโกรธมาก หลานชิงเยว่ จ้องมองไปที่หญิงวัยกลางคนด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง
“นี่แม่เฒ่า! หยุดรบกวนพวกผมซะทีเถอะ เสียงของคุณมันน่ารำคาญมากจริงๆ!”
หวังเสียน รู้สึกรำคาญขึ้นมาเล็กน้อยเขาจึงพูดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมย
“แกพูดว่าอะไรนะ! แกเรียกใครว่าแม่เฒ่ายังงั้นรึ? แกพูดอีกครั้งนึงซิ!”
หญิงวัยกลางคนร้องเสียงหลงเมื่อได้ยินหวังเสียนเรียกเธอว่าแม่เฒ่า เธอจ้องมองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว
“ผมก็ต้องพูดกับคุณอยู่แล้วคุณคิดว่าผมพูดถึงใครกันล่ะ! คุณต้องการให้ผมพูดอีกครั้งอย่างนั้นรึแม่เฒ่า? มันคงจะไม่ดีเท่าไหร่ที่ผมจะเรียกคุณอีกครั้งว่าแม่เฒ่า มันเป็นเหมือนกับการบอกให้คุณรู้ว่าคุณนั้นแก่มากแล้ว ผมกลัวจะเสียมารยาทมากเกินไปหากต้องเรียกคุณว่าแม่เฒ่าอีกครั้ง!” หวังเสียน พูดกับหญิงวัยกลางคนด้วยสีหน้าที่ไร้เดียงสา
“คิกคิก!” หลานชิงเยว่ หัวเราะออกมาเบาๆอย่างอดไม่ได้
“หมอเทวะหวัง อย่าคิดว่าคุณจะหยิ่งผยองได้เพียงเพราะว่าคุณเป็นหมอเทวะที่มีรายชื่ออยู่ในอันดับต้นๆของการจัดอันดับในโลกยุทธภพนะ! พวกเรานั้นไม่ใช่ตระกูลหลิว ที่จะงี่เง่าให้คุณกำจัดได้ง่ายๆเหมือนคนพวกนั้น และอีกอย่างนึง คุณนั้นเป็นหมอเทวะที่ไร้สังกัดไม่มีคนหนุนหลัง คุณควรจะรู้จุดยืนของคุณดี อย่าหยิ่งผยองให้มันมากนัก!”
ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างๆหญิงวัยกลางคน พูดกับหวังเสียนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“โอ้!..ยังงั้นเหรอ?” หวังเสียน มองชายวัยกลางคนด้วยท่าทางที่เฉยชา
“เฮอะ! คุณนั้นยังไม่รู้จักโลกดีพอ ฉะนั้นอย่าสร้างปัญหาให้กับตัวเอง โดยการรนหาที่ตายตั้งแต่อายุยังน้อยเลย!”
ชายวัยกลางคนมีประกายตาที่ดุร้ายขึ้นมาทันที เมื่อเห็นท่าทางที่เฉยชาของหวังเสียน “คุณอาจจะปลอดภัยในถิ่นของคุณเอง แต่เมื่อออกมายังโลกภายนอก คุณอาจจะตายโดยที่ไม่รู้ตัวว่าตายยังไงก็ได้ ฮึฮึ!” ชายวัยกลางคนพูดออกมาด้วยท่าทางที่คุกคาม
“ฮึฮึ! จริงๆแล้วผมก็อยากจะลองทำอย่างที่คุณพูดดูสักครั้งเช่นเดียวกัน พวกคุณอยากทดลองดูสักหน่อยไหมล่ะ?” มีรังสีสังหารปรากฏขึ้นในดวงตาของหวังเสียน ทันที
“ฮ่าๆๆ! คุณต้องการอย่างที่คุณพูดจริงๆอย่างนั้นหรือหมอเทวะหวัง!” ชายวัยกลางคนหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก ตัวเขานั้นเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของสำนักหลิงเยว่ ที่เป็นกองกำลังระดับชั้น 1
ถึงแม้ว่าหมอเทวะหนุ่มนี้จะทำร้ายและกวาดล้างตระกูลหลิวยกทั้งตระกูล แต่สำนักหลิงเยว่ ก็ไม่ได้มีอะไรที่จะต้องหวาดกลัวหมอเทวะหนุ่มคนนี้เลย ในมุมมองของชายวัยกลางคน หมอเทวะหวังนั้นเป็นเพียงตัวตนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเขามาก่อนเลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่าหมอเทวะนั้นจะสามารถเชิญชาวยุทธที่มีความสัมพันธ์หรือติดค้างหนี้บุญคุณให้มาช่วยเหลือพวกเขาได้ แต่หมอเทวะที่ไร้สังกัดก็มีข้อบกพร่องและจุดอ่อนมากเช่นเดียวกัน
นั่นก็คือพวกเขาไม่มีอิทธิพลที่ทรงพลังคอยอยู่เบื้องหลังและสนับสนุนพวกเขา หรือให้พูดอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือพวกเขาไม่มีความแข็งแกร่งเป็นของตัวเอง
ในอดีตหมอเทวะส่วนมากจะเป็นหมอเท้าเปล่า ที่พเนจรรับรักษาผู้ป่วยไปเรื่อยๆแบบไร้จุดมุ่งหมาย แต่ก็มีปัญหาตามมาอีกมากมายเนื่องจากหมอเทวะนั้นค่อนข้างที่จะอ่อนแอและถูกไล่ล่าสังหารเป็นจำนวนมาก เนื่องมาจากบางครั้งหมอเทวะอาจไปรักษาอาการบาดเจ็บของศัตรูผู้มีอิทธิพลบางคน จึงทำให้เกิดความขุ่นเคืองและถูกไล่ล่าสังหาร
ต่อมาหมอเทวะจึงรวมตัวกันก่อตั้งเป็นสมาคมและสำนักที่เกี่ยวกับการแพทย์ขึ้นมา อย่างเช่นสำนักแสงอันศักดิ์สิทธิ์ และสมาคมสมุนไพรอันศักดิ์สิทธิ์เป็นต้น
จุดประสงค์ก็คือเพื่อความปลอดภัยของหมอเทวะต่างๆ
นี่เป็นเพราะหมอเทวะหลายคนมักถูกคุกคามและถูกสังหารมากเกินไปในอดีต
ยกตัวอย่างเช่น หมอเทวะในอันดับที่ 9 ของการจัดอันดับหมอเทวะศักดิ์สิทธิ์ ก็ถูกดาบคลั่งโลหิตจีสังหารด้วยเช่นกัน แต่ดาบคลั่งโลหิตจีก็ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างอิสระ
เหตุผลก็เพราะว่าหมอเทวะอันดับที่ 9 เป็นหมอเทวดาไร้สังกัดและไม่มีผู้สนับสนุนที่ทรงอิทธิพล
ถ้าเขามีกองกำลังที่แข็งแกร่งสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง ดาบคลั่งโลหิตจี ก็อาจจะไม่สามารถสังหารเขาลงได้อย่างแน่นอน
นั่นก็เป็นเพราะว่าถ้าหากดาบคลั่งโลหิตจี สังหารหมอเทวะที่มีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลัง มันจะเท่ากับเป็นการประกาศสงครามกันเลยทีเดียว
กองกำลังสนับสนุนของหมอเทวะที่ถูกสังหาร จะออกตามล่าดาบคลั่งโลหิตจีและคนที่เกี่ยวข้องกับเขาอย่างแน่นอน
และอีกสาเหตุหนึ่งที่หมอเทวะไร้สังกัด ไม่มีอำนาจและความน่ากลัวมากพอก็เพราะว่า ผู้ที่ถูกเชิญหรือผู้ที่ติดหนี้บุญคุณกับหมอเทวะ เมื่อพวกเขาให้ความช่วยเหลือที่เพียงพอแล้ว กลุ่มคนพวกนั้นก็จะไม่ให้ความช่วยเหลืออะไรอีกต่อไปในอนาคต
นี่เป็นจุดอ่อนของหมอเทวะที่ไร้สังกัดและเป็นสาเหตุที่สำนักหลิงเยว่ ไม่กลัวหวังเสียน
ถ้าหวังเสียนกล้าที่จะเรียกผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณทั้งสองคนมาที่สำนักหลิงเยว่ พวกเขาก็จะเตรียมตัวต้อนรับด้วยการเชิญกองกำลังอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตรกับพวกเขามาเข้าร่วมด้วยอย่างแน่นอน
การที่ตระกูลหลิวถูกกวาดล้างได้อย่างง่ายดายนั้นเป็นเพราะพวกเขาอยู่ต่างถิ่นและไม่ทันได้เตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
….
ในตอนนั้นเองคนจากประเทศหินหยกที่มาพร้อมกับชายวัยกลางคนของสำนักหลิงเยว่ ก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “นี่คือประเทศและถิ่นของพวกเราถ้าพี่โจวมีความต้องการอะไร สามารถบอกพวกเราได้ พวกเราจะจัดการให้พี่โจวทุกอย่างเอง!”
“ฮ่าฮ่าฉันคงไม่ต้องรบกวนน้องชายกับเรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้หรอก และสำนักหลิงเยว่ของเราสามารถจัดการปัญหานี้เองได้อย่างสบายมาก!”
ชายวัยกลางคนจากสำนักหลิงเยว่ หัวเราะออกมาเสียงดัง
“เฮ้! เด็กน้อยพี่สาวคนนี้ขอแนะนำเธอกับคนของบริษัทเครื่องประดับทะเลคราม สักเล็กน้อยนะ พวกเธอนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้กับบริษัทการค้าเครื่องประดับตระกูลโจวของพวกเราหรอก ฉันขอให้พวกเธอถอยหลังไปสักหลายๆก้าว และลดระดับลงไปเป็นบริษัทชั้นสองอย่างเงียบๆ จะดีกว่า มิฉะนั้นอาจจะเกิดปัญหาร้ายแรงกับบริษัทของพวกเธอขึ้นก็ได้นะ ฮิฮิฮิ!” หญิงวัยกลางคนพูดกับหลานชิงเยว่พร้อมกับยิ้มอย่างผู้ชนะ
“พวกคุณมั่นใจมากขนาดนั้นเลยยังงั้นเหรอ?”
หวังเสียนมองพวกเขาพร้อมกับมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
“ไม่เพียงแค่ว่าบริษัทเครื่องประดับทะเลครามจะไม่ถอยให้กับพวกคุณแล้ว แต่พวกเราจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆอย่างแน่นอน!”
หวังเสียน ยิ้มพร้อมกับเดินไปที่เครื่องมือตัดหินหยก และโบกมือส่งสัญญาณให้กับชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ประจำเครื่องตัดหินหยก
ชายคนนั้นเดินหลบออกไปจากเครื่องตัดหินหยก พร้อมกับพยักหน้าเพื่อให้หวังเสียได้เข้าไปประจำตำแหน่งแทนเขา
หวังเสียนยกอุปกรณ์ตัดหินและวางหินที่เขาได้ซื้อเอาไว้ พร้อมกับลงมือตัดหินเดิมพันก้อนนั้นในทันทีด้วยรอยยิ้มที่มั่นใจ
ในตอนนี้เริ่มมีคนเข้ามามุงดูการตัดหินหยกที่หน้าร้านกันอย่างมากมาย
เจ้าของร้านที่หวังเสียน ซื้อหินเดิมพันจ้องมองไปที่หินเดิมพันของหวังเสียน อย่างตั้งใจ
“โอ๊ะ! สีเขียว! มันเป็นสีเขียว!..มันคือหยกสีเขียวจริงๆด้วย!”
เจ้าของร้านตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ
“มันเป็นหยกสีเขียวระดับชั้นสูงสุดจริงๆด้วย!” หลานชิงเยว่ และ หลานเฉียนเฟิง ต่างรู้สึกตื่นเต้นกันขึ้นมาในทันที จนลืมเรื่องที่อึดอัดใจในก่อนหน้านี้ระหว่างพวกเขา กับตระกูลโจวไปชั่วคราว
หวังเสียนยิ้ม ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคิดเอาไว้ ด้วยความสามารถในการมองทะลุของดวงตาของเขามันจะผิดพลาดไปได้อย่างไร ถ้าเขานั้นมีความสามารถแบบนี้แล้วยังคงล้มเหลวอยู่อีก เขาก็ควรจะเอาหัวไปโขกเต้าหู้ให้ตายไปได้แล้ว
เขาสามารถมองเห็นหินหยกระดับสูงสุดประมาณหนึ่งพันกรัม อยู่ในหินเดิมพันก้อนนี้ได้อย่างชัดเจน
“โอ้ว!..หยกระดับสูงสุด! หยกชิ้นนี้มีมูลค่าอย่างน้อย 7-8 ล้านหยวนเลยทีเดียว มันเป็นกำไรอย่างน้อย 100 เท่าจากต้นทุนที่คุณลูกค้าคนนี้ซื้อไป!”
เจ้าของร้านหินเดิมพันตะโกนออกมาเสียงดังเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบ
และมันก็ได้ผลเป็นอย่างมากกลุ่มคนที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างรีบเดินเข้ามามุงดูเพิ่มมากขึ้น ด้วยความอยากรู้อยากเห็นกันในทันที
“ว้าววว!..หยกชิ้นนี้มันเป็นรางวัลใหญ่อย่างแท้จริง ดูสีสันและเนื้อของหยกซิ! มันไม่มีสิ่งเจือปนเลยแม้แต่น้อย!”
“เฮ้!..น้องชายผมให้คุณ 8 ล้านหยวน คุณช่วยขายให้ผมได้หรือไม่!” ชายคนหนึ่งตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง จากท่ามกลางกลุ่มคน
หวังเสียนส่ายหัวและโยนหินไปที่โม่ชิงหลง!
“หือ? พวกนายนี่ โชคดีจริงๆนะ ที่ได้หยกจากหินเดิมพันแบบนั้น!”
หญิงวัยกลางคนจากบริษัทการค้าเครื่องประดับตระกูลโจว มองไปที่หยกสีเขียวระดับสูงสุด ด้วยความอิจฉา
“ผมมักจะโชคดีเสมอ!”
หวังเสียนตอบหญิงวัยกลางคนแบบส่งๆ และไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก หลังจากนั้นเขาก็หันไปหา หลานชิงเยว่ และถามว่า
“เป็นยังไงบ้างเห็นฝีมือของผมหรือยัง? ผมบอกแล้วว่าผมนั้นเป็นปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในการเดิมพันหินหยก!”
“ฮึ! แค่ได้หยกเพียงก้อนเดียวถึงกลับกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นปรมาจารย์แห่งการเดิมพันหินหยกเชียวรึ? หมอเทวะหวัง คุณไม่กลัวคนอื่นเขาจะตัดลิ้นของคุณออกหรือ?”
ชายชราที่มาในกลุ่มของหญิงวัยกลางคนพูดออกมาด้วยความรังเกียจ เขามองไปที่หญิงวัยกลางคนแล้วพูดขึ้นมาว่า “ท่านผู้หญิงโจว ฝากเรื่องการเดิมพันหินหยกให้แก่พวกเราจัดการเถอะ!”
“เอาล่ะ! ตกลงผู้เฒ่าเฟิง ฉันยกหน้าที่นี้ให้แก่พวกคุณ!”
หญิงวัยกลางคนยิ้มและพยักหน้า
“แสดงให้พวกเขาเห็นทีว่าความสามารถในระดับปรมาจารย์การเดิมพันหินหยกที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร มันไม่ได้อาศัยเพียงแค่โชคดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น!”
“ฮึฮึ! ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเองเถอะ เจ้าหนุ่มคนนี้มันแค่เพียงโชคดีเพียงเท่านั้น มันไม่สามารถเทียบกับพวกเราที่อยู่กับหินเดิมพันมาทั้งชีวิตได้หรอก!”
ชายชราห้าถึงหกคนเดินไปที่ด้านในของร้านเดิมพันหินหยก พวกเขาหยิบเครื่องมือรูปร่างหน้าตาแปลกๆออกมาและเริ่มตรวจสอบหินทีละก้อน
เมื่อเห็นลักษณะท่าทางและความคล่องแคล่วของพวกเขา เจ้าของร้านก็รู้สึกตกใจมาก และรู้ได้ในทันทีว่าชายชรากลุ่มนี้นั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริง
ฮิฮิฮิ!
หวังเสียน มองไปยังกลุ่มของชายชราที่กำลังใช้ความสามารถและความเชี่ยวชาญของพวกเขาตรวจสอบหินเดิมพันกันอยู่อย่างขะมักเขม้น เขาโบกมือส่งสัญญาณพร้อมกับชี้นิ้วของเขาเพื่อบอกเจ้าของร้าน
“พี่ชาย! ผมเอาหินก้อนนี้และก้อนนั้น!”
“ตกลงน้องชาย!”
เจ้าของพยักหน้าและหยิบหินที่หวังเสียน ชี้นิ้วบอกขึ้นมาสองก้อน
หินก้อนหนึ่งมีน้ำหนัก 5-6 กิโลกรัม ในขณะที่หินอีกก้อนหนึ่งมีขนาดเล็กเท่ากำปั้นมือเท่านั้นเอง
หวังเสียน ให้เงินเจ้าของร้านไป 150,000 หยวน หลังจากนั้นก็นำหินเดิมพันไปใส่อุปกรณ์ตัดหินหยก
ในขณะที่เขาลงใบมีดลงไปที่หินเดิมพันหยก แสงสีแดงอันงดงามก็สะท้อนออกมาจากหินเดิมพันที่กำลังตัดอยู่ในทันที
“หยกโลหิต! มันคือหยกโลหิตระดับสูงสุด!”
“โอ้พระเจ้า!…เขาได้รับหินหยกระดับสูงสุดอีกครั้งนึงแล้ว เขาได้กำไรก้อนใหญ่เลยทีเดียว!”
“หยกโลหิตระดับสูงสุด! แค่เพียงชิ้นเล็กๆก็มีมูลค่าอย่างน้อย 3 ล้านหยวนแล้ว! แต่หยกโลหิตก้อนนี้นั้นมีขนาดใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว”
” โอ้พระเจ้าของฉัน! … เขาช่างโชคดีอะไรมากมายขนาดนี้!”
“เขาได้กำไรมหาศาลเลยทีเดียว จากการตัดหินเดิมพันเองแค่ 2 ครั้งเท่านั้นเอง! เขามีดวงที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ”
เสียงอุทานดังออกมาไม่นานหลังจากที่หวังเสียนตัดหินเดิมพัน ริมฝีปากของปรากฏเป็นรอยยิ้มขึ้นมา ในขณะที่เขามองไปยังกลุ่มของชายชราที่กำลังตกตะลึงกันอยู่
วิธีการและเครื่องมือของผู้เชี่ยวชาญในระดับปรมาจารย์การเดิมพันหินหยกอย่างนั้นรึ? หากพวกคุณนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในระดับปรมาจารย์ ฉันนั้นก็จะเป็นเทพเจ้าแห่งการเดิมพันหินหยกให้ดูเอง!
……
จบบท