Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 217
ตอนที่ 217 เทพเจ้าแห่งหินเดิมพัน
.
“เฮ้!..ฮ่าๆๆ เทพธิดาแห่งโชคลาภกำลังส่งยิ้มให้กับฉันอยู่!” หวังเสียน หัวเราะและพูดออกมาอย่างยียวน หลังจากที่เขาตัดหินเดิมพันก้อนที่สอง และเขาได้หยกโลหิตระสูงสุดมาอย่างง่ายดาย
หยกโลหิตระดับสูงสุดชิ้นนี้ มีมูลค่าอย่างน้อยห้าล้านหยวน
หลานชิงเยว่ และ หลานเฉียนเฟิง จ้องมองไปที่หยกโลหิตในมือของ หวังเสียน ด้วยความตกตะลึง
เขาเพียงแค่โชคดีเกินไปอย่างนั้นใช่ไหม?
หญิงวัยกลางคนตระกูลโจวและกลุ่มคนที่มาพร้อมกับเธอต่างจ้องมองไปที่ หวังเสียนด้วยความมึนงง ใบหน้าของพวกเขานั้นเปลี่ยนไปกลายเป็นยับย่นจะดูน่าเกลียด
“ฮึ! ก็แค่โชคดี!” หญิงวัยกลางคนพูดพูดออกมาอย่างหงุดหงิด
“ดำเนินการต่อ!”
หวังเสียนโยนหยกโลหิตในมือของเขา ไปให้โม่ชิงหลง ก่อนที่เขาจะหยิบหินเดิมพันก้อนที่เหลือออกมา ขนาดของมันเกือบจะเท่ากับหัวคน
“นี่คือหินเดิมพันก้อนที่สามของเขา เขาคงจะไม่ได้รับหยกอีกชิ้นหนึ่งหรอกใช่ไหม?”
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร! เขาจะโชคดีมากมายอะไรขนาดนั้นได้ยังไง ต่อให้เป็นปรมาจารย์ที่เก่งกาจที่สุดก็ยังไม่สามารถรับประกันได้เลยว่าเขาจะได้รับกำไรมากถึงสองเท่าจากเงินลงทุนของตัวเองจากการเล่นเดิมพันหินหยก เฉพาะที่ฉันเคยรู้มาอาจารย์ที่เก่งๆหลายคน เขาสามารถรับประกันความสำเร็จของตัวเองได้แค่ประมาณ 1.5 เท่าของเงินลงทุนเพียงเท่านั้น!”
“เขาคงจะเป็นลูกนอกสมรสของเทพเจ้าแห่งโชคชะตาแล้วล่ะ ถ้าหินเดิมพันทั้งสามก้อนที่เขาเลือกมามีหินหยกอยู่ภายในนั้น!”
ผู้คนที่มามุงดูโดยรอบต่างจ้องมองไปที่หวังเสียน พร้อมกับพูดคุยกระซิบกระซาบกันอย่างเมามัน
หญิงวัยกลางคนแห่งตระกูลโจวพร้อมกับกลุ่มคนของเธอก็จ้องมองมาที่เขาด้วยเช่นเดียวกัน
หวังเสียน แอบหัวเราะอยู่ในใจเมื่อเห็นท่าทางของกลุ่มคนทั้งหมดที่กำลังจ้องมองและลุ้นหินเดิมพันที่อยู่ในมือของเขาในตอนนี้
“อ๊าา!”
หวังเสียน ยิ้มพร้อมกับแกล้งร้องออกมาอย่างตกใจหลังจากที่เขาผ่าหินเดิมพันลงที่ขอบด้านนอกของมัน แล้วไม่พบอะไรอยู่ในหินเดิมพัน
“การลงมีดครั้งแรกล้มเหลว!”
“มันก็ควรจะเป็นเรื่องปกติของหินเดิมพัน หากหินเดิมพันทุกก้อนมีหินหยกอยู่ข้างในคนขายหินเดิมพันก็คงไม่ต้องเอาหินออกมาขายแล้วล่ะ พวกเขานั้นคงจะเก็บเอาไว้เพื่อผ่านำหินหยกออกไปขายกันเองไม่ดีกว่าเหรอ!”
“ฮ่าๆๆ!เทพธิดาแห่งโชคลาภกำลังส่งยิ้มให้เขาอย่างนั้นนะเหรอช่างงี่เง่า!…”
หญิงวัยกลางคนกำลังหัวเราะเยาะความโชคร้ายของหวังเสียน ในขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่หลังจากนั้นคำพูดของเธอก็ต้องหยุดลงในทันที หลังจากที่หวังเสียน ตัดหินเดิมพันซ้ำลงอีกครั้งหนึ่ง
“ปะ!..เป็นไปได้ยังไง!” หญิงวัยกลางคนตะโกนออกมาอย่างลืมตัวเมื่อเห็นแสงสีเขียวจากหินเดิมพันที่หวังเสียนกำลังผ่าอยู่อย่างตั้งใจ
“เฮ้ย!..เขาได้มันมาอีกแล้ว! นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!”
“ผ่าหินเดิมพันทั้งสามก้อนได้หินหยกหมดทุกก้อน นี่เขาเป็นลูกลับๆของเทพเจ้าแห่งโชคชะตาจริงๆอย่างนั้นหรือ?”
“นี่!..ดวงเขาดีหรือเขามีฝีมือในการเลือกหินเดิมพันกันแน่?”
หยกสีเขียวชิ้นนี้ไม่เลวร้ายมากนัก แม้ว่ามูลค่าจะไม่สูงเท่ากับหยกทั้งสองชิ้นก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังมีราคาอยู่ที่หลายล้านหยวนเช่นเดียวกัน!”
“เฮ้อ!..ฉันนี่ช่างโชคดีจริงๆ!”
หวังเสียนส่ายหัวช้าๆ ในขณะที่เขาผ่าหินออกมาจนเสร็จ
“เสี่ยวเสียน คุณช่างน่าประทับใจมาก!”
หลานชิงเยว่ วิ่งเข้าไปหาเขาด้วยความดีใจ เธอจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกายระยิบระยับอย่างชื่นชม
“ฮ่าๆๆ! ผมไม่ใช่ปรมาจารย์หินหยกอย่างที่พวกเขาพูดจริงๆนั้นแหละ แต่ผมคือเทพเจ้าหินหยกต่างหากล่ะ ฮ่าๆๆ!” หวังเสียหัวเราะและพูดออกมาเสียงดังด้วยความสะใจ “เราไปที่ร้านอื่นต่อกันเถอะ!”
หวังเสียนโยนหินหยกให้โม่ชิงหลงและมองไปที่กลุ่มของชายชราที่เรียกตัวเองว่าผู้เชี่ยวชาญระดับปรมาจารย์ “ท่านปรมาจารย์ผู้เฒ่าทั้งหลายขอให้โชคดีนะ!”
ชายชรากลุ่มนั้นหน้าแดงด้วยความอับอายขณะที่จ้องมองไปที่หวังเสียน และไม่สามารถพูดอะไรเพื่อตอบโต้เขาได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
หวังเสียนหัวเราะเสียงดังอย่างสะใจ ก่อนที่เขาจะเดินไปยังร้านถัดไป
หญิงวัยกลางคนแห่งตระกูลโจวและชายวัยกลางคนที่มาจากสำนักหลิงเยว่ ต่างมองไปที่หวังเสียน พร้อมกับกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันก่อนจะพูดกันขึ้นมาว่า “ไป!ตามไปดูเจ้าหนุ่มนั่นกัน ดูซิว่ามันจะดวงดีมากขนาดไหนกันเชียว!”
หวังเสียน มาที่แผงขายหินเดิมพันอีกแห่งหนึ่ง ในขณะที่เขาก็เริ่มใช้ความสามารถของดวงตา สแกนดูหินเดิมพันในร้านทั้งหมด
“เจ้าของร้าน ผมซื้อหิน 7 ก้อนนั้น!”
หวังเสียนชี้ไปที่หินเดิมพันทั้ง เจ็ดก้อนเพื่อบอกกับเจ้าของร้านให้นำมาให้กับเขา
“ทั้งหมดราคา 1.85 ล้านหยวนครับคุณลูกค้า!”
“ไม่มีปัญหา! เอาหินทั้งหมดนั่นมาให้ผม!” หวังเสียน พยักหน้าแล้วพูดออกมา
“เสี่ยวเสียน คุณไม่ซื้อมากเกินไปหน่อยเหรอ!” หลานชิงเยว่ พูดเตือนเขาออกมาในทันทีเมื่อเห็นว่าเขาซื้อหินเดิมพันทั้ง 7 ก้อนในราคาเกือบ 2 ล้านหยวน
“ชิงเยว่! ไว้ใจผมเถอะ คุณแค่รอดูฝีมือผม!”
หวังเสียน ยิ้มให้เธอในขณะที่เขารับหินทั้งหมดมาจากเจ้าของร้าน
“เขาคิดว่าเขาจะสามารถได้รับหยกจากหินเดิมพันทั้งเจ็ดก้อนนั้นเลยหรืออย่างไร!” หญิงวัยกลางคนแห่งตระกูลโจว มองไปที่หวังเสียน ด้วยหน้าตาที่บึ้งตึง
หวังเสียนหัวเราะเบา ๆทันทีที่เขาได้ยินคำพูดของหญิงวัยกลางคน เขาหยิบมีดตัดหินขึ้นมา พร้อมกับควงไปมาเบาๆ ก่อนที่จะตัดไปยังหินเดิมพันก้อนหนึ่ง
“โอ้ว!…นั้นหินหยก! เขาได้รับหินหยกอีกครั้งแล้วอย่างนั้นเหรอ!” เหล่าผู้คนที่เดินตามมาดูเขาต่างตกใจกันมาก เมื่อเห็นว่าเขานั้นได้รับหินหยกอีกครั้ง
ถ้ามองในแง่ของผลกำไรนั้น ในตอนนี้เขาได้กำไรมากกว่าต้นทุนที่จ่ายไปหลายร้อยเท่าตัวเลยทีเดียว
“ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นหินหยกระดับกลาง หยกชิ้นนั้นน่าจะมีราคามากกว่าล้านหยวนเลยทีเดียว!” หลานชิงเยว่ มีรอยยิ้มและพูดขึ้นมาอย่างดีใจ
“นี่!… ลูกเขยในอนาคตของตระกูลหลานคนนี้!..เป็นบุตรของเทพเจ้าแห่งโชคชะตาหรืออย่างไรกัน!” หลานเฉียนเฟิง ดวงตาเหม่อลอยและบ่นพึมพำออกมาเหมือนคนสติไม่สมประกอบ
“อย่างน้อยหยกชิ้นนี้ราคาก็น่าจะเกินล้านหยวนล่ะนะ!”
เขาโยนหินหยกให้โม่ชิงหลงก่อนที่จะเริ่มตัดหินก้อนต่อไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ!..โชคของฉันนี่เริ่มแย่แล้วจริงๆ!”
“อย่างน้อยๆก็ยังพอได้กำไรมาบ้างล่ะนะ!”
หวังเสียน ยิ้มแล้วพูดออกมาเบาๆ จากก้อนหินเดิมพันทั้งเจ็ดก้อน มีสามก้อนที่ไม่มีหินหยกอยู่ข้างในนั้น นั่นก็เพราะเขาจงใจที่จะเลือกหินทั้งสามก้อนนี้ออกมาเอง เพื่อป้องกันไม่ให้มันดูผิดปกติมากจนเกินไป
ตู้มมมม!
แต่อย่างไรก็ตามความปั่นป่วนและความตื่นตะลึงก็ปะทุขึ้นอีกรอบในทันทีเมื่อเขาตัดหินเดิมพันก้อนสุดท้าย
“พระเจ้า!…นั่นมันมรกตก้อนขนาดมหึมาเลยนะนั่น! ราคาของมันน่าจะหลายร้อยล้านเลยทีเดียว!”
“นี่มันบ้ามากๆ นี่คืออัญมณีก้อนแรกที่พบในหินเดิมพันของเทศกาลเดิมพันหินหยกในปีนี้เลยทีเดียว!”
“เมื่อวานนี้พึ่งจะมีคนได้รับหยกแก้วจากหินเดิมพันไป และในวันนี้มีคนได้รับมรกตขนาดใหญ่ไปอีก เทศกาลเดิมพันหินหยกในปีนี้ช่างน่าตื่นตะลึงเสียจริงๆ!”
พลอยมรกตถือได้ว่าเป็นหินที่มีค่าสูงที่สุดในบรรดาตระกูลหินหยก ต่อให้เป็นมรกตขนาดเล็กเพียงแค่หัวแม่มือ ก็มีราคาถึงหลายสิบล้านเลยทีเดียว
และพลอยมรกตที่หวังเสียน ได้รับมาชิ้นนี้ต้องมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าร้อยล้านหยวนอย่างแน่นอน
“เยี่ยมมาก!”
หวังเสียน พยักหน้าและยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เขาส่งพลอยมรกตชิ้นนั้นต่อไปให้โม่ชิงหลง ด้วยรอยยิ้ม
“เสี่ยวเสียน! คุณน่าทึ่งมากจริงๆ ยอดเยี่ยมมากๆเลย!”
หลานชิงเยว่ ตื่นเต้นมากจนเธออดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปจูบแก้มเขาเบาๆ
หวังเสียน ยิ้มอย่างอารมณ์ดี “ปีนี้คุณไม่จำเป็นต้องจัดหาซื้อหินหยกอีกต่อไป ผมจะจัดหาหินหยกชั้นดีให้กับคุณเอง!”
“โอเค! ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องฝากเรื่องนี้ไว้กับคุณด้วยก็แล้วกันนะ ปีนี้บริษัทเครื่องประดับทะเลคราม คงจะต้องอาศัยท่านเทพเจ้าหินหยก หวังเสียนซะแล้วล่ะ!”
“เอาล่ะไปต่อกันเถอะ!”
หวังเสียน พยักหน้าด้วยรอยยิ้มให้กับหลานชิงเยว่
“นี่!..เป็นไปได้ยังไงกัน!”
หญิงวัยกลางคนแห่งตระกูลโจว จ้องมองไปที่หวังเสียน ด้วยความตื่นตะลึงพร้อมกับกัดฟันจนแน่น
“ท่านผู้หญิงโจวครับ! ผมว่ามันน่าแปลกมากเกินไป เขานั้นหยิบก้อนหินเดิมพันมาแบบสุ่มๆ และไม่ได้เข้าไปสังเกตก้อนหินพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย…นี่มันออกจะไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง!” กลุ่มของชายชราที่เป็นระดับปรมาจารย์หินหยกพูดออกมาด้วยความลำบากใจ
พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเดิมพันหินอันดับต้น ๆ ในประเทศจีน แต่ตอนนี้ชายหนุ่มคนนี้นั้นมีความสามารถมากกว่าพวกเขาทั้งกลุ่มอย่างเทียบกันไม่ติด กลุ่มของชายชรารู้สึกอับอายจนอยากจะเดินหนีออกไปให้ไกลจากจุดนี้ในทันที
“ใช่! เจ้าหนุ่มคนนั้นเป็นคนประหลาดมาก เขามีรายได้มากกว่า 100 ล้านหยวนภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง หากเขายังคงดำเนินการต่อไป จำนวนหินหยกที่เขาได้รับมาคงจะสามารถสนับสนุนบริษัทเครื่องประดับทะเลครามได้อย่างแน่นอน!” หญิงวัยกลางคนแห่งตระกูลโจว พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ต้องหาทางหยุดพวกเขา ไม่เช่นนั้นการกระทำของพวกเราที่ผ่านมาทั้งหมดจะสูญเปล่ากันไปเลยทีเดียว!” ชายวัยกลางคนจากสำนักหลิงเยว่ พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
หญิงวัยกลางคนแห่งตระกูลโจว หันกลับไปมองกลุ่มคนที่มาจากประเทศหินหยกในกลุ่มของเธอ อย่างช้าๆ
เมื่อชายวัยกลางคนจากสำนักหลิงเยว่ เห็นท่าทางของหญิงวัยกลางคน เขาก็พยักหน้าเบาๆ พร้อมกับมีความเหี้ยมโหดฉายออกมาทางแววตาของเขา
“ชามาลา คุณช่วยอะไรผมสักหน่อยจะได้ไหม!” ชายวัยกลางคนจากสำนักหลิงเยว่ พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
“พี่โจว ประเทศหินหยกนั้นเป็นประเทศของพวกเรา หากมีคนต้องการที่จะนำหินหยกภายในประเทศของพวกเราออกไป ก็คงต้องถามพวกเราดูเสียก่อนว่าเต็มใจหรือไม่ ฮึฮึ!” ชายวัยกลางคนที่ชื่อ ชามาลา เข้าใจความหมายของชายวัยกลางคนจากสำนักหลิงเยว่ได้ในทันที เขาจึงยิ้มและพูดออกมาด้วยความมั่นใจ
“แล้วพวกคุณสามารถลงมือได้เมื่อไหร่!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เราสามารถทำอะไรก็ได้ตลอดเวลาเพราะนี่คืออาณาเขตและถิ่นของพวกเรา เราสามารถจัดการโจมตีพวกเขาได้ทุกเมื่อ!” ชามาลา หัวเราะและพูดออกมาเสียงดังอย่างไม่หวาดกลัวอะไรทั้งสิ้น
………
จบบท