I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด - ตอนที่ 243
ตอนที่ 243 น่าผิดหวังอย่างมาก
แม้ว่าแอนนี่ตัวเอกของเรื่องจะทํางานในบัลติมอร์ทว่านอกจากซันทาวเวอร์และพื้นที่อื่นๆในบัลติมอร์ที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยแล้ว ฉากของแอนส่วนใหญ่ก็จะถ่ายอยู่ในนิวยอร์กแมนฮัตตัน
ที่เอริคทําเช่นนี้ก็เพื่อที่จะเตรียมงานของเรื่อง (Home alone 2) ไปพร้อมๆกัน ซึ่งฉากส่วนใหญ่ของ (Home alone 2) ก็จะถ่ายอยู่ใกล้กับแมนฮัตตันเซ็นทรัลพาร์ค
ณ ห้องคอนโดที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เอริคตะโกน NG (no good ไม่ผ่าน)อีกครั้งก่อนที่เขาจะพูดกับหญิงสาวผมขาวในวัยสามสิบว่า “คุณโรซี่ ตอนที่คุณพูดถึงอดีตสามีในเรื่องคุณจะต้องใส่อารมณ์ให้มากกว่านี้ จําไว้นะ ว่าตอนที่คุณกําลังพูดถึงคนๆนั้น ภายในใจของคุณจะต้องเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ทั้งหมดเป็นความผิดของอดีตสามีของคุณและคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ “
โรซี่ โอดาโนลผู้ที่เล่นเป็นเพื่อนร่วมห้องของแอนยักไหล่ก่อนจะตอบว่า “ฉันรู้ค่ะผู้กํากับ ฉันอาจจะไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกเหล่านี้ อาจจะต้องลองอีกสักหน่อย”
แม้ว่าหลังจากที่เดินทางมาถึงนิวยอร์กแล้ว แต่เป็นเพราะว่าฉากที่ต้องถ่ายนั้นมีความวุ่นวายมากกว่าซีแอตเทิล จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดปัญหาเช่นนี้ แต่จนถึงตอนนี้ความคืบหน้าของการถ่ายทํายังคงสอดคล้องกับสิ่งที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงทําให้เอริคไม่ได้รีบร้อนเท่าไหร่นัก เมื่อเขาได้ยินโรซี่ตอบกลับมาเช่นนั้น เขาก็ยิ้มกับคนอื่นๆก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ผมเชื่อว่าลองอีกสักพักคุณคงจะเข้าถึงความรู้สึกของตัวละครนี้”
โรซี่พยักหน้า ก่อนที่เอริคจะเริ่มถ่ายทําอีกครั้ง
การถ่ายทํากลุ่มนี้ใช้เวลาค่อนข้างยาวนานเนื่องจากว่าพวกเขาต้องการความเนี้ยบของบทแอนนี่และโรซี่เป็นอย่างมาก ซึ่งทําให้พวกหล่อนถูกเอริคสั่ง NG ไปหลายครั้ง ทว่าจนถึงตอนนี้บทที่พวกหล่อนแสดงก็ยังไม่ผ่านอยู่เช่นเดิม
เสียงของแคลปบอร์ดดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่โรซี่ที่รับบทเป็นเบ็กกี้จะเริ่มพูดบทของตนเองอีกครั้ง ตอนที่พวกหล่อนแสดงเป็นตอนที่หล่อนกําลังพูดบทของตัวละครชายหญิงในเรื่อง (An Affair to Remember) เพื่อให้แอนเขียนจดหมายออกมาฉบับหนึ่ง
แอนนี่ใช้เครื่องพิมพ์ดีดพิมพ์ตามก่อนที่จะพบว่าตนเองแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว เพราะจู่ๆหล่อนก็นึกถึงเรื่องของตนเองและชายที่อยู่ในเรื่อง (An Affair to Remember) ที่พบกันชั้นบนสุดของตึกเอมไพร์สเตตในวันวาเลนไทน์ขึ้นมา ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่หล่อนมีนัดวันสําคัญกับวอลเตอร์คู่หมั้นของหล่อน
แอนนี่ยกมือขึ้นขยี้ศีรษะของตนเองก่อนที่จะโยนจดหมายที่หล่อนพิมพ์ไว้ก่อนหน้านี้ออกไป
เบ็คกี้หยิบกระดาษที่ถูกโยนลงโซฟาขึ้นมาดูก่อนที่จะคิดอะไรขึ้นมาบางอย่าง ทันใดนั้นใบหน้าของหล่อนก็เต็มไปด้วยความโกรธก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “เป็นเพราะโชคชะตาที่เลวร้าย ฉันกับมาร์ตินถึงได้แต่งงานกันแถมยังซื้อบ้านพร้อมกับต้นไม้ที่ตายแล้วอีก เป็นเพราะโชคไม่ดีในตอนนั้นถึงทําให้ฉันต้องหย่ากับเขา จนทําให้ฉันเจอได้กับริค “
เบ็คกี้กล่าวออกมาโดยไม่ได้นึกถึงเรื่องของตนเองทว่ากลับแสดงสีหน้าที่เกลียดชังออกมา เอริคที่นั่งอยู่หลังจอมอนิเตอร์พยักหน้าเล็กน้อย ทว่าเขาก็ยังรู้สึกว่าท่าทางของโรซี่ยังเกินจริงไปหน่อยแต่ถึงแม้ว่าการแสดงที่ยังไม่สมจริงริชาร์ดก็ไม่ได้ตะโกนสั่งคัตแต่ยังให้นักแสดงทั้งสองคนต่อบทกันต่อไป
แอนนี่ถือถ้วยป๊อปคอร์นมาพร้อมกับมานั่งข้างๆเบ็คกี้ เมื่อได้ยินถึงความโกรธเคืองที่เพื่อนของหล่อนมีหล่อนก็ถามขึ้นมาด้วยน้ําเสียงที่สนใจเป็นอย่างมากว่า “เดี๋ยวนะ เธอไม่เคยบอกฉันว่าเธอหย่ากับเขาเพราะต้นไม้ต้นนั้น”
“เป็นเพราะคนสวน” เบ็คกี้หลุดพูดออกมา
แอนนี่ถามต่อว่า “เธอหลงรักคนสวนงั้นหรอ?”
หลังจากที่เบ็คกี้พูดคํานั้นออกไปหล่อนก็เกิดอาการตื่นตระหนกก่อนที่จะรีบพูดขึ้นว่า “ฉันไม่ได้บอกว่าฉันรักเขา ฉันบอกเธอแบบนั้นหรอ ?” เบ็คกี้ถามกลับไปก่อนที่จะรีบเปลี่ยนบทสนทนาด้วยการหันเหความสนใจไปยังหนังเรื่อง (An Affair to Remember) ที่อยู่ในโทรทัศน์ทันที
แอนนี่และเบ็คกี้นั่งดูพร้อมกับพูดพล็อตตัวละครชายหญิงในโทรทัศน์ เมื่อถึงฉากที่ประทับใจพวกหล่อนก็ร้องออกมาโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของตนเอง ทว่าการแสดงของพวกเขากลับดูเกินจริงไปมาก จนทําให้คนดูไม่รู้สึกถึงความโศกเศร้าหรือความประทับใจแต่เป็นความตลกขบขันที่ได้เห็นใบหน้าของพวกหล่อนเสียมากกว่า
พรวด
เอริคได้ยินเสียงหัวเราะสั้นๆจากรอบตัวเขา จึงทําให้ดวงตาของเขาที่จ้องไปยังมอนิเตอร์หันไปทางต้นเสียงในทันที สายตาของเขาทําให้คนที่เปล่งเสียงหัวเราะออกมาเกิดอาการราวกับถูกไฟดูดจนทําให้เขาต้องรีบกล่าวขอโทษขอโพยเอริคในทันที
ก่อนหน้านี้เอริคคิดว่าช่วงที่ถ่ายทํานี้สามารถนําไปตัดต่อเป็นเบื้องหลังของฉากผู้หญิงสองคนนี้ได้ ทว่าเสียงหัวเราะที่เกิดขึ้นกลับทําลายงานของเขาไปในทันที
หลังจากที่เขาตะโกนสั่งคัทแล้ว เอริคก็ตบหน้าผากตนเองก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “เอาหล่ะ ฉันรู้ว่าผู้หญิงสองคนนี้ร้องไห้ราวกับจะเป็นจะตายให้กับหนังรักที่พวกเธอดจนทําให้มันน่าหัวเราะ แต่จําไว้ด้วยว่าพวกคุณกําลังทํางานกันอยู่ หากใครคิดว่าทนไม่ได้ก็ออกไป ถ้าเกิดแทรกขึ้นมาจนทําให้เกิดความวุ่นวายอีกถึงคุณจะบอกว่า ไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมจะไม่ปราณีแน่ๆ เอาล่ะทุกคนเตรียมตัวเริ่มใหม่อีกครั้ง! “
หลังจากที่ถ่ายไปหลายเทคในที่สุดก็ผ่านไปได้ด้วยดี เมื่อมองเวลาก็เป็นเวลาเที่ยงตรงพอดี
หลังจากที่เอริคสั่งพักกอง พร้อมกับเตรียมตัวจะไปทานข้าว เอลิซาเบธก็เดินเข้ามาด้านใน
“เอริค โดนัล เทพูแลนมารอนานอยู่ด้านนอกสองชั่วโมงแล้ว แต่เพราะนายยังถ่ายทําอยู่ ฉันเลยไม่ได้เข้ามาบอกนาย นายจะไปพบเขาก่อนไหม ? “
เอลิซาเบธอธิบายออกมาว่า “ไม่ได้สนิทหรอกแต่ก็รู้จัก เขาเป็นคนที่ทําเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในนิวยอร์กหน่ะ การสร้างอาคารก็ตั้งชื่อตามเขาทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา ถือว่าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมคนนึงเลย ก่อนหน้านี้ฉันเคยเจอเขาที่งานเลี้ยงอยู่หลายครั้ง “
เอริคได้ยินสิ่งที่เอลิซาเบธเล่าให้ฟังความทรงจําเกี่ยวกับโดนัลบางส่วนที่อยู่ในสมองของเขาก็ผุดขึ้นมา แม้ว่ามันจะมีไม่มากทว่าโดนัลก็เคยได้ออกรายการวาไรตี้หลายรายการในฐานะคนนอกฮอลลิวูดที่เคยทิ้งชื่อเสียงไว้ในรายการ Avenue of Stars
ในเวลาเดียวกันเขาก็นึกถึงลูกสาวคนสวยของเขาที่มีชื่อว่า อิวานก้า เทพูแลน ในตอนที่เขาอยู่ร่างเก่าเขาเคยได้เห็นข่าวบนโลกอินเตอร์ ที่มักจะถูกกล่าวถึงในฐานะของหญิงสาวผู้มีความมั่งคั่งที่ยังไม่ได้แต่งงานสิบอันดับแรกของโลก ในตอนนั้นหล่อนมีความมั่งคั่งอยู่ที่สองพันล้านเหรียญ เอริคเคยเห็นภาพของอิวานก้าในอินเตอร์เน็ตและหล่อนก็ถือว่ามีความงามอย่างมาก ใบหน้าของหล่อนมีรูปร่างหน้าตาที่มีความละม้ายคล้ายคลึงกับตาปิงปิงที่อยู่ในวงการบันเทิงในยุคก่อนของเขาเป็นอย่างมาก
แม้ว่าเขาจะนึกถึงชื่อเสียงของสองคนนี้ ที่คนหนึ่งเป็นคนที่ทําเกี่ยวภาพยนตร์ในขณะที่อีกคนทําเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ทว่านั่นก็ไม่ได้ทําให้เอริคสนใจคนเหล่านี้เท่าไหร่นัก เขาจึงเอ่ยปากถามออกมาว่า “ฉันไม่รู้จักกับโดนัล เขามาหาฉันทําไม? “
เอลิซาเบธยักไหล่ก่อนจะตอบว่า “จะไปรู้ได้ยังไงกัน ฉันก็แค่มาบอกนายแค่นั้นแหละ ถ้านายไม่อยากจะไปพบเขา ฉันจะได้ไปบอกกับเขาว่านายไม่ว่าง”
เอริคมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะพูดขึ้นว่า “เขาอุตส่ารอฉันมาตั้งสองชั่วโมงแล้ว ไปเจอสักหน่อยก็ได้อีกอย่างตอนนี้ก็เป็นเวลาพักเที่ยงด้วย”
“งั้นก็ตามฉันมา” เอลิซาเบธพูดก่อนที่จะนําเอริคไปด้านนอกทันที
ทันทีที่เขาออกมาก็เห็นชายวัยกลางคนที่มีอายุราวๆ 40 ปี ที่สวมใส่เสื้อโค้ทขนสัตว์สีเทา
“สวัสดี คุณวิลเลียม ” เมื่อเห็นเอริคชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ในรถคันหรูก่อนหน้านี้ก็รีบออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะยื่นมือออกไปจับมือกับเอริคเพื่อเป็นการทักทาย
เอริคเกิดอาการงุนงงกับแสดงท่างของคนตรงหน้าทว่าเขาก็ยังคงยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “สวัสดี คุณเทพูแลน ไม่ทราบว่าคุณมีเรื่องอะไรรึเปล่า ถึงมาหาผมที่นี่ ? “
โดนัลทําท่าทางราวกับจะขอบคุณเอริคที่เปิดประเด็นถามขึ้นมา เขายิ้มก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ผมคิดว่าใกลถึงเวลาเที่ยงแล้วคุณคงจะออกมาทานอาหารเที่ยง จึงรบกวนให้คุณมอร์ด็อคไปบอกกับคุณ คุณเอริคคงไม่รังเกียจนะ หากผมจะเรียกคุณแบบนี้ แถวนี้มีร้านอาหารรสชาติดีอยู่ร้านนึง ผมจองที่นั่งเอาไว้แล้ว ขอเลี้ยงมื้อเที่ยงคุณสักมื้อได้ไหม ? “
เอริคไม่ได้สนใจว่าฝ่ายตรงข้ามจะเรียกเขาว่าอะไรเขาจึงพยักหน้าตอบรับ ทว่าเขาก็รีบส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวปฏิเสธออกไปว่า “คุณเทพูแลน ผมมีเวลาแค่ชั่วโมงเดียว ผมเกรงว่า….”
“ผมรับรอง ว่าจะไม่ทําให้กระทบกับเวลางานของคุณอย่างแน่นอน ร้านอาหารอยู่ตรงข้ามนี้เอง ” โดนัลชี้ออกไปยังร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลออกไป
เมื่อเห็นท่าทางที่กระตือรือร้นของโดนัล เอริคก็ไม่รู้ว่าควรจะปฏิเสธฝ่ายตรงข้ามอย่างไร เขาจึงหันกลับไปหาเอลิซาเบธเพื่อให้หญิงสาวช่วยพูดให้ ทว่าดูเหมือนว่าโดนัลจะเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป เขาก็รีบเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณมอร์ล็อคก็ไปด้วยกันได้นะ “
ก่อนหน้านี้ที่จะช่วยหาเหตุผลปฏิเสธให้กับเอริค ทว่าหล่อนกลับโดนโยงให้เข้าไปร่วมอาหารเที่ยงด้วยจึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไม่ต้องหรอกค่ะคุณเทพูแลน พอดีฉันมีเรื่องที่ต้องทําต่อหน่ะค่ะ”
“น่าเสียดายจังเลยนะ ” เทพูแลนส่ายหน้าก่อนที่จะหันไปเปิดประตูรถพร้อมกับพูดกับเอริคด้วยน้ําเสียงที่กระตือรือร้นว่า “คุณเอริคพวกเราไปกันเถอะ “
ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไป’ เอริคคิดขึ้นมาในใจ ทว่าเมื่อเห็นท่าทางของฝ่ายตรงข้ามแล้วเขาก็รู้สึกไม่ดีที่จะกล่าวปฏิเสธออกไปจึงทําได้เพียงขึ้นไปนั่งบนรถในทันที โดนัลขึ้นรถตามไปก่อนที่จะให้คนขับออกรถไปในทันที
เมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงร้านอาหารแล้ว เอริคและโดนัลก็เดินตามบริกรไปยังจุดที่เงียบสงบของร้าน
หลังจากที่ทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะแล้ว โดนัลก็รีบสั่งอาหารในทันที เมื่อบริกรเดินออกจากโต๊ะพวกเขาไปแล้ว โดนัลก็ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะมองไปยังเอริคที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาในเวลานี้
แต่เดิมทั้งสองคนดูเหมือนว่าจะไม่สามารถที่จะเข้ากันได้ ทว่าเป็นเพราะโดนัลมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องการจะคุยกับเอริคจึงทําให้เขาต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเอริคอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในฐานะของนักอสังหาริมทรัพย์ทําให้เขาต้องทํางานอย่างหนักตั้งแต่ปี 1970 การทําเช่นนี้เป็นทางเดียวที่จะทําให้เขาสามารถช่วยเหลือคนรุ่นก่อนหน้าของเขาได้ ช่วงเวลาสิบปีที่ผ่านมาจึงทําให้โดนัลมีมูลค่าทรัพย์สินสูงถึง 1.7 พันล้านดอลลาร์
ทว่าจากปี 1987 ที่เกิดการล่มสลายของตลาดหุ้นสหรัฐจึงส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์จนทําให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ําครั้งใหญ่ในเวลาต่อมา