I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด - ตอนที่ 244
ตอนที่ 244 ว่างมากนะ
ภายใต้อิทธิพลของภาวะเศรษฐกิจตกต่ําครั้งใหญ่ครั้งนี้จึงทําให้ทรัพย์สินของโดนัลลดต่ําลงอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาเพียงสองปีทรัพย์สินของโดนัลที่เคยมีมูลค่าสูงสุดอยู่ที่1.7 พันล้านดอลลาร์ ลดลงเหลือเพียงแค่ 500 ล้านดอลล่าร์เท่านั้น
หากเป็นแค่เรื่องนี้ก็คงจะไม่เป็นไรเพราะท้ายที่สุดแล้ว มูลค่าทางตลาดของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จํานวนหลายแห่งก็หดตัวลงอย่างมากเช่นเดียวกัน
ทว่าก่อนที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ําครั้งใหญ่ โดนัลที่กําลังถึงจุดสูงสุดของธุรกิจของเขาซึ่งทําให้เขาต้องกระตือรือร้นเป็นอย่างมากเพื่อให้กระจายการขายของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของเขาให้ยิ่งใหญ่มากยิ่งขึ้น ซึ่งนั่นทําให้เขาเป็นหนี้หลายร้อยล้านดอลลาร์จากการกู้ยืมจากธนาคารใหญ่และสถาบันการเงิน หลังจากที่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ําครั้งยิ่งใหญ่เป็นเพราะการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง จึงทําให้ห่วงโซ่ทุนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของเขาเริ่มที่จะถดถอยลงและพร้อมที่จะล้มละลายได้ตลอดเวลา
แม้ว่าเขาจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวของเขารวมถึงคอนเนคชั่นต่างๆที่เขามีเพื่อต่อรองให้ธนาคารหลายแห่งช่วยระงับอัตราดอกเบี้ยที่เขาต้องชําระที่สูงเหล่านั้น ทว่ามันก็ทําให้เขาก็ไม่สามารถยืมเงินจากสถาบันใดๆได้อีกต่อไป และเมื่อไม่มีเงินบริษัทของเขาก็ไม่สามารถที่จะดําเนินการได้เหมือนเดิม
หลังจากอ่านบทความอย่างระมัดระวังหลายต่อหลายครั้ง โดนัลก็เปลี่ยนใจในทันที เพราะแม้แต่บริษัทในกลุ่มขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดเป็นหมื่นล้านดอลลาร์ก็ไม่น่าจะมีเงินสดถึง 200 ล้านดอลลาร์ หากเขาได้รับเงินจาก Firefly ถึงแม้จะได้เพียงครึ่งหนึ่งจากที่เขาต้องการมันก็เพียงพอที่จะทําให้เขาผ่านวิกฤติการล้มละลายในครั้งนี้ได้สําเร็จ
โดนัลมีจุดเด่นอย่างหนึ่งที่นักลงทุนทุกคนจะต้องมีนั่นก็คือการคว้าทุกโอกาสที่พวกเขาสามารถจะไขว่คว้าได้ เขาไม่ได้คิดว่าโอกาสที่จะประสบความสําเร็จนั้นมีเท่าไหร่ ขอเพียงแค่ได้ลองทําสุดท้ายแล้วมันก็มีความเป็นไปได้ทั้งประสบความสําเร็จและความล้มเหลว ถ้าหากเขาไม่คิดที่จะลองผลลัพธ์ที่รอเขาก็มีอยู่แค่ทางเดียว คือความล้มเหลว
หลังจากที่โดนัลตัดสินใจแล้วเขาก็รีบหาบริษัทนักสืบทันที พร้อมกับรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเอริคอย่างละเอียด ซึ่งจากการที่เขาได้สํารวจและดูข้อมูลที่ได้รับมาทําให้เขารู้ว่าเอริคได้สตูดิโอพิกซาร์ของจอปส์แล้ว
สตูดิโอของพิกซาร์นั้นถือเป็นปัญหาของจอปส์ เพราะตั้งแต่ที่เขาซื้อมันมาก็ทําให้เขาต้องขาดทุนมาโดยตลอด อีกทั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมามันก็ถูกซื้อโดยเอริคซึ่งมีราคาอยู่ที่ 20ล้านดอลลาร์ ภายในข้อมูลที่เขาได้รับมานั้น ทําให้เขารู้ว่าพิกซาร์ได้ขาดทุนไปถึง 10ล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้ และจากข้อมูลที่เห็นทําให้โดนัลเห็นว่าการประเมินซื้อกิจการของเอริคอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ํามาก จนทําให้เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคําๆนึงขึ้นมาในหัวของเขา โง่เขลา
ทว่านี่คือสิ่งที่โดนัลต้องการที่จะเห็น เขารู้สึกว่าวัยรุ่นคนนี้มีความสามารถพิเศษเกี่ยวกับด้านภาพยนตร์ ทว่าเขากลับไม่ได้มีความเฉลียวฉลาดในด้านของธุรกิจเลย ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ดีสําหรับเขา
ก่อนหน้านี้โดนัลได้วางแผนที่จะไปซีแอตเทิลเป็นการส่วนตัว ทว่าหลังจากที่เขารู้ว่าเอริคจะนํากองถ่ายของเขามายังนิวยอร์กจึงทําให้เขาเปลี่ยนใจมาที่นี่
เป็นเพราะช่วงเวลาสั้นๆจึงทําให้เขาไม่สามารถที่จะติดต่อคนกลางเพื่อติดต่อกับเอริคได้ อีกทั้งเอริคเองก็ค่อนข้างที่จะยุ่งกับการถ่ายทําภาพยนตร์ของเขา และเป็นเพราะเขาเองก็ไม่ได้เป็นคนที่เข้าสังคมมากมายเท่าไหร่นัก จึงทําให้โดนัลต้องมาหาเขาถึงที่ ก่อนหน้านี้เขาเคยวิเคราะห์เกี่ยวกับเอริคมาก่อน และเขาก็เห็นว่าภายในตัวของเด็กหนุ่มคนนี้เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและความทะนงตน และเพื่อที่จะตอบสนองกับบุคลิคและนิสัยของเอริค โดนัลจึงเตรียมตัวและมารอเขาล่วงหน้าสองชั่วโมงอีกทั้งยังบอกให้กับคนในกองทราบด้วย
ในเวลานี้เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าของเขามีอายุแค่ 19 ปีเท่านั้น แม้ว่าคางของเขาจะมีหนวดบางๆ ทว่ามันก็ไม่ได้ทําให้เขาดูมีอายุขึ้นเลย โดนัลเห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาขึ้นมาภายในใจ
จากการประมาณการของสถาบันการลงทุนเกี่ยวกับมูลค่าตลาดของ Firefly หลังจากที่ได้ร่วมมือกับ New line Cinema แล้วมีมูลค่าสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หากยึดการแบ่งของหุ้นแล้ว มูลค่าของชายหนุ่มตรงหน้าของเขาในเวลานี้มีค่าสูงกว่าเขาถึงสองเท่า อีกทั้งยังใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งปีสําหรับความสําเร็จของเขาในครั้งนี้
โดนัลจัดเรียงคําพูดที่เขาเตรียมมาก่อนหน้านี้ภายในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว ทว่าก่อนที่เขาจะเอ่ยปากพูด เอริคก็แทรกขึ้นมา
“คุณโดนัลเป็นแฟนภาพยนตร์ของผมเหรอ ? “
โดนัลได้ฟังเช่นนั้นเขาก็พยักหน้ารับออกไปโดยไม่รู้ตัว ทว่าเขาก็รีบพูดออกมาว่า “ไม่ ไม่ใช่ แต่ผมชอบหนังภายนตร์เรื่อง (Running out of Time) ของคุณมากเลย รอให้ออกเทปขายผมจะต้องไปซื้อกลับมาเก็บไว้แน่ๆ “
“อ้อ ขอบคุณ ” เอริคพยักหน้ารับอย่างสุภาพโดยไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น ก่อนที่จะมองไปยังบริกรที่นําอาหารเที่ยงของเขามาเสริฟ พร้อมกับรินไวน์ให้กับพวกเขาอย่างคล่องแคล่วและประณีต แม้ว่าสายตาของเขาจะจับมองไปที่การบริการของบริกรทว่าภายในสมองของเขาก็ยังคงคิดอยู่ตลอดเวลาเกี่ยวกับโดนัล เพราะเขาคิดว่าโดนัลคงไม่มาหาเขาโดยไม่มีเหตุผล ทว่าในเวลานี้เขาก็ยังไม่สามารถเดาได้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้าของเขาต้องการอะไรจากเขากันแน่
คงไม่ได้คิดอยากจะมาเล่นเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์ของเขาหรอกนะ ?
เมื่อนึกถึงอดีตเขาก็นึกขึ้นได้ว่าโดนัลนั้นชอบที่จะเข้าสู่วงการบันเทิง ซึ่งนั่นทําให้เอริคอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่เขาคิดในตอนนี้อาจจะมีความเป็นไปได้ ทว่าสําหรับเรื่อง (Sleepless in Seattle} นั้นดูเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสสําหรับเขา หรือว่าเขาอยากจะมาเป็นแขกรักเชิญในเรื่อง (Home alone2} ?
เอริคพยายามที่จะลืมความคิดที่อยู่ในหัวของเขา ทว่าทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นเขาก็สบตาเข้ากับโดนัลที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาพอดี
อะไรกันวะเนี่ย !
เอริคหลุดอุทานออกมาภายในใจ….. มันคงจะไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกมั้ง ?
เป็นเพราะเมื่อครู่ขณะที่เขากําลังเดาถึงความเป็นไปได้อยู่นั้น ความทรงจําเก่าๆของเขาเกี่ยวกับหนังเรื่อง (Home alone} ก็ผุดขึ้นมา เพราะในหนังเรื่องนี้โดนัลเป็นตัวประกอบที่อยู่ในเรื่องนี้จริงๆ!
ประมาณนาทีที่ 20 กว่าของหนังเรื่องนี้เป็นช่วงที่เควินเดินทางมานิวยอร์ค เมื่อเข้าพักที่พลาซ่าโฮเทลที่อยู่ใกล้กับเซนทรัลปาร์ค โดนัลก็ได้เข้ามาร่วมแสดงอยู่แว้บหนึ่งซึ่งตอนนั้นเขาเป็นคนที่ชี้ทางให้กับเควิน นอกจากนั้นแล้วเขายังมีบทพูดในหนังเรื่องนั้นรวมถึงได้ออกหน้ากล้องอีกด้วย
ก่อนหน้านี้เอริคเองรู้ว่ามีตัวละครที่เด็กชายจะต้องเข้าไปถามทาง ทว่าก่อนหน้านี้เขาค่อนข้างที่จะยุ่งนอกจากตัวแสดงหลักของเรื่อง (Home alone} แล้ว ตัวประกอบตัวอื่นๆเขาก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก เขาจึงมอบให้กับผู้กํากับเป็นคนคัดเลือกนักแสดงแทน
อีกทั้งบทตัวละครเสริมเล็กๆอย่างที่โดนัลเคยได้แสดงนั้นก็ไม่ได้เป็นตัวละครที่จําเป็นหรือตายตัวอะไร จึงทําให้เขาสามารถที่จะหานักแสดงตรงหน้างานได้อย่างสบาย หรือบางทีเขาอาจจะเลือกคนในกองถ่ายมาเป็นนักแสดงก็ได้เช่นกัน
ดังนั้นจึงทําให้เอริคไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้มาก่อน หากไม่ใช่เพราะโดนัลมานั่งอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็คงจะไม่ได้นึกถึงชายคนนี้อย่างแน่นอน
ถึงเวลานี้เอริคก็ยังไม่คิดว่าบทตัวละครเสริมตัวนี้ที่ไม่มีชื่ออีกทั้งยังมีบทพูดแค่บทเดียวเป็นสิ่งที่ทําให้โดนัล สนใจที่จะมาพบเขาได้ แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงๆเขาก็คงจะพูดได้คําเดียวว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในนิวยอร์กคนนี้คงจะว่างมาก…..