I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด - ตอนที่ 242
ตอนที่ 242 เสรีภาพที่แท้จริง
หลังจากที่มีช่วงเวลาพักผ่อนครึ่งวัน ในวันที่สองกองถ่ายก็ได้เหมาเครื่องบินเพื่อที่จะบินไปนิวยอร์กในทันที ในครั้งนี้ยังคงเป็นเจฟฟ์ที่นําคนมารับกองถ่ายที่สนามบิน ซึ่งหนึ่งในกลุ่มที่มาเป็นทีมงานของ Firefly ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบการเตรียมการเบื้องต้นของหนังเรื่อง (Sleepless in Seatle) และ (Home Alone2 : Lost in New York)
ในช่วงที่มายังซีแอตเทิลนั้น ฉากส่วนใหญ่ที่ถ่ายทําก็จะเป็นฉากของโยนาห์และลูกชายของเขา
ทว่าสําหรับการถ่ายทําที่นิวยอร์กนั้นค่อนข้างที่จะยุ่งยากกว่าที่ซีแอตเทิล เพราะบทในนิวยอร์กของหนังเรื่อง (Sleepless in Seattle) ไม่ได้มีเพียงแต่ฉากของครอบครัวแอนเท่านั้น แต่ยังมีฉากของเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงานของแอนด้วย
เอริครู้สึกว่าการออกแบบพล็อตแบบนี้อาจจะทําให้บทของวอลเตอร์ที่เป็นแฟนหนุ่มของแอนน้อยลง เช่นเดียวกับฉากของแม็กกี้ที่เป็นภรรยาของแซมที่ปรากฏตัวออกมาเพียงไม่กี่ฉากเท่านั้น
แม้ว่าบทของแซมและแอนจะเป็นเรื่องราวความรักที่โรแมนติกมาก
ทว่าสําหรับบทวอลเตอร์ซึ่งเป็นคู่หมั้นของแอนนั้น ในวันนัดเดตในช่วงวันวาเลนไทน์เป็นเพราะเหตุผลบางอย่างที่ “ไม่สามารถอธิบายได้” จึงทําให้กลายเป็นความทรงจําที่น่าเศร้า
เอริคจําได้ว่าในตอนที่เขายังอยู่ร่างเดิมเขาเคยดูบทวิจารย์ของหนังเรื่องนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะวิจารย์เกี่ยวกับความไม่ซื่อสัตย์ของแอนและความเห็นอกเห็นใจที่มีต่อวอลเตอร์ ทว่าอย่างไรก็ตามในประเทศที่อัตราการหย่าร้างสูงถึง 50% ดูเหมือนว่าผู้คนจะไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้เท่าไหร่นัก และไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมืองหรือความรัก คนในประเทศนี้ต่างก็สนใจเพียงแค่ : อิสรภาพ
เอริคไม่รู้ว่าเคยเห็นคํานี้มาจากที่ใด ทว่าที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอิสระภาพที่แท้จริง ไม่เพียงแต่อยากทําอะไรก็สามารถทําได้เท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันหากพวกเขาไม่อยากจะทําอะไรก็สามารถที่จะไม่ทําได้เช่นกัน
แม้ว่าภายในคํานี้จะมีบางอย่างที่น่าสงสัย ทว่าเมื่อวางไว้บนตัวละครของแอนที่อยู่ในหนังเรื่อง (Sleepless in Seattle) แล้ว ดูเหมือนว่ามันจะเหมาะสมกับคํานี้เป็นอย่างมาก เพราะในเรื่องแม้ว่าจะมีคู่หมั้นกันแล้วทว่า เมื่อหล่อนพบว่าวอลเตอร์ไม่ใช่ผู้ชายที่จะเป็นคู่ชีวิตของหล่อนที่แท้จริง หล่อนก็มีเลือกที่จะปฏิเสธอีกฝ่ายอย่างไม่อ้อมค้อม
“เรื่องของตึกเอมไพร์สเตตกับเปโตรนาสทาวเวอร์ไปถึงไหนแล้ว ? ” หลังจากที่ลงจากเครื่องและขึ้นมานั่งรถคันเดียวกับเจฟฟ์ เอริคก็ถามขึ้นเกี่ยวกับเรื่องที่เขาให้ความสนใจสองเรื่องในเวลานี้
เรื่องทั้งสองเรื่องนี้เกี่ยวกับ (Sleepless in Seattle) และ (Home Alone2 : Lost in New York) เพราะ ตัวละครโจนาห์และเควินจะถ่ายทําในอาคารที่สูงที่สุดสองแห่งภายในนิวยอร์กนี้ อีกทั้งตอนที่เริ่มถ่ายเรื่อง (Sleepless in Seattle) ก็ยังไม่มีการสรุปเรื่องนี้ให้ชัดเจน
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” เจฟฟี่มองไปที่เอริคด้วยสายตาที่มั่นใจก่อนที่จะพูดต่อว่า “แต่ว่าทั้งสองที่นี้ไม่ได้มีเวลามากเท่าไหร่นักเพราะเขามีเวลาจํากัดในการถ่ายทําบนนั้น “
“ไม่เป็นไร เพราะยังไงก็ไม่ได้มากขนาดนั้น ที่สําคัญคือตึกเอมไพร์สเตต ส่วนจุดบนของเปโตรนาสทาวเวอร์ใช้เครื่องถ่ายทางอากาศถ่ายก็พอแล้ว” เอริคพยักหน้ากับสิ่งที่ได้พร้อมกับกล่าวขึ้น
หลังจากที่เห็นเอริคพยักหน้ารับแล้วเจฟฟี่ก็กล่าวขึ้นมาอีกว่า “ยังมีอีกเรื่องนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องของหิมะ ฉันไปปรึกษาแผนกอุตุนิยมวิทยาโดยละเอียดแล้วนะ ที่นิวยอร์กจะมีหิมะตกเร็วที่สุดคือเดือนพฤศจิกายน อาจจะเป็นสัปดาห์แรกของเดือน แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะตอนนี้ยังอยู่ในเดือนกันยายนจึงไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าที่แน่นอนได้ บางทีถ้าเราโชคดีหิมะก็อาจจะตกในช่วงสิ้นเดือนตุลาคม แต่ในความโชคดีก็อาจจะมีความโชคร้ายด้วยเช่นกันเพราะฉะนั้นนายก็อาจจะต้องเตรียมใจเอาไว้หน่อย”
เอริคพยักหน้ารับ “ไม่เป็นไรหรอก นายก็ให้คนเตรียมหิมะเทียมขึ้นมาก็แล้วกัน ฉันจะพยายามเอาฉากกลางแจ้งของหนังเรื่อง (Home alone) ไปถ่ายทําตอนท้ายสุด แต่ว่ายังไงก็ไม่สามารถที่จะลากเวลาออกไปได้นานไปกว่านี้แล้ว ดังนั้นฉันคิดว่ามีความเป็นไปได้ถึง 90% ที่จะต้องใช้หิมะเทียม”
“ฉันได้ทําการประเมินตามสคริปต์ของนายแล้ว ถึงแม้ว่าฉากมันจะไม่ได้เป็นจุดเด่นเท่าไหร่ แต่ว่าการสร้างหิมะเทียมก็จําเป็นที่จะต้องทําออกมาให้เหมือนจริงที่สุดเพื่อให้คนดูเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และจากที่ฉันคํานวนไว้ก่อนหน้านี้อาจจะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายประมาณ 1.5ล้านเหรียญ “
เอริคได้ยินเสียงของเจฟฟ์ที่กล่าวถึงเรื่องราคาออกมาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาจึงตบบ่าของเจฟฟี่ แม้ว่า Firefly ในตอนนี้จะมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเจฟฟี่ยังคงเป็นคนที่รอบคอบในเรื่องของการคํานวน ราคาต่างๆเหมือนกับตอนแรกที่เขาพบกับเจฟฟี่ และนิสัยของเขาก็เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์ “เจฟฟ์ นี่ไม่เหมือนกับปีก่อนแล้วนะ ตอนที่ผลิตหนังเรื่อง (Home Alone) เรื่องแรกเมื่อปีที่แล้ว พวกเราจําเป็นต้องคํานวนค่าใช้จ่ายต่างๆอย่างละเอียดเพื่อที่จะประหยัดงบประมาณที่จะต้องเดินทางไปแคนาดาเพื่อถ่ายทํา แต่งบประมาณสําหรับภาพยนตร์ของเราเรื่องนี้มันสามารถยืดหยุ่นได้ ดังนั้นสิ่งไหนที่ควรจะจ่ายก็ต้องจ่ายไม่ต้องประหยัดเหมือนก่อนหน้านี้แล้วหล่ะ “
“ฉันรู้ แต่ฉันก็แค่คิดว่าถ้านายเปลี่ยนกําหนดการของหนังเรื่อง (Sleepless in Seattle} กับเรื่อง (Home Alone2 : Lost in New York) สักหน่อยบางที่นายก็อาจจะประหยัดไปได้ถึง 1.5ล้านเหรียญเลยนะ”
เอริคยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “ถ้าทําตามที่นายว่า เราอาจจะได้ฉากหิมะตกของจริงและสามารถที่จะประหยัดเงินไปได้ 1.5 ล้านเหรียญ แต่เป็นเพราะความล่าช้าเหล่านั้นที่ลากหนังไปจนถึงช่วงคริสมาสต์ เมื่อถึงเวลานั้นเราอาจจะต้องสูญเสียบ็อกซ์ออฟฟิศกว่าหลายสิบล้านไป นายเองก็น่าจะรู้นะ เพราะมันสามารถเห็นได้จากแนวโน้มบ็อกซ์ออฟฟิศของ Home alone}} ครั้งก่อน ซึ่งมันเหมาะอย่างยิ่งสําหรับการฉายภาพยนตร์เด็กในระยะยาว ดังนั้นเราต้องขยายกําหนดเวลาในช่วงเทศกาลให้มากที่สุด และอีกอย่างในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนเป็นฤดูสูงสุดของบ็อกซ์ออฟฟิศซึ่งใกล้กับช่วงคริสมาสต์”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นทําไมไม่เอาเรื่อง (Sleepless in Seattle } ในช่วงปลายเดือนด้วยหล่ะ ? ถ้าไม่อยากให้เป็นคู่แข่งกับหนังเรื่อง (Home Alone 2 ) ก็เพียงแค่เข้าฉายหลังจากเรื่องแรกไปหนึ่งอาทิตย์ฉันคิดว่ามันก็โอเคนะ” เจฟฟีถามขึ้นอีกครั้ง
“เพราะว่า (Sleepless in seattle} ไม่เพียงแต่ต้องการที่จะฉายในช่วงคริสมาสต์แต่ยังต้องการฉายในช่วงวาเลนไทน์เดือนกุมภาพันธ์ด้วยไง เพราะหนังเรื่องนี้เป็นหนังเกี่ยวกับความรัก หากเข้าฉายล่วงหน้าหนึ่งเดือน เมื่อถึงเดือนกุมภาพันธ์ ความนิยมของภาพยนตร์เรื่องนี้เกือบจะหมดแล้ว แต่ถ้าฉายในช่วงประมาณวันที่ 24 ธันวาคม ช่วงวาเลนไนท์มันก็สามารถที่จะทําให้บ็อกซ์ออฟฟิศของหนังรักเรื่องนี้กลับมาฟื้นตัวและเรียกเรตติ้งได้ อีกครั้ง นายก็รู้ว่าหนังของฉันที่สามารถเก็บเกี่ยวบ็อกซ์ออฟฟิศได้มากที่สุดก็คือช่วงเวลาที่มากกว่าแปดอาทิตย์ เหมือนกับหนังเรื่อง (Home Alone) ที่สามารถคว้าแชมป์บ็อกซ์ออฟฟิศมาได้ถึง 10 สัปดาห์ นอกจากเรื่องนี้ แล้วก็ยังมีเรื่อง (Pretty Woman) และเรื่อง (Running out of Time) ที่มีผลตอบรับออกมาคล้ายๆกันด้วย
เจฟฟ์ยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่รู้เลยจริงๆว่านายไปเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน ก่อนหน้านี้ฉันอยากจะคุยกับนายเกี่ยวกับเรื่องกําหนดการของหนังเรื่อง (The Others) ที่จะเข้าฉายในวันที่ 1 พฤศจิกายน เพราะฉันก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ เพราะช่วงฮัลโลวีนเหมาะสําหรับการเปิดตัวภาพยนตร์สยองขวัญ แต่นั่นเป็นหนังสยองขวัญเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีความทะเยอทะยานในบ็อกซ์ออฟฟิศเท่าไหร่นัก แต่สําหรับฉันถึงแม้จะเป็นแค่หนังฟอร์มเล็กที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรแต่เราก็ตั้งความหวังกับบ็อกซ์ออฟฟิศไว้สูงอยู่ดี แต่ฉันคิดว่าในตอนนี้ดูเหมือนว่า นายเองก็คงจะมีวิธีในใจของนายแล้ว”
เอริคพยักหน้าแต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้เจฟฟีฟังต่อจากนั้นและตัวเจฟฟี่เองก็ไม่ได้คิดอยากจะถามหาคําตอบเช่นกัน
จริงๆแล้ว ในตอนนี้เขาค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกับกําหนดการภาพยนตร์ของอเมริกาแล้ว ทว่าหลังจากนี้อีก 20 ปิดูเหมือนว่าทุกอย่างอาจจะไม่ได้ราบรื่นอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
แม้ว่าเอริคที่มาจากอีกยุค จะไม่ได้กํากับภาพยนตร์เรื่องนี้และไม่ได้ทําหน้าที่ในการฉายภาพยนตร์เหล่านั้น ทว่าในยุคของการระเบิดข้อมูลทําให้เขาที่ได้เห็นและได้ยินสิ่งต่างๆมากมาย จึงทําให้เขาเข้าใจได้ถึงกฎในการฉายภาพยนตร์เหล่านี้เป็นอย่างดี