Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 442.1
หลังจากเวลาผ่านไปราว 3 ปี เซซิเลียผู้งดงามเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตด้วยความสงบเสงี่ยมและใจเย็นมากขึ้น เธอละทิ้งความหยิ่งยโสและความดื้อด้านไปเล็กน้อย แต่สิ่งที่ยังคงอยู่เช่นเดิมคือความงดงาม และรูปลักษณ์ที่ให้ความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของเธอ
ในตอนนี้ หานซั่วเปิดใจให้เซซิเลียมากขึ้นกว่าก่อน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปู่ของเธอ ซาบาคัส ที่ถึงกับมาช่วยสร้างวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายในนครเบรทเทลให้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ยังเป็นเพราะทัศนคติที่เปลี่ยนไปของเธอ ที่ไม่จ้องจะดูถูกดูแคลนเขาตลอดเวลา ดังนั้น หานซั่วจึงไม่ไม่แสดงท่าทีกวนประสาทใส่เธอเมื่อเจอกันอีกครั้ง
“ข้าเก็บตัวฝึกฝนเสร็จแล้ว ก็เลยมาแวะทำธุระส่วนตัวที่นครทาริคนิดหน่อย ไม่ได้เจอกันนานเลย ท่านปู่ของเจ้าเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
หานซั่วถามเซซิเลีย อีกทั้งยังแสดงถึงเคารพที่มีต่อจอมขมังเวทย์ห้วงมิติศักดิ์สิทธิ์ซาบาคัส
เซซิเลียเผยรอยยิ้มเล็กน้อย เมื่อเธอได้ยินหานซั่วถามถึงปู่ของเธอ
“ขอบคุณที่เป็นห่วง ท่านปู่ของข้าสบายดี”
เธอมองไปรอบ ๆ และสังเกตว่าหานซั่วเดินทางมาคนเดียว จึงพูดต่อ
“มาสิ เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”
จากท่าทีของเซซิเลีย หานซั่วบอกได้ทันทีว่าเธอไม่ได้มีทัศนคติต่อต้านเขาอย่างเช่นที่เคยเป็นมาในอดีต ซึ่งถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดีมากทีเดียวในสายตาของหานซั่ว ด้วยสถานะและความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ หานซั่วก็ไม่รู้สึกเกรงกลัวเวลาเผชิญหน้ากับจอมขมังเวทย์ห้วงมิติศักดิ์สิทธิ์ซาบาคัสแม้แต่น้อย จึงไม่นับรวมเซซิเลีย ที่ขึ้นมาเป็นหนึ่งในสามผู้มีอิทธิพลได้โดยอาศัยอำนาจบารมีของพาซาบาคัส
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อทุกคนก็ต่างเป็นสมาชิกขององครักษ์ชุดดำ และทำงานรับใช้จักรวรรดิแลนซล็อต ยิ่งไปกว่านั้น ซาบาคัสเองยังแสดงความปรารถนาดีต่อหานซั่ว จึงจะดีกว่าหากหานซั่วกับเซซิเลียจะเข้ากันได้ดี และคงไม่มีประโยชน์อะไรหากทั้งคู่ต้องมาคอยขัดแย้งกันอยู่ตลอด
ดังนั้น เมื่อสังเกตว่าทัศนคติที่เซซิเลียมีต่อเขาได้เปลี่ยนแปลงไป เขาก็เดินตามหลังเธอไปด้วยความยินดี และเข้าไปด้านในของคฤหาสน์
เมื่อหานซั่วก้าวเข้าไปด้านใน เขารู้สึกราวกับว่าจู่ ๆ ท้องฟ้าและผืนดินก็เกิดปั่นป่วนขึ้นมา มิติความว่างเปล่าก็กลับตาลปัตรไปหมด แต่ทว่า เมื่อหานซั่วได้สติอีกครั้ง เขาก็พบว่าตนเองได้มาถึงสนามหญ้าแห่งหนึ่งที่ทั้งงดงามและสงบเงียบ นอกจากเซซิเลียแล้ว ยังมีสมาชิกองครักษ์ชุดดำอยู่ในสวนอีก 2-3 คน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นลูกน้องของเซซิเลีย พวกเขานั่งอยู่ที่ม้าหินทรงกลมและกำลังพูดคุยกันในเรื่องบางอย่าง
“ข้าขอแนะนำให้ทุกคนรู้จัก นี่คือไบรอัน สมาชิกสุริยันทมิฬระดับ 4 พวกเจ้าคงได้ยินชื่อของเขากันมาบ้างแล้ว”
เซซิเลียพูดกับสมาชิกขององครักษ์ชุดดำ ทันทีที่เธอเดินเข้าไป รอยยิ้มจาง ๆ ที่เคยอยู่บนใบหน้าของเธอเมื่อครู่อันตรธานหายไปในทันที และถูกแทนที่ด้วยใบหน้าเขร่งขรึมและน้ำเสียงของผู้ทรงอำนาจ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่สมาชิกองครักษ์ชุดดำคนอื่น ๆ จะเข้ามาทักทายเขา หานซั่วก็รู้สึกตกใจขึ้นมา และหันไปถามเซซิเลียด้วยความฉงน
“ข้ากลายเป็นสมาชิกสุริยันทมิฬระดับ 4 ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“คราวก่อน ระหว่างสงครามที่เกิดขึ้นในนครออซเซ็น เจ้าได้ช่วยองค์จักรพรรดิปราบปรามพวกกบฏ และยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังสามารถขับไล่ยอดฝีมือระดับศักดิ์สิทธิ์ไปได้ถึง 2 คน ความดีความชอบนี้ก็สมควรแล้วที่เจ้าจะได้เลื่อนขั้น โอ… จริงสิ เจ้าหายตัวไปตั้ง 3 ปีเพื่อฝึกฝนวิชานี่นา บางทีเจ้าก็เลยยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ก็ได้ ไว้เจ้าค่อยไปเลื่อนระดับเหรียญตราของเจ้าเมื่อกลับไปถึงศูนย์บัญชาการใหญ่ขององครักษ์ชุดดำก็ได้นะ”
เซซิเลียอธิบายอย่างจริงจัง และดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิด
สุริยันทมิฬระดับ 4! ในองค์กรขนาดใหญ่และมีอำนาจล้นเหลืออย่างองครักษ์ชุดดำ การเลื่อนขั้นแต่ละระดับนั้นเรียกได้ว่ายากเย็นแสนเข็ญอย่างที่สุด หานซั่วไม่เคยคาดคิดเลยว่าเขาจะสามารถเลื่อนระดับขึ้นมาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ และนี่ก็หมายความว่า เขาเป็นรองเพียงผู้ทรงอิทธิพลทั้ง 3 คนเท่านั้น
หานซั่วทำความเข้าใจกับเหตุผลที่เขาได้เลื่อนระดับขึ้นมาเป็นสมาชิกสุริยันทมิฬระดับ 4 ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่มาจากความสำเร็จของเขาในช่วงสงครามกลางเมือง และสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้น ก็เป็นเพราะความสัมพันธ์อันดีระหว่างเขาและลอว์เรนซ์ รวมทั้งคำทำนายของมาดามเกรซที่กล่าวถึงเขา
“โอ้ อย่างงี้นี่เอง!”
หานซั่วร้องออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“สวัสดี ท่านไบรอัน”
หลังจากที่เซซิเลียแนะนำ สมาชิกองครักษ์ชุดดำทั้งหมดที่อยู่ที่นั่นต่างมีสีหน้าทั้งประจบสอพลอหรือไม่ก็อิจฉาริษยา แต่พวกเขาทุกคนก็ทักทายและโค้งคำนับหานซั่ว
“เอาล่ะ พอแล้ว พวกท่านนั่งลงเถอะ”
เซซิเลียพูดพลางโบกมือ เมื่อเห็นว่าทุกคนกลับไปนั่งที่ของตนเองเรียบร้อยดีแล้ว เธอก็ชี้ไปที่ว่างข้าง ๆ เธอและพูดกับหานซั่ว
“ไบรอัน เจ้ามานั่งตรงนี้”
หานซั่วนั่งลงอย่างไม่ลังเล เขารู้ว่าองครักษ์ชุดดำเป็นองค์กรที่เข้มงวด และให้ความสำคัญกับตำแหน่งที่นั่งของบุคคลต่าง ๆ บ่อยครั้งที่ผังที่นั่งถูกจัดไว้ตามลำดับชั้น ในนครทาริค เซซิเลียมีตำแหน่งสูงสุด และรองจากเธอก็คือสมาชิกสุริยันทมิฬระดับ 4 เช่นนั้นแล้ว ที่นั่งของเขาจึงต้องอยู่ติดกับเธออย่างไม่ต้องสงสัย
“โอ้ จริงสิ เจ้ามีเรื่องอะไรที่อยากรู้งั้นรึ ถึงได้เดินทางมาถึงที่นี่?”
เซซิเลียถามขึ้นทันทีหลังจากที่หานซั่วนั่งลงแล้ว
หานซั่วพยักหน้าและตอบ
“ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้อัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์พำนักอยู่ที่นครทาริค ข้าก็เลยมาที่นี่เพื่อตามหาเขา ถ้าหากมีใครรู้ที่ซ่อนของเบลานต์ ข้าก็หวังว่าพวกท่านจะบอกข้าได้”
เมื่อหานซั่วพูดขึ้นมา สายตาของเขากวาดมองไปยังทุกคนที่นั่งอยู่ และโดยไม่รู้ตัว สายตาของเขากลับทำให้ผู้อื่นรู้สึกราวกับว่าเขากำลังก้มลงมองเหล่าผู้อ่อนแอดุจมดตัวเล็ก ๆ เพียงครู่เดียว สมาชิกองครักษ์ชุดดำทุกคนก็รู้สึกขึ้นมาอย่างฉับพลันว่าในตอนนั้น หานซั่วได้กลายเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในที่นั้นไปแล้ว
ในฐานะบุคคลผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ ของจักรวรรดิ และหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลทั้งสาม เซซิเลียก็รู้สึกไม่ต่างจากเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง ราวกับว่าเธอเองก็ได้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของหานซั่วด้วยเช่นกัน ความรู้สึกนั้นช่างแปลกประหลาด แต่ในขณะเดียวกัน ก็ดูเป็นธรรมชาติมากเหลือเกิน
แม้แต่เซซิเลียเองก็มีความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้ สิ่งที่หานซั่วทำมีเพียงนั่งลงและพูดขึ้นมาประโยคเดียวเท่านั้น เขาไม่ได้ทำอะไรอื่นที่ผิดแผกไปขณะพูด แต่กลับกลายเป็นจุดสนใจของทุกคน ซึ่งไม่เกี่ยวกับฐานะหรือระดับชั้นของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ท่านไบรอัน ข้ารู้ว่ามีการพบเห็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์ในนครทาริคตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อน แต่ตอนนี้ข้าไม่รู้เลยว่าเขายังอยู่ในนครทาริคหรือไม่”
สมาชิกองครักษ์ชุดดำคนหนึ่งยืนขึ้นจากม้านั่งทรงกลม และตอบหานซั่วด้วยความเคารพ
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
“ขอบใจมาก ท่านรู้รึเปล่าว่าทำไมเขาถึงมาที่นครทาริค?”
หานซั่วถามพร้อมรอยยิ้ม
“ข้าคิดว่าข้ารู้ครับ”
เมื่อสมาชิกองครักษ์ชุดดำคนเดิมแสดงสีหน้าเคร่งเครียด เซซิเลียก็หันหน้ามาและพูดขึ้นในทันที
“น่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุผลที่ข้าเดินทางมาที่นี่เหมือนกัน”
“โอ้? เพราะอะไรงั้นเหรอ?”
หานซั่วขมวดคิ้วและถามอย่างตั้งใจ
“ด้านนอกนครทาริค มีหุบเขาชื่อว่า ทารัค ซึ่งคล้ายคลึงกับป่าทมิฬของจักรวรรดิแลนซล็อตของพวกเรา เป็นสถานที่แปลกประหลาดที่เต็มไปด้วยสัตว์วิเศษมากมาย แต่หุบเขาทารัคถือเป็นพื้นที่นอกเขตการปกครองของสมาพันธ์พ่อค้าบรุท นอกจากยอดฝีมือที่แท้จริงเพียงบางคนแล้ว คนธรรมดาทั่วไปไม่มีใครกล้าเข้าไปในหุบเขาทารัคอย่างเด็ดขาด
ประมาณ 3 เดือนก่อน เหล่ายอดฝีมือบางคนที่เข้าไปฝึกฝนในหุบเขาทารัค อ้างว่าพวกเขาถูกโจมตีโดยสัตว์วิเศษที่แข็งแกร่งตนหนึ่ง และถูกขับไล่ออกจากหุบเขาทารัค เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าสัตว์วิเศษระดับสูงส่วนมากจะอยู่โดยลำพัง ยากที่จะพบพวกมันอยู่รวมกันเป็นฝูง เรื่องนี้เองที่กำลังตกเป็นเป้าสนใจของกลุ่มคนมากมาย ข้าจึงมาที่นี่เพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เซซิเลียอธิบายกับหานซั่ว
ด้วยใบหน้าที่ฉงนสงสัยและคิ้วที่ขมวดย่น หานซั่วมองไปยังเซซิเลียและร้องถาม
“แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับเบลานต์ด้วยล่ะ? หรือว่าเบลานท์มาที่นี่เพราะเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน?”
“เปล่า แต่ดูเหมือนว่าเบลานต์และพวกศาสนจักรแห่งแสงสว่างจะกำลังไล่ล่าใครบางคนอยู่ คน ๆ นี้จะต้องเป็นพวกนอกรีตตัวฉกาจ ที่ทำให้ศาสนจักรฯ ต้องการจะกำจัดเสีย ไม่อย่างนั้น พวกเขาคงจะไม่ถึงกับส่งยอดฝีมืออย่างเบลานต์ให้มาจัดการด้วยตัวเองหรอก ดูเหมือนว่าคนนอกรีตผู้นี้จะรู้ถึงเหตุการณ์แปลกประหลาดของหุบเขาทารัคด้วยเหมือนกัน ในเมื่อไม่มีทางให้หนีแล้ว เขาก็เลยยอมเสี่ยงดวงเข้าไปในหุบเขาทารัค บางทีคงจะหวังว่าเบลานต์และพวกจะเลิกพยายามตามล่าเขาก็ได้
แต่ถึงอย่างนั้น ศาสนจักรแห่งแสงสว่างมักจะถือตัวเป็นผู้นำสารของเทพแห่งแสงสว่าง และไม่สนใจเรื่องของเจ้าอสุรกายในหุบเขาทารัคหรอก หลังจากที่พวกเขารู้ว่าคนนอกรีตคนนั้นหนีเข้าไปในหุบเขาทารัค เบลานท์และพวกก็ตามเข้าไปเมื่อครึ่งเดือนที่ผ่านมา ซึ่งนับแต่ตอนนั้นมา ก็ไม่มีใครได้ข่าวอะไรอีกเลย”
เซซิเลียอธิบายช้า ๆ ขณะมองหานซั่ว
“อย่างงี้นี่เอง”
หานซั่วคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และพูดกับเซซิเลียอย่างอารมณ์ดี
“ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะ เอาล่ะ ข้าหมดธุระที่นี่แล้ว พวกท่านหารือกันต่อเถอะ ข้าจะไปที่หุบเขาทารัคเลยก็แล้วกัน”
“ท่านไบรอัน ได้โปรดระวังตัว หุบเขาทารัคเป็นสถานที่ ๆ อันตรายมาก พวกเราอยู่ที่นครทาริคมาหลายปี และรู้ถึงเรื่องราวความลี้ลับต่าง ๆ ที่อยู่รายรอบสถานที่แห่งนั้น แม้แต่จอมขมังเวทย์ธาตุแสงศักดิ์สิทธิ์ เรโนลด์ ดิลา แห่งสมาพันธ์พ่อค้าบรุทยังเคยถูกขังอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน หลังจากที่ เรโนลด์ ดิลา ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมที่ผิดปกติของบรรดาสิ่งมีชีวิตในนั้น เขายังห้ามไม่ให้นักผจญภัยเข้าไปยังหุบเขาทารัคเลย ถ้าจะมีใครใครรู้เกี่ยวกับอันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่ในหุบเขาแห่งนั้น ก็ต้องเขานี่แหละ”
สมาชิกองครักษ์ชุดดำที่เพิ่งรายงานเกี่ยวกับอัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์ เอ่ยปากเตือนหานซั่วในทันที
“ขอบใจที่เตือนนะ แล้วข้าจะระวัง”
หานซั่วเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม แต่เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
ในเมื่อหานซั่วบรรลุสู่อาณาจักรพลังกามอสูรแล้ว เขาจึงมั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับยอดฝีมือระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ สำหรับเวทย์ปีศาจ การเลื่อนระดับไปยังอาณาจักรพลังขั้นต่อไปหมายถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว หากว่าเขาต้องต่อสู้กับอัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์และจอมขมังเวทย์ธาตุดินศักดิ์สิทธิ์เด็มพัสอีกครั้ง หานซั่วแน่ใจว่าเขาจะสามารถสังหารทั้งคู่ได้อย่างแน่นอน
ในตอนนี้ ยอดฝีมือระดับศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหานซั่วที่เพิ่งเข้าสู่อาณาจักรพลังกามอสูรอีกต่อไปแล้ว แม้แต่กับครึ่งเทพอย่างราชากิ้งก่าโบราณ หานซั่วที่รู้สึกมั่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยังรู้สึกหาญกล้ามากพอที่จะแข่งขันกับเขา หานซั่วเชื่อว่ามีตัวตนเพียงไม่กี่คนในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำแห่งนี้ที่จะสามารถทำอันตรายเขาได้ ดังนั้น เขาจึงไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่นิดในการที่จะเข้าไปในหุบเขาทารัค
—– จบตอนที่ 442 Part 1 —–