Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 441
“เจ้าเป็นใครกัน!?”
เบิร์ต ซิลี ร้องขึ้นอีกครั้ง สายตายังคงมองไปยังพื้นที่วางเปล่าเบื้องหน้า และจับจ้องที่เงาดำนั้นอย่างไม่วางตา ร่างกายของเขาแข็งทื่อ และเตรียมพร้อมอย่างที่สุด — ไม่ใช่เพื่อการต่อสู้ แต่เพื่อจ้ำอ้าวอย่างสุดชีวิต!
ยอดฝีมือที่สามารถแช่แข็งสัตว์อสูรระดับสูงอย่างง่ายดาย อีกทั้งยังบุกเข้ามาในห้องลับโดยที่แม้แต่เขาก็ไม่รู้ตัว ย่อมเป็นผู้ที่เขาไม่สามารถเทียบฝีมือด้วยได้อยู่แล้ว และเหตุผลที่ เบิร์ต ซิลี ยังมีชีวิตรอดหลังจากผ่านการสู้รบมานานหลายปี ก็เป็นเพราะความสามารถในการคาดเดาสถาณการณ์ได้อย่างแม่นยำเช่นนี้นี่เอง
ในเงามืด ณ ตำแหน่งที่เสียงร้องดังขึ้น ปรากฏเป็นร่างสูงใหญ่ของคน ๆ หนึ่ง ภายใต้แสงสีเขียวเข้มอันเบาบาง คนผู้นั้นเดินลอดใต้สัตว์วิเศษระดับสูงที่ยังคงแข็งค้างอยู่กลางอากาศ ก่อนจะหันไปมองสัตว์ตัวนั้นด้วยท่าทีประหลาดใจไม่น้อย และหันมาพูดกับ เบิร์ต ซิลี ด้วยรอยยิ้ม
“ท่านอัญเชิญเจ้านี่มาเองเหรอ?”
เบิร์ต ซิลี ที่กำลังตื่นตัวอย่างที่สุดก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วขณะกวาดตามองหานซั่วตั้งแต่หัวจรดเท้า อาวุธบางอย่างที่เหมือนลิ่มปลายแหลมปรากฏอยู่ในมือซ้ายของเขา และร้องถามออกไปด้วยน้ำเสียงมุ่งร้าย
“ใช่ แล้วเจ้าเป็นใคร? เข้ามาที่นี่ได้ยังไง? และต้องการอะไร?”
“หึหึหึ ศาสนจักรแห่งความหายนะนี่ช่างเป็นองค์กรใหญ่โตที่มียอดฝีมือมากพรสวรรค์อยู่เยอะจริง ๆ เจ้าสัตว์วิเศษนี่แข็งแกร่งไม่ใช่เล่นเลย การที่สามารถอัญเชิญมันมาได้ แสดงว่าท่านเองก็ค่อนข้างเก่งกล้าในศาสตร์อัญเชิญไม่น้อยทีเดียวนะ”
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
หานซั่วพูดต่อด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนเขาไม่ได้ใส่ใจท่าทีระแวดระวังของ เบิร์ต ซิลี เลยสักนิด
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”
เบิร์ต ซิลี ถามครั้งที่ 3 เพราะมิอาจหยั่งรู้เจตนาของหานซั่วที่บุกเข้ามาถึงที่นี่ได้เลย เขาเฝ้าแต่คิดคำนวณว่าจะหนีออกไปจากห้องลับแห่งนี้แบบยังมีชีวิตได้อย่างไรเท่านั้น ดวงตาของเขากลอกไปมาระหว่างทางเดิน 2-3 แห่งที่เขาพอจะใช้เป็นทางออกที่รวดเร็วที่สุด
“อย่ากลัวไปเลย ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรหรอก ข้าชื่อไบรอัน ท่านน่าจะเคยได้ยินเรื่องของข้าผ่านวูล์ฟมาบ้างแล้ว เหตุผลที่ข้ามาที่นี่ ก็เพราะต้องการข้อมูลบางอย่างเท่านั้นเอง”
หานซั่วยิ้มพลางอธิบายอย่างไม่รีบร้อน
“ไบรอัน? เจ้าเมืองแห่งนครเบรทเทล ไบรอันคนนั้นน่ะรึ?”
เบิร์ต ซิลี อุทานออกมาอย่างแผ่วเบา ดูเหมือนเขาจะรู้สึกช็อกไม่น้อย
หานซั่วยังคงยิ้มต่อไปและพยักหน้ารับ ตอนนั้นเอง เขาก็หยิบคทาหัวกระโหลกออกมาโบกต่อหน้า เบิร์ต ซิลี ที่ยืนอยู่ห่างออกไปเพื่อพิสูจน์ตัวตน
เมื่อ เบิร์ต ซิลี มั่นใจแล้วว่าใช่เขาแน่ ก็มีท่าทีผ่อนคลายลง ใบหน้าเหี่ยวย่นที่เคยบิดเบี้ยวอย่างมุ่งร้ายของเขาพลันเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มกว้าง และเดินก้าวยาว ๆ เข้าไปหาหานซั่วอย่างรวดเร็ว
“ที่แท้ก็พวกเดียวกันนี่เอง! ท่านน่าจะรีบบอกข้าแต่แรกนะ! ทำเอาข้าใจหายใจคว่ำหมดเลย!”
เบิร์ต ซิลี พูด
เบิร์ต ซิลี ผู้นี้มีกลิ่นกายประหลาดที่ชวนให้คลื่นไส้ แม้ว่าเขากำลังเดินเข้ามาหาหานซั่วด้วยความกระตือรือร้น ก็ทำให้หานซั่วรู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย เขาถึงกับถอยหลังไปหลายก้าว แต่ก็ยิ้มและพูดขึ้นมา
“ท่านน่าจะรีบส่งสัตว์วิเศษของท่านกลับไปก่อนดีกว่านะ มันอาจจะตายก็ได้ถ้าปล่อยให้อยู่แบบนี้นานเกินไป”
หานซั่วโบกมือครั้งหนึ่ง มวลแสงชั่วร้ายบางอย่างลอยออกมาจากฝ่ามือ และในชั่วพริบตา มันก็พุ่งเข้าใส่สัตว์วิเศษ “เดจาร์กา” ที่ลอยค้างอยู่ทันที เมื่อมวลแสงเหล่านั้นแทรกซึมผ่านเข้าไปในร่างของสัตว์วิเศษ มันก็กลับคืนสู่การพุ่งกระโจนอันดุร้ายด้วยความเร็วสูงต่อทันที
“จงกลับไป!”
เบิร์ต ซิลี ร้องตะโกนขึ้นมา ตามด้วยการร่ายคาถาอันยืดยาวและเร่งรีบ
แล้วสัตว์วิเศษ “เดจาร์กา” ที่กำลังพุ่งเข้าใส่หานซั่ว พร้อมแยกเขี้ยวและกางเล็บแหลมคมเพื่อเตรียมตะปบอย่างเต็มที่ ก็หยุดชะงักไป ราวกับว่ามันถูกพลังงานประหลาดบางอย่างรวบตัวเอาไว้ มันส่งเสียงร้องโวยวายอย่างไม่ยินยอม ก่อนจะถูกลากกลับไปยังใจกลางของแท่นบูชา และอันตรธานหายไปภายในสัญลักษณ์สี่เหลี่ยมรูปนั้น
หลังจากที่อัญเชิญสัตว์วิเศษระดับสูง เดจาร์กา กลับไปแล้ว เบิร์ต ซิลี ก็เหลือบมองไปยังแท่นบูชาที่ส่งกลิ่นเหม็นคาวอย่างรุนแรง ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา และพูด
“ที่นี่คงไม่เหมาะที่จะคุยกันเท่าไหร่ มาเถอะ เราไปคุยกันข้างบนดีกว่า”
“ได้เลย!”
หานซั่วตอบตกลง
ไม่นานนัก หานซั่ว และ เบิร์ต ซิลี แห่งศาสนจักรแห่งความหายนะก็เข้ามาอยู่ในห้องรับรองหรูหราภายในคฤหาสนต์ของดยุค ที่นั่นไม่มีทหารยามคอยคุ้มกันบริเวณโดยรอบอยู่มากนัก แล้ว เบิร์ต ซิลี ก็หยิบจานผลไม้ประจำถิ่นของแคว้นทั้งเจ็ดออกมาด้วยตนเอง ก่อนจะวางลงบนโต๊ะเบื้องหน้าหานซั่ว
“วูล์ฟกับข้าเป็นเพื่อนกันมานานหลายปี อันที่จริง ทุกอย่างที่ข้ารู้เกี่ยวกับท่านก็ผ่านมาทางวูล์ฟทั้งนั้น ฮะ ๆ ในเมื่อพวกเราอยู่ฝ่ายเดียวกัน ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรทั้งนั้น ถ้าท่านต้องการอะไรล่ะก็ อย่าลังเลที่จะถามเลย ตราบใดที่ข้าช่วยได้ ข้าก็ไม่มีวันปฏิเสธหรอก”
เบิร์ต ซิลี พูดด้วยรอยยิ้มหลังจากเสิร์ฟผลไม้หน้าตาแปลก ๆ ให้กับหานซั่วแล้ว ท่าทีของเขาดูเป็นมิตรมากเลยทีเดียว
ทั้งการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหานซั่ว และพลังที่สามารถหยุด “เดจาร์กา” ซึ่งเป็นสัตว์วิเศษระดับสูงได้อย่างง่ายดาย ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ เบิร์ต ซิลี ตกตะลึงจนยากเกินบรรยาย และเดิมที เมื่อเขาได้ยินจอมขมังเวทย์ผู้ใช้ความตายวูล์ฟเล่าให้ฟังถึงพลังความแข็งแกร่งของหานซั่วอย่างละเอียด เขายังเคยนึกไปว่าวูล์ฟเพียงแค่พูดจาเกินความจริง เพราะชายหนุ่มอย่างหานซั่วคงไม่มีทางแข็งแกร่งอย่างในเรื่องเล่าของวูล์ฟอย่างแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตาม ในเมื่อตอนนี้เขาได้พบหานซั่วเป็นการส่วนตัว เบิร์ต ซิลี ก็ตระหนักได้ว่าคำอธิบายของวูล์ฟเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของหานซั่วนั้นผิดเพี้ยนไปพอสมควร เพราะพลังของผู้ที่สามารถหยุดสัตว์วิเศษระดับสูงอย่างเดจาร์กาได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น ย่อมต้องเหนือกว่าผู้ที่อยู่ในระดับปรมาจารย์จอมดาบหรือจอมขมังเวทย์มากมายนัก
และเพราะเหตุนี้เอง ท่าทีของ เบิร์ต ซิลี ที่มีต่อหานซั่วจึงยิ่งเป็นกันเองจนผิดวิสัย รอยยิ้มบนใบหน้านั้นดูนอบน้อมอย่างที่สุดราวกับพยายามจะเอาใจหานซั่ว ซึ่งหากเหล่าขุนนางชั้นสูงแห่งแคว้นบูเล็ทได้มาเห็นภาพนั้นแล้ว พวกเขาคงยากที่จะเชื่อได้ว่าชายผู้นี้คือคนเดียวกับ เบิร์ต ซิลี ดยุคที่ใคร ๆ ต่างก็เกรงกลัว
หานซั่วกัดผลไม้เข้าไปคำใหญ่และเคี้ยวอย่างอารมณ์ดี ท่าทีของเขาดูผ่อนคลายมากทีเดียว หลังจากที่กินผลไม้สีฟ้าที่มีลักษณะคล้ายองุ่นเข้าไปพวงหนึ่ง หานซั่วก็กระแอมไอเบา ๆ พลางมองไปยัง เบิร์ต ซิลี ที่นั่งอยู่นิ่ง ๆ พลางยิ้มและพูดขึ้น
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
“เหตุผลที่ข้าเจาะจงมาหาท่านโดยเฉพาะ ก็เพราะอยากรู้ว่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์อยู่ที่ไหน ท่านน่าจะได้ยินเรื่องราวความบาดหมางที่ข้ามีต่อเขามาบ้าง ซึ่งข้าก็ไม่ต้องการปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปอีกแล้ว”
ดวงตาของ เบิร์ต ซิลี เป็นประกายขึ้นมาทันที ก่อนจะตอบอย่างมั่นใจ
“ข้ารู้ที่อยู่ของอัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์ ตอนนี้เขาอาศัยอยู่กับสมาพันธ์พ่อค้าบรุท เพื่อทำภารกิจสกปรก ๆ บางอย่างให้กับศาสนจักรแห่งแสงสว่าง ตำแหน่งที่แน่นอนน่าจะเป็นเมืองทาริค ของสมาพันธ์พ่อค้าบรุท โอ้ จริงสิ ดูเหมือนพวกนั้นกำลังไล่ล่าใครบางคนอยู่ด้วย”
หานซั่วรู้ดีว่าศาสนจักรแห่งความหายนะจะต้องมีข้อมูลของอัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์ เพราะผู้ที่เป็นศัตรูมักจะค่อยเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายเช่นนี้อยู่แล้ว แต่ถึงกระนั้น หานซั่วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าเบิร์ต ซิลี ไม่จำเป็นต้องกลับไปยังศาสนจักรแห่งความหายนะเพื่อสอบถามข้อมูลใด ๆ และสามารถตอบคำถามหานซั่วเกี่ยวกับเบลาต์ได้อย่างทันทีทันใดเช่นนี้ ดูเหมือนว่าการมาที่นี่จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริง ๆ
“ขอบคุณมาก ข้ารู้แล้วว่าต้องทำยังไงต่อไป”
หานซั่วยิ้มและยืนขึ้น ก่อนจะโค้งคำนับเล็กน้อยให้ เบิร์ต ซิลี ราวกับว่าเขาเตรียมพร้อมที่จะจากไปแล้ว
“รอก่อน!”
เบิร์ต ซิลี รีบพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นหานซั่วตั้งท่าจะจากไปโดยไม่พูดอะไรไปมากกว่านั้น หานซั่วหันหน้ากลับมาด้วยสีหน้างุนงง แล้ว เบิร์ต ซิลี ก็พูดต่อ
“แคว้นของเราคือมิตรของท่าน ไม่ว่าจะอย่างไร หรือเมื่อไหร่ แคว้นของเราจะยืนหยัดเคียงข้างนครเบรทเทลของท่านเสมอ”
“…ขอบคุณ”
หานซั่วตอบกลับเพียงคำเดียว แทนที่จะพูดถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนั้น แล้วเขาก็เดินออกไปด้วยตนเอง แต่เมื่อไปถึงประตู หานซั่วดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาจึงหยุดและหันหลังกลับมาพูดกับ เบิร์ต ซิลี
“โอ้ จริงสิ ข้าเพิ่งฆ่า เนเฮ็ม เบจ ดยุคแห่งแคว้นบิสลี กับบิชอปเคโทส ไป ท่านจะฉวยโอกาสนี้รุกรานแคว้นบิสลีเลยก็ได้นะ”
“ร… เรื่องจริงรึนี่? ท่านเป็นคนฆ่า เนเฮ็ม เบจ จริง ๆ รึ?”
เบิร์ต ซิลี ถึงกลับร้องเสียงหลง ใบหน้าของเขาซีดเผือด
หานซั่วพยักหน้า และไม่ได้พูดอธิบายอะไรไปมากกว่านั้น เมื่อ เบิร์ต ซิลี กำลังจะถามถึงรายละเอียด เขาก็พบว่าหานซั่วได้หายตัวไปแล้วอย่างไร้ร่องรอยภายใต้ความมืดของรัตติกาล
ความประหลาดใจอันแสนสุขเอ่อล้นขึ้นมาในจิตใจของ เบิร์ต ซิลี ทันที เขารีบเรียกระดมพลบรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของแคว้นด้วยความตื่นเต้น และจัดประชุมทางการทหารอย่างลับ ๆ ในคืนนั้น เพื่อวางแผนหาวิธีที่ดีที่สุดในการโจมตีแคว้นบิสลีที่เพิ่งสูญเสียหัวเรือใหญ่อย่างดยุคผู้ปกครองแคว้นไปหมาด ๆ
หลังจากที่หานซั่วออกมาจากคฤหาสน์ของ เบิร์ต ซิลี แล้ว เขาก็ใช้ “ศาสตร์เทพอสูร” เหาะตรงไปยังสมาพันธ์พ่อค้าบรุททันทีด้วยความเร็วสูงสุด พลางวาดเส้นแสงข้ามท้องฟ้าราวกับดาวตก
สมาพันธ์พ่อค้าบรุท มีเขตแดนกว้างขวางเป็นของตนเอง อยู่ห่างจากนครเบรทเทลโดยมีแคว้นทั้งเจ็ดตั้งอยู่ระหว่างกลาง และด้วยความเร็วสูงสุดของหานซั่วในตอนนี้ เขาจะสามารถเหาะได้ไกลถึงวันละ 1,000 ลี้ แต่ในเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งวัน เขาก็เดินทางมาถึงนครทาริค ซึ่งตั้งอยู่ทางเขตตะวันตกเฉียงใต้ของสมาพันธ์พ่อค้าตระกูลบรุท
และในเมื่อมีฐานที่มั่นขององครักษ์ชุดดำของจักรวรรดิแลนซล็อตแทรกซึมอยู่ทุกที่ ไม่เว้นแม้กระทั่งสมาคมพ่อค้าบรุทด้วยเช่นกัน หลังจากที่หานซั่วมาถึงแล้ว เขาก็ทิ้งข้อความไว้กับศูนย์ข้อมูลประจำเมืองด้วยวิธีเฉพาะของสมาชิกองครักษ์ชุดดำ หลังจากรอคอยประมาณครึ่งวัน สมาชิกคนหนึ่งขององครักษ์ชุดดำที่ประจำการอยู่ในนครทาริคก็เดินทางมาพบเขา
ท่ามกลางย่านเศรษฐกิจที่แสนครึกครื้นของนครทาริค หานซั่วก็เดินตามสมาชิกคนนั้นไปจนถึงฐานที่มั่นลับประจำถิ่นขององครักษ์ชุดดำ เขาเข้าไปยังคฤหาสน์หลังหนึ่งทางประตูด้านหลัง ตอนนั้นเอง สมาชิกองครักษ์ชุดดำที่พูดขึ้นโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังมอง ก็หยุดอยู่ตรงโถงทางเดินและพูดกับหานซั่วด้วยสีหน้าจริงจัง
“โปรดยื่นเหรียญตราแสดงตนให้ข้าตรวจสอบด้วย”
หานซั่วหยิบเหรียญตราแสดงตนออกมา และยื่นให้สมาชิกผู้นั้น เมื่อเขาเห็นสัญลักษณ์รูปพระอาทิตย์จำนวน 2 ดวง เขาก็ผงะไปทันที ท่าทีของเขาดูนอบน้อมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ได้โปรดให้อภัยข้าที่ไม่สามารถจำท่านได้ ไม่ทราบว่าท่านคือใครรึขอรับ?”
“ข้ามาจากนครเบรทเทลน่ะ”
หานซั่วตอบพร้อมกับยิ้ม
“ท่าน… ท่านไบรอันรึขอรับ?”
สมาชิกองครักษ์ชุดดำผู้นั้นถึงกับอุทานออกมาเบา ๆ ก่อนจะรีบเอามือปิดปากตนเองราวกับว่ากลัวใครจะมาได้ยิน ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นและชื่นชมขณะจ้องมองไปยังหานซั่ว
หานซั่วพยักหน้า และพูดขึ้น
“พาข้าเข้าไปข้างในเถอะ ข้าอยากจะพบคนที่ดูแลที่นี่อยู่”
“ได้โปรด ตามเข้ามาข้างในเลยขอรับ ข้าจะรีบไปรายงานทันทีว่าท่านเดินทางมาถึงแล้ว!”
สมาชิกผู้นั้นนำทางหานซั่วไปตามโถงทางเดินด้วยความรวดเร็ว
“เอ๋? เจ้านี่เอง ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
ทันใดนั้น เซซิเลีย หนึ่งในสามผู้ทรงอิทธิพลขององครักษ์ชุดดำก็ร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ เธอยืนอยู่ตรงประตูด้านหน้าของคฤหาสน์ พลางจ้องมองหานซั่วด้วยสีหน้าสับสนอย่างที่สุด
**************************************