Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 442.2
“ไบรอัน เจ้าจะไปที่หุบเขาทารัคอย่างนั้นเหรอ?”
เซซิเลียร้องถาม
หานซั่วพยักหน้าและตอบกลับไป
“ใช่ ข้าจะไปที่นั่นเพื่อตามหาเบลานต์ ครั้งที่แล้วเจ้านั่นทำร้ายเพื่อนของข้าสาหัสมาก ข้าจะไม่ยอมให้เขามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไปได้อีก”
“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะขอมากเกินไปรึเปล่า ถ้าจะให้เจ้าเข้าไปในหุบเขาทารัคกับพวกเราด้วย? เพราะเรากำลังเตรียมตัวเพื่อเข้าไปไขความลับของหุบเขาทารัคอยู่แล้ว พวกเราต่างก็เป็นสมาชิกองครักษ์ชุดดำ และทำงานรับใช้จักรวรรดิแลนซล็อต การเข้าไปกับเจ้าจะทำให้พวกเรารู้สึกปลอดภัยมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เรายังสามารถช่วยเจ้าเรื่องข่าวสารเกี่ยวกับตำแหน่งที่อยู่ของอัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์ได้ด้วย เจ้าจะว่าไงล่ะ?”
เซซิเลียมองหานซั่วด้วยสายตาเว้าวอน และรอคำตอบรับจากเขา
วีรกรรมเก่งกล้าป่าเถื่อนที่น่าประทับใจของเขาในนครออซเซ็นได้ทิ้งความประทับใจไว้ในส่วนลึกของหัวใจเซซิเลีย แม้ว่าหลังจากเหตุการณ์นั้น หานซั่วจะชี้แจงถึงเหตุผลที่พลังความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก เป็นเพราะเขาได้หยิบยืมพลังจากแหล่งอื่นมาใช้ แต่ความแข็งแกร่งที่มากมายถึงเพียงนั้น ก็ทำให้เซซิเลียรู้สึกว่ามันเป็นเพียงข้อแก้ตัวที่หานซั่วยกขึ้นมาอ้างเพื่อถ่อมตัวเท่านั้น
และเมื่อเขากลับมาจาการฝึกฝนที่ใช้เวลาถึง 3 ปี เขายังกล้าพูดขึ้นมาด้วยความมั่นใจอย่างที่สุดว่าเขาต้องการฆ่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์ให้จงได้ โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก เซซิเลียก็บอกได้ทันทีว่าความแข็งแกร่งของหานซั่วจะต้องทวีคูณมากขึ้นอีก มิเช่นนั้นแล้ว เขาก็คงจะไม่กล้าพูดแบบนั้นออกมา
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
และการที่มียอดฝีมืออย่างเขาร่วมทางไปยังหุบเขาทารัค ย่อมต้องเพิ่มความปลอดภัยให้กับเซซิเลียและคนของเธออย่างแน่นอน
แต่ในตอนนี้ ด้วยระดับความแข็งแกร่งของหานซั่ว แม้แต่จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิแลนซล็อตยังคอยหาวิธีเอาใจเพื่อที่จะรวบตัวเขาไว้เป็นพวก เช่นนั้นแล้ว ถ้าเซซิเลียต้องการจะสร้างปัญหาให้หานซั่วจริง ๆ น้ำเสียงของเธอคงทำทีเป็นดูน่ารัก แทนที่จะพูดจาอวดดีและออกคำสั่งด้วยความหยิ่งยโสเหมือนก่อนหน้านี้
เมื่อมองไปที่เซซิเลียซึ่งมีท่าทีเว้าวอน และสายตาเปล่งประกายของเหล่าสมาชิกองครักษ์ชุดดำคนอื่น ๆ หานซั่วลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ท้ายที่สุดเขาก็พยักหน้าและพูด
“ตกลง”
ในเมื่อหานซั่วมีปีศาจอาคม หลังจากที่ไปถึงหุบเขาทารัคแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งการสอดแนมของพวกสมาชิกองครักษ์ชุดดำเพื่อช่วยในการลาดตระเวณเลยแม้แต่น้อย สมาชิกพวกนี้มีประโยชน์เพียงน้อยนิดสำหรับหานซั่ว แต่เขาก็เป็นสมาชิกองครักษ์ชุดดำ รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเขาได้รับข้อมูลจากพวกนั้น หานซั่วจึงคิดว่ามันออกจะน่าเกลียดไปสักหน่อยหากจะปฏิเสธไปตรง ๆ ดังนั้นเขาจึงยอมทำตามคำขอร้องอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ขอบใจมาก เรายังอยู่ในช่วงเตรียมพร้อม และจะพร้อมออกเดินทางไปยังหุบเขาทารัคในวันพรุ่งนี้ช่วงเช้าตรู่ อืม… ถ้าเจ้าเหนื่อยล่ะก็ ข้าพาเจ้าไปที่ห้องพักได้นะ”
เซซิเลียเอ่ยปากขอบคุณหานซั่วพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้างดงามของเธอ
“ตกลง ช่วยเตรียมห้องลับให้ข้าที ข้าอยากจะพักสักหน่อยเหมือนกัน”
หานซั่วตอบรับด้วยความยินดี หลังจากความเป็นปรปักษ์ระหว่างเขากับเซซิเลียได้จางหายไปแล้ว ความงดงามมีเสน่ห์ของเซซิเลียกลับทำให้เขาปลาบปลื้มอย่างบอกไม่ถูก เมื่อมองย้อนกลับไปตอนที่เขาไม่สามารถทนเธอได้ในอดีต และเทียบกับเธอที่มีทัศนคติที่ดีแล้วขึ้นในตอนนี้ หานซั่วจึงรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก
“ตามข้ามา”
เซซิเลียเดินนำไปยังบันไดด้านหน้า เมื่อเขาก้าวขึ้นไป เขาก็มีความรู้สึกวิงเวียนราวกับฟ้าดินปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งต่อมาที่เขารับรู้ เขาก็พบตัวเองอยู่ในห้อง ๆ หนึ่งที่ทำจากหินเสียแล้ว
“พักผ่อนเถอะ ข้าเองก็จะไปเตรียมตัวให้พร้อมเหมือนกัน”
เซซิเลียพูดพร้อมกับยิ้ม ทันทีที่ร่ายกายงดงามของเธอหันหลังกลับไป เธอก็อันตรทานหายไปจากห้องหินทันที
ในศูนย์บัญชาการองครักษ์ชุดดำ ณ นครทาริคแห่งนี้ สามารถใช้เวทมนตร์ห้วงมิติอันน่าอัศจรรย์ได้บางอย่าง แม้ว่าหานซั่วจะไม่เข้าใจนัก แต่พวกมันก็เป็นม่านพลังที่เขาสามารถทำลายได้ไม่ยาก หลังจากมาถึงห้องที่ทำด้วยหิน หานซั่วก็ใช้หินที่พบในนั้น และไม้จำนวนหนึ่งที่ลายแกะสลักเป็นรูปสัญลักษ์แปลก ๆ ขึ้นมา ก่อนจะจัดวางให้เป็นการรังสรรค์ค่ายกลบางอย่างขึ้นภายในห้องนั้น และนำคทาหัวกะโหลกออกมา
เมื่อเขาร่ายเวทย์เสร็จ หานซั่วก็หลับตาลง วิญญาณของเขาล่องลอยผ่านอุโมงค์มิติเวลาชั้นแล้วชั้นเล่า และมาถึงยังแดนรกร้าง โลกของเหล่าอสูรมิติมืด
ณ บริเวณยอดสูงสุดของภูเขาหินลูกหนึ่ง เจ้าผีดิบธาตุดิน ผีดิบธาตุไม้ ผีดิบธาตุไฟ ผีดิบธาตุโลหะ และผีดิบธาตุน้ำ ต่างยืนเรียงแถวกันเป็นแนวโค้ง ตรงกลางเหล่าผีดิบธาตุชั้นยอดทั้ง 5 ก้อนหินถูกกวาดออกไปจากพื้น พายุเม็ดทรายหมุนวนอยู่โดยรอบ ลำแสง 5 สี ทั้งสีน้ำตาลของผืนดิน สีเขียวของป่า สีแดงเพลิง สีเหลืองทอง และลำแสงสีขาวของน้ำ ต่างพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรงในทุก ๆ ทิศทาง พลังที่โกลาหลวุ่นวายถูกปล่อยออกมาจากร่างของผีดิบชั้นยอดแห่งธาตุทั้ง 5 ตอนนั้นเอง สีน้ำตาลของดิน สีแดงเพลิง และสีเหลืองทอง สีทั้ง 3 กำลังผสานเข้าหากันอย่างน่าประหลาด
ทุกครั้งที่สีทั้ง 3 ผสานเข้าด้วยกันและมาบรรจบกัน จะก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว และสร้างพลังที่โกลาหลวุ่นวายขึ้นตรงใจกลาง เติมเต็มความทรงพลังของ ค่ายกลศพศักดิ์สิทธิ์และธาตุทั้งห้า ให้น่าสะพรึงกลัวมากยิ่งขึ้น การระเบิดจากตรงใจกลางเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ภูเขาหินจะมีขนาดใหญ่โตมหึมาเพียงใดก็ยังสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ธาตุทั้ง 5 ได้แก่ โลหะ ไม้ น้ำ ไฟ และดิน คงอยู่ในทุกสรรพสิ่ง เหล่าผีดิบที่เดิมทีถูกสร้างขึ้นจากธาตุทั้ง 5 จึงสามารถใช้พลังของธาตุเหล่านั้นได้อย่างชำนาญ ค่ายกลศพศักดิ์สิทธิ์และธาตุทั้งห้า คือสิ่งที่หลอมรวมและก่อให้เกิดพลังของธาตุทั้ง 5 ซึ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเหล่าผีดิบชั้นยอดทั้ง 5 อย่างมหาศาล
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
ณ บริเวณใจกลาง ที่เกิดการผสมผสานของพลัง พลังอันโกลาหลวุ่นวายพุ่งออกไปทุกทิศทิศทาง อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้น มีเพียงผีดิบธาตุดิน ผีดิบธาตุไฟ และผีดิบธาตุโลหะ ที่สามารถผสมผสานพลังของพวกมันเข้าด้วยกันได้ แต่สำหรับผีดิบธาตุไม้และผีดิบธาตุน้ำ พวกมันยังไม่สามารถผสานพลังเข้ากับอีก 3 ตนได้เลย
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กขี่อยู่บนหลังของอสูรกระดูก พวกมันยืนอย่างองอาจอยู่บนพื้นที่ว่างของยอดเขา ราวกับแม่ทัพที่กำลังเฝ้ามองการฝึกซ้อมของเหล่าทหาร ขณะผีดิบทั้ง 5 ตนกำลังฝึกฝน ค่ายกลศพศักดิ์สิทธิ์และธาตุทั้งห้า เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กสังเกตความเป็นไปของพลังที่พวกมันสร้างขึ้นมาได้อย่างระมัดระวัง มีบางครั้งที่มันจำเป็นต้องเข้าไปปัดป้องพลังระเบิดที่เกิดขึ้นและพุ่งตัวไปตามจุดต่าง ๆ บนพื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ความสั่นไหวที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อปราสาทของมันที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
เมื่อความเชื่อมโยงในจิตวิญญาณส่งสัญญาณไปยังจิตของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก เนตรอสูรสีม่วงของมันส่องสว่างขึ้นมาทันที มันจ้องไปยังความว่างเปล่าเบื้องหน้า ระลอกคลื่นบางอย่างเกิดขึ้นชั้นแล้วชั้นเล่าในอากาศ และจากตรงนั้นเอง วิญญาณทรงพลังดวงหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
“ท่านพ่อ ท่านมาที่นี่ทำไมเหรอ?”
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กประหลาดใจพลางร้องถามหานซั่ว ทันทีที่วิญญาณของเขาปรากฏตัวขึ้น
“ข้ามาดูการฝึกฝนของพวกเขาน่ะ ว่าเป็นยังไงกันบ้าง”
หานซั่วปกปิดตัวตนของจิต เพื่อไม่ให้ผีดิบธาตุชั้นยอดทั้ง 5 ซึ่งกำลังฝึกฝนอย่างเหนื่อยล้าอยู่เบื้องล่างรู้ตัว พลางเฝ้าสังเกตการณ์ความเปลี่ยนแปลงของพลังอันสับสนวุ่นวายตรงใจกลางของพวกมัน
“เจ้าดิน เจ้าทอง กับเจ้าไฟ สามารถผสานพลังเข้าด้วยกันได้แล้ว มีแต่เจ้าน้ำ กับเจ้าไม้ที่ยังทำไม่ได้ ท่านพ่อ ท่านมาที่นี่เพื่อสอนว่าพวกนั้นควรจะทำยังไงใช่มั้ย?”
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กพูดกับหานซั่ว
“เปล่าหรอก ค่ายกลศพศักดิ์สิทธิ์และธาตุทั้งห้า ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณของพวกมันมาตั้งแต่ตอนที่ถือกำเนิด ธาตุทั้ง 5 เป็นทักษะโดยธรรมชาติของพวกมันเอง ซึ่งข้าไม่มีทางชี้นำพวกมันได้หรอก มันจะทำได้สำเร็จด้วยการฝึกฝนและความเข้าใจอย่างถ่องแท้ของตัวมันเองเท่านั้น”
หานซั่วตอบ หลังจากคิดใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง สายตาของเขาจับจ้องไปยังเจ้าผีดิบธาตุน้ำและธาตุไม้ชั้นยอด และพูดขึ้นมา
“เจ้า 2 ตนนั้น ยังไม่เข้าใจทั้ง ๆ ที่ทั้งหมดใช้เวลาฝึกมานานเท่ากัน บางที อาจเป็นเพราะพวกมันยังไม่พัฒนาร่างถึงระดับที่เหมาะสมก็ได้นะ”
“น่าจะเป็นแบบนั้น ทั้ง 5 ตน เจ้าดินเกิดขึ้นมาเป็นตนแรก ส่วนเจ้าไฟกับเจ้าทองก็มีของวิเศษติดตัวมาตั้งแต่เกิด แล้วของที่ว่าก็ดูเหมือนจะช่วยให้พวกเขาพัฒนาได้เร็วขึ้นมากจริง ๆ นี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกมันทั้ง 3 ตนถึงพัฒนาได้เร็วกว่าใครเพื่อน ส่วนเจ้าน้ำกับเจ้าไม้ที่เกิดมาทีหลัง แถมยังไม่มีของวิเศษติดตัวมาสักอย่าง จนมาถึงวันนี้ พวกมันก็เลยยังไม่เก่งเรื่องการใช้พลังของตนเองเลยสักที”
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กบอกกับหานซั่ว
“โอ้ จริงสิ ไข่มุกแห่งวิญญาณจากต้นไม้วิญญาณล่ะ เจ้าเคยลองแล้วรึยัง? แล้วได้ผลยังไงบ้าง?”
สาเหตุเดียวที่ทำให้เขาสามารถเข้าสู่อาณาจักรพลังกามอสูรได้เป็นเพราะผลที่ได้จากไข่มุกแห่งวิญญาณ ดังนั้น เมื่อเขานึกถึงต้นไม้แห่งวิญญาณอันน่าอัศจรรย์ขึ้นมาได้ เขาจึงถามเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กออกไป
“แน่นอน พวกมันทุกตนได้กินไข่มุกแห่งวิญญาณจากต้นไม้นั่นไปแล้ว มันช่วยเพิ่มพูนภูมิปัญญาของพวกเราได้มากเลย แต่เป็นเพราะต้นไม้แห่งวิญญาณต้องใช้เวลานานในการออกผล เพราะงั้นก็เลยไม่มีไข่มุกแห่งวิญญาณมากพอที่จะช่วยให้เจ้าน้ำและเจ้าไม้พัฒนาได้เร็วขึ้นกว่านี้แล้วล่ะ”
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กตอบอย่างสิ้นหวัง เพราะไม่รู้ว่าจะช่วยเจ้าผีดิบธาตุน้ำและเจ้าผีดิบธาตุไม้ได้อย่างไรดี
“เอาเถอะ เห็นทีข้าจะต้องพยายามหาทางปรุงยาสักอย่างขึ้นมาช่วยแล้วสิ การพัฒนาตามธรรมชาติแบบนี้ใช้เวลานานเกินไป”
หานซั่วตอบหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ท่านพ่อ แค่พลังของเจ้า 3 ตนที่ผสานเข้าด้วยกัน ค่ายกลศพศักดิ์สิทธิ์และธาตุทั้งห้า ก็มีพลังที่น่ากลัวมาก ๆ เลยนะ แม้แต่มังกรกระดูกที่แข็งแกร่ง ข้าเชื่อว่ามันจะต้องถูกจัดการได้ง่าย ๆ แน่ถ้าโดนขังไว้ในนั้น”
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กตอบ
“ใช่ ข้ารู้ แต่เมื่อใดก็ตามที่พลังทั้ง 5 ผสานเข้าด้วยกัน พลังของพวกมันจะน่าสะพรึงกลัวมากกว่านี้อีกเยอะ และยิ่งพวกมันพัฒนาและแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ พลังของค่ายกลก็จะเพิ่มมากขึ้นไปด้วย ข้าจะรอวันที่พวกมันทำให้ข้าต้องแปลกใจก็แล้วกัน”
“ท่านพ่อ พวกมันไม่ทำให้ท่านผิดหวังหรอก”
“เอาล่ะ ข้าต้องไปแล้ว คอยดูแลพวกมันและอย่าให้มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นล่ะ แล้วเฝ้าระวังมากเป็นพิเศษเวลาที่พวกมันฝึกฝนกันอยู่ด้วย พวกมันจะถูกรบกวนระหว่างการฝึกไม่ได้เด็ดขาด”
“เข้าใจแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าเจ้าโครงกระดูกเข้าใจตามคำแนะนำของเขา หานซั่วก็ไม่ได้อยู่ในมิติมืดอีกต่อไป เขาเรียกวิญญาณของตนเอง และกลับมายังอาณาจักรแห่งความลึกล้ำในที่สุด
เมื่อลองสังเกตอยู่พักหนึ่ง หานซั่วเห็นว่ายังมีเวลาเหลืออยู่อีกเล็กน้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะศึกษาเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายเกี่ยวกับมหาเวทย์ขนาดใหญ่ทั้ง 3 แบบ ที่เขาพบในสุสานแห่งความตาย — อาคมแห่งความกลัว อาคมแห่งความอ่อนแอ และอาคมแห่งอายุขัย อันที่จริง เขาก็ก้าวหน้าขึ้นเล็กน้อยระหว่างกำลังที่ศึกษาอย่างตั้งใจ และเริ่มเข้าใจได้ถึงเรื่องที่ศึกษามากยิ่งขึ้น
เห็นได้ชัดว่า เป็นเพราะนิสัยใฝ่รู้ตลอดเวลาของหานซั่วเช่นนี้เองที่ทำให้เขาก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว และสามารถไปถึงความสามารถระดับสูงในทั้ง 2 แขนง ทั้งเวทย์ปีศาจ และเวทย์มนตร์ศาสตร์แห่งความตาย
เมื่อใดก็ตามที่เขาพยายามจะแก้ไขปัญหาที่ยากลำบาก เวลามักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วสำหรับเขาเสมอ ทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเริ่มเกิดการสั่นคลอนขึ้นเล็กน้อย ทำให้เขาตื่นจากภวังค์ในที่สุด
“ไบรอัน เราพร้อมจะไปแล้วล่ะ”
เสียงของเซซิเลียดังขึ้นในหูของหานซั่วทันที
“เข้าใจแล้ว”
หานซั่วลุกขึ้น พลางเกลี่ยก้อนหินและแท่งไม้ที่เขาจัดวางไว้บนพื้นให้กระจัดกระจายออกจากกันอย่างไร้ระเบียบ และเดินออกจากห้องไป
*****************************************